เรื่องนี้เป็นนิยายรักอิงประวัติศาสตร์ช่วงต้นรัชกาลที่ 4 นางเอกของเราเป็นธิดาพระยารามเดชากับคุณหญิงพุดกรองจากเรื่องเผด็จสวาทขุนศึกเสน่หา กับหลานสาวของพระวิเศษภักดีและหนูเอื้อยจากเรื่องกำราบรักมารร้าย แต่อ่านแยกกันได้ค่ะ
**นางแบบบนปกนี้สวยแต่ออกฝรั่งจ๋าตาสีฟ้าไปหน่อย ที่จริงคุณแขเขาเป็นสาวไทยแท้สมัยร. 4 แต่หารูปเหมาะๆ ไม่ได้เลย รบกวนคนอ่านช่วยจิ้นเป็นสาวตาดำผมดำหน่อยนะเจ้าคะ กราบขออภัยและขอบน้ำใจเจ้าค่ะ
พอตั้งตัวได้แขยกมือยันอกอีกฝ่าย เบี่ยงใบหน้าหนีจุมพิต ทุบตีอีกฝ่ายตุบตับพลางตัดพ้อต่อว่า “คุณหลวง อย่าเจ้าค่ะ เหตุใดจึงเอาแต่ใจ บุ่มบ่ามใจร้อนเช่นนี้...”
คราวนี้อีกฝ่ายนิ่งขึงตัวแข็ง เงยหน้าขึ้นจากเต้าอวบใหญ่ที่ซุกไซ้ดอมดมอย่างหลงใหล “เอาแต่ใจ ใจร้อนบุ่มบ่ามรึเจ้า เราอยู่กินกันมากว่าสองปีแล้วหนา ทุกคราที่ร่วมเตียงกัน เจ้าก็ร่วมแรงร่วมใจโล้สำเภาโต้คลื่นไปกับข้า มีความสุขไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้า ครานี้มีเหตุใดขุ่นเคืองใจ เจ้าถึงอิดเอื้อนไม่เต็มใจ”
“สะ สองปีแล้วรึเจ้าคะ คุณหลวง” แขเย็นสันหลังวาบ สังหรณ์ใจตงิดๆ เลยถามย้ำให้มั่นใจ “ปีนี้จุลศักราชใดรึเจ้าคะ”
“นี่เจ้ามีความสุขกับข้าจนลืมวันลืมคืนเทียวรึ ปีนี้จุลศักราช 1215 อย่างไรเล่า ต้องให้บอกด้วยรึไม่ว่าอยู่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ครองราชย์ร่วมกับพระอนุชา สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อ๋อ แลล้นเกล้าก็อวยยศพี่เป็นพระเรืองยศรณยุทธ์ตั้งแต่มอบหมายให้เป็นล่ามแลช่วยร้อยเอกจอร์จ น็อกซ์ฝึกทหารให้วังหน้าแล้ว เลิกเย้าด้วยการเรียกด้วยบรรดาศักดิ์เดิมเสียเถิด ลำพังพี่นั้นไม่กระไรดอก เมียจะเรียกว่าคุณหลวง คุณพระ ก็ชื่นใจทั้งนั้น แต่คนอื่นอาจสำคัญผิด มองเจ้าว่าไม่ให้เกียรติไม่ไว้หน้าผัวเอาได้หนา”
“1215...พระเรืองยศรณยุทธ์…ฝึกทหารวังหน้า” แขพึมพำทวนคำพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถึงเขาจะตอบยืดยาวด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกกึ่งประชด แต่หลวงเรืองยศนั้นแม้จะปากไวปากจัดและเจ้าบทเจ้ากลอนแต่มิใช่คนที่จะพูดจาเพ้อเจ้อ เมื่อได้ฟังคำเขานางจึงตระหนักแน่ว่าคำอธิษฐานของตนนั้นสัมฤทธิ์ผล พระกาลรักษ์ได้บันดาลให้นางได้มาเห็นเหตุการณ์ในอีกสองปีข้างหน้าด้วยตาตัวเองจริงๆ