พ.ศ. 2517
บ้านสวนที่พลเอกพระยาสีหเดโช อดีตนายทหารใหญ่ผู้เคยเรืองอำนาจใช้ชีวิตยามเกษียณเป็นหมู่เรือนไทยใหญ่โตโอ่โถง ร่มเย็นน่าอยู่เพราะแวดล้อมด้วยสวนผักผลไม้ ด้านหน้ามีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน มองไปทางไหนจึงมีแต่ความเขียวชอุ่มชุ่มชื่นใจ
ปกติวันธรรมดาเจ้าคุณจะใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับเหล่าบริวารที่ติดตามมารับใช้ โดยมีคุณหญิงดวงใจอดีตลูกสะใภ้คนโตกับพลเอกหลวงเทพรณยุทธ์สามีใหม่ของหล่อน รวมทั้งอานนท์หลานปู่แท้ๆซึ่งเรียนจบจากนอกและแต่งงานมีเหลนให้ชื่นชมเรียบร้อยแล้วผลัดกันเข้ามาเยี่ยมเยียนดูแลทุกวันไม่มีขาด ส่วนช่วงเสาร์อาทิตย์หลานปู่บุญธรรมอันได้แก่ พรเทพ ดวงหทัยและดวงเนตร ซึ่งเป็นลูกของคุณหญิงดวงใจที่เกิดจากพลเอกหลวงเทพรณยุทธ์จะยกโขนงกันมาเยี่ยม และใช้เวลาส่วนใหญ่ในวันหยุดสังสรรค์กันอยู่ที่บ้านสวนแห่งนี้ โดยเฉพาะดวงเนตรซึ่งเป็นน้องนุชสุดท้องของบ้านและเป็นหลานคนโปรดนั้นแทบไม่ไปไหน นอนค้างจนถึงวันอาทิตย์ถึงจะเรียกรถที่บ้านมารับ เพราะรักและเป็นห่วง อยากอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนและดูแลคุณปู่ จะมีก็แต่พงษ์เทพหลานโตซึ่งทำงานมีตำแหน่งสำคัญด้านนิติบัญญัติ จึงไม่ค่อยมีเวลาว่าง นานๆ จึงจะแวะมาเยี่ยมเยียนถ้าเจ้าคุณป่วยหรือเรียกหา
แทบทุกสุดสัปดาห์บริวารในบ้านรวมทั้งชาวบ้านที่สัญจรไปมาผ่านหน้าเรือนไทยมักจะได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮา เสียงปู่กับหลานชายหญิงกระเซ้าเย้าแหย่กันเองบ้าง หลานๆ ยั่วให้คุณปู่เอ็ดตะโรใส่บ้าง ได้ยินแล้วก็มักจะพากันอมยิ้ม เอ็นดูและชื่นชมสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของคนในครอบครัวนี้ ซึ่งถ้านับกันจริงๆ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด มีเพียงอดีตลูกสะใภ้เป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงระหว่างเจ้าคุณกับครอบครัวใหม่ของหล่อน
ทว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เหล่าบริวารที่เคยเดินไปเดินมาขวักไขว่เพื่อรับใช้เจ้านาย ต่างนั่งคุดคู้อยู่หลังบ้านบ้าง ใต้ถุนเรือนไทยบ้าง จิตใจที่หม่นเศร้าอยู่แล้วเพราะวันนี้เป็นวันที่คุณหญิงดวงใจส่งลูกๆ มารับคุณปู่ไปอยู่ด้วยที่บ้านในเมือง ยิ่งหดหู่มากขึ้นเมื่อได้ยินแต่เสียงแหบแห้งด้วยวัยชราของเจ้าคุณบ่นว่าดุด่าเสียงดังสลับกับเสียงหลานๆ อ้อนวอนและยกเหตุผลสารพัดมาอ้างเพื่อให้เจ้าคุณยอมย้ายไปอยู่บ้านเทพรณยุทธ์
ภายในห้องนอนกว้างใหญ่ของเรือนประธานซึ่งเคยอบอุ่นด้วยไอรักของคนในครอบครัวกลายเป็นสมรภูมิย่อยๆ โดยมีเจ้าคุณยึดเตียงนอนเป็นชัยภูมิ ส่วนหลานๆ นั่งๆ ยืนๆ กระจายตัวอยู่รอบห้อง ดวงฤทัยนั่งทอดถอนใจอย่างอ่อนระอาอยู่ที่ปลายเท้า ดวงเนตรนั่งมองคุณปู่ตาละห้อยอยู่ข้างเตียง ส่วนพรเทพยึดหัวหาดที่ข้างหน้าต่างจับจ้องมองเจ้าคุณอย่างฉงนสงสัยที่จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็ยืนกระต่ายขาเดียว อย่างไรก็จะไม่ยอมย้ายไปอยู่บ้านเทพรณยุทธ์ทั้งที่รับปากกับลูกสะใภ้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปอยู่ด้วย เพื่อสมาชิกในครอบครัวจะได้ช่วยกันดูแลสุขภาพของท่านที่เริ่มมีโรคภัยมาเบียดเบียนตามวัย นอกเหนือจากที่เคยหกล้มตกบันไดจนเป็นอัมพฤกษ์อยู่หลายปี
“อยู่ที่นั่นคุณปู่จะได้เจอตาทุกวันเลยนะคะ ตาสัญญาจะไปหาที่ห้อง ไปกินอาหารเช้าด้วยทุกวันก่อนไปเรียน กลับบ้านตอนเย็นก็จะไปนั่งคุยเป็นเพื่อนจนกว่าจะถึงเวลานอนของคุณปู่” หลังจากต้องอดทนกับความเกเรโยเยเหมือนเด็กๆ ของคนเป็นปู่มาตั้งแต่ช่วงเช้า จนตกบ่ายยังโยกย้ายออกไปจากเรือนไทยไม่ได้ ดวงเนตรซึ่งนั่งพับเพียบข้างเตียงตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกโดยใช้ตัวเองเข้าล่อ มั่นใจว่าเป็นหลานคนโปรด อย่างไรเสียคุณปู่ต้องใจอ่อนยอมจำนน
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องหน้าเหลอเมื่อถูกเจ้าคุณยอกย้อนกลับมาแบบมะนาวไม่มีน้ำ “จะต้องเจออะไรกันทุกวัน แค่อาทิตย์ละสองวันนี่ก็หูอื้อไปหมดแล้ว เด็กอะไรคุยเก่งยิ่งกว่านกแก้วนกขุนทอง”
“เป็นงั้นไป” หญิงสาวครางเสียงอ่อย หน้าจ๋อยไปถนัดตา หันไปกะพริบตาปริบๆ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากพี่สาว
เห็นน้องสาวถอยร่นไม่เป็นกระบวน ดวงหทัยรีบออกหน้า “งั้นวันไหนคุณปู่หนวกหูยายตา ใจจะอ่านหนังสือให้ฟังแทน ที่บ้านเรามีหนังสือดีๆ เยอะแยะ คุณพ่อสะสมไว้ทั้งวรรณคดีไทย ฝรั่ง สุนทรภู่ก็มี เชกสเปียร์ก็เยอะ หรืออยากนั่งรถเล่นตอนเย็นๆ ใจกับตาก็จะพาไป อยากไปเที่ยวไหนจะพาไปทุกที่เลยค่ะ”
“บ้านนี้ก็มีรถ อยากไปไหนก็สั่งให้เอารถออกเองได้ ไม่เห็นต้องง้อบ้านเทพรณยุทธ์ เรื่องหนังสือก็เหมือนกัน ไม่เห็นต้องลงทุนย้ายบ้านไปให้ใครอ่านให้ฟัง อยากอ่านอะไรก็แค่ยืมจากบ้านนั้นมาให้คนแถวนี้อ่านให้ฟังก็ได้” เจ้าคุณย้อน พยายามลากบทสนทนาไปถึงคนคนหนึ่ง แต่ทำไม่สำเร็จเพราะวาดลีลามากเกินไปจนไม่มีใครตามทัน เลยอัดอั้นตันใจจนแทบจะโพล่งออกไปตรงๆ ถ้าไม่มีคนสอดขึ้นมาเสียก่อน
“คนแถวนี้ที่ไหนจะอ่านวรรณคดีให้คุณตาฟังได้ครับ” พรเทพจอมทะเล้นของบ้านแย้งกลั้วหัวเราะ แล้วขยับเข้าไปกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันสองคน “ย้ายเถอะครับคุณปู่ ผมเห็นพยาบาลผู้ช่วยที่คุณแม่หาเตรียมไว้ให้คุณปู่แล้ว เสียงหวานอย่าบอกใคร รับรองไม่ว่าจะอ่านอะไรให้ฟังก็รื่นหู แค่นั้นยังไม่พอ หุ่นยังไฉไลเหลือหลาย ไม่ว่าจะมองตรงไหนมันเหลือเฟือไปหมด เจริญหูเจริญตาอย่าบอกใคร”
กับหลานชายคนรองซึ่งอยู่ในวัยห่ามห้าวคนนี้ เจ้าคุณมักจะคุยเรื่องตลกโปกฮาด้วยเป็นประจำ และเข้ากันดีเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก พอทางนั้นทะลึ่งเข้าทางที่จะพาไปสู่จุดหมายได้ เจ้าคุณจึงถูกใจตบเข่าฉาด รับลูกทันใด “แล้วนึกหรือว่าที่นี่ไม่มี นอกจากเสียงจะหวาน นางพยาบาลของปู่ยัง...38-22-36 ด้วยจะบอกให้”
คนฟังตาโต “เลขสวยปานนั้นมีด้วยหรือครับแถวนี้ ผมเห็นมีแต่ 60-60-60 อกเอวตะโพกเท่ากันหมดทั้งตัว น้ำหนักกับอายุก็เหมือนกัน”
“พรเทพเอ๋ย แกจะไปรู้อะไร แถวนี้ไม่ได้มีแต่ผลไม้เท่านั้น สาวๆ ก็ทั้งสวยทั้งหวานอย่าบอกใคร ยิ่งเด็กของปู่เนี่ยนะ นางสาวไทยทำอะไรไม่ได้ หุ่นงี้เช้งวับโค้งเว้าอย่างกับน้ำเต้า ผิวผ่องเป็นยองใยราวกับแตงร่มใบ หน้าตาหรือก็...เอ่อ...เอื๊อก” เจ้าคุณเผลอบรรยายสรรพคุณของ ‘เด็ก’ ของตนต่อไปอย่างมันปาก แต่แล้วก็ต้องเอ่ออ้าเมื่อเหลือบไปเห็นพี่น้องสองสาวดวงหทัยกับดวงเนตรมองมาตาแป๋ว งุนงงกับท่าทางคำพูดเหมือนหนุ่มน้อยใจแตกของคุณปู่ แล้วพอมองเลยออกไปที่ประตูห้องเจ้าคุณก็ต้องสะดุ้งในใจแปดตลบ แอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนพิงไหล่กับกรอบประตูมองมาเงียบๆ ด้วยสายตาครุ่นคิด
“พ่อพงษ์มีเวลามารับปู่กับเขาด้วยหรือนั่น” เจ้าคุณเอ่ยทักเมื่อหลานชายคนโตก้าวเข้ามาค้อมตัวกราบที่ตัก แต่ในใจคิด...เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเวลามาเยี่ยม เกิดจะมาวันนี้ หลานคนนี้คมเหมือนมีด แข็งเหมือนหิน ชะรอยเรื่องที่คิดว่าง่ายจะกลายเป็นยากไปเสียแล้ว
“ใครหรือครับเด็กของคุณปู่คนนั้น” เสียงขรึมถามมา ตาคมกริบจับจ้อง แล้วยังไม่ทันได้คำตอบก็กล่าวต่ออย่างรู้ทัน “คงเป็นเด็กคนนี้สินะครับที่ทำให้คุณปู่ไม่ยอมย้ายไปอยู่บ้านในเมืองกับพวกเราทั้งที่นัดแนะตกลงกับคุณแม่ไว้ดิบดีแล้ว”
เจ้าคุณหน้าเจื่อน ที่แกล้งแผลงฤทธิ์มาตั้งแต่เช้าก็เพราะจะต้องการจะต่อรองเรียกร้องในสิ่งที่เคยขอจากดวงใจกับพลเอกเทพแล้วไม่สำเร็จ เลยวางแผนว่าจะหลอกล่อเรียกร้อง ต่อรองกับหลานๆ ซึ่งยังกระดูกอ่อนสอนหัดและตามตนไม่เคยทัน มั่นใจว่ากล่อมไม่นานก็จะได้ดังใจปรารถนา แต่แล้วแผนที่วางไว้ดิบดีก็ส่อเค้าว่าจะล้มเหลว เมื่อคนที่งานยุ่งตลอดกาลอย่างพงษ์เทพเกิดปลีกตัวจากงานมารับท่านกับน้องๆ
ในบรรดาหลานทั้งหมด เจ้าคุณใกล้ชิดกับพงษ์เทพน้อยที่สุด เพราะตอนที่เขาเกิดเจ้าคุณกำลังหลงรินคำ ทารกน้อยกำพร้าแม่ที่หลวงเทพฯ พามาจากเชียงตุง ซึ่งท่านช่วยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ยิ่งกว่านั้นปู่และย่าตัวจริงของพงษ์เทพก็เห่อและหวงหลานคนแรกมาก อย่าว่าแต่เจ้าคุณเลย แม้แต่พ่อแม่ยังไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เลี้ยงดูอุ้มชูลูกคนนี้
ถึงจะใกล้ชิดสนิทสนมน้อยกว่าหลานคนอื่นๆ แต่เจ้าคุณก็รักและเกรงใจหลานคนนี้มาก อาจเป็นเพราะพงษ์เทพถอดแบบบิดามาทั้งรูปร่างสูงใหญ่เหมือนนักรบและนิสัยเคร่งขรึมจริงจัง เป็นผู้ใหญ่เกินวัย เขาเป็นคนเรียนเก่ง ได้ทุนรัฐบาลไปเรียนกฎหมายจนจบดอกเตอร์อังดรัวส์จากฝรั่งเศสตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบสี่ปี พอจบแล้วก็กลับมารับหน้าที่สำคัญในการร่างกฎหมาย และได้รับการยอมรับนับถือจากผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงเดียวกันทั้งที่อายุยังไม่เต็มสามสิบดี ส่งผลให้คนในครอบครัวพลอยเกรงใจและให้เกียรติเขาไปด้วย เมื่อเขาทัดทานหรือห้ามปรามเรื่องใดก็มักจะเชื่อฟัง ซึ่งเจ้าคุณก็มั่นใจว่าชายหนุ่มจะต้องไม่ยอมตามใจในเรื่องที่ท่านมุ่งมาดปรารถนา หญิงสาวที่วางแผนจะพาไปอยู่ที่บ้านเทพรณยุทธ์ด้วย จะต้องถูกทอดทิ้งให้เผชิญปัญหาชีวิตตามลำพัง
แค่คิดก็สงสารจับใจ จึงพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย แข็งใจต่อตากับหลาน พูดเสียงแข็งบอกถึงความมุ่งมั่นเช่นในครั้งที่ยังกุมอำนาจในกองทัพ “ใช่ ปู่ต้องการพาผู้หญิงคนหนึ่งไปอยู่ด้วย ถ้าไม่อนุญาต ปู่ก็ไม่ไป จะตายที่บ้านสวนนี่แหละ”
ในอดีตแค่เจ้าคุณมองหน้า ผู้คนรอบข้างก็กลัวหัวหด ปฏิบัติตามประกาศิต ปัจจุบันแม้หมดอำนาจแล้ว แต่บารมียังมีอยู่ มักจะได้รับความเกรงใจในฐานะผู้อาวุโส เอ่ยปากอะไรก็มักจะได้ตามต้องการ แต่ครั้งนี้นอกจากคนฟังจะไม่เกรงกลัวหวั่นไหวแล้วยังย้อนถามพร้อมกับเลิกคิ้วรอคำตอบ “และผู้หญิงคนนั้นคือ...”
“หนูดี...ปู่ต้องการพาราชาวดีไปอยู่ด้วย” เจ้าคุณโพล่งคำตอบออกไปแล้วเชิดหน้าท้าทาย แต่แอบกลืนน้ำลาย
ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปากพงษ์เทพ แต่ตาเข้มหรี่ลงจนเห็นแต่ตาดำและปากก็เม้มแทบเป็นเส้นตรงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากผู้อาวุโส เห็นแค่นี้เจ้าคุณก็ทอดถอนใจเพราะพอจะเดาคำตอบได้ว่าเยสหรือโน