วาระซ่อนเร้น-วาระพระเสาร์แทรก 3

โดย  Shayna

วาระซ่อนเร้น

วาระพระเสาร์แทรก 3

นักการเงินหนุ่มเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตอนสี่ทุ่มครึ่ง ยิ้มเนือย เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นศราวณะนั่งจดบันทึกอะไรบางอย่างอยู่บริเวณห้องโถงใต้บันได

“ผมนึกว่าคุณเข้านอนแล้วเสียอีก”

“ก็ว่าจะไปแล้วเหมือนกันค่ะ แต่อยากเช็กให้แน่ใจอีกครั้งก่อนว่าฉันไม่ลืมอะไรเกี่ยวกับพรุ่งนี้” เธออยากให้วันเกิดของอลิซออกมาดีที่สุด คุณกลับดึกอีกแล้ว งานยุ่งมากเหรอคะ”

“ก็… นิดหน่อย” พอลหลบตาวูบ รู้สึกผิดบาปที่ต้องโป้ปดมดเท็จ “มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”

“ถ้าเกี่ยวกับเรื่องงานวันเกิดของอลิซก็ไม่มีค่ะ มีแค่เรื่องที่โซอี้มาบอกฉันตั้งแต่เช้าว่าจะลาออก ฉันไม่แน่ใจว่าคุณหรือแซมอยากไปปรับความเข้าใจ เพื่อโน้มน้าวให้เธออยู่ต่อหรือเปล่า ฉันพยายามแล้วค่ะ แต่ไม่สำเร็จ” นึกถึงบทสนทนาระหว่างตนกับโซอี้ทีไร เธอก็ไม่แน่ใจทุกทีว่าสรุปอยากให้อีกฝ่ายอยู่หรือไปกันแน่

โซอี้บอกเธอตั้งแต่เช้าว่าต้องการออกอาทิตย์หน้า เมื่อถามถึงเหตุผล หล่อนก็บอกว่าไม่ชอบหน้าซามูเอล และอึดอัดกับการเผชิญหน้ากับพอล พอแกล้งทำไขสือถามถึงเหตุผล หวังว่าโซอี้จะเปิดใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น พี่เลี้ยงสาวชาวเม็กซิกันกลับไม่ยอมเล่า แถมยังย้อนเสียงขุ่น ว่าเห็นเธอกับพอลจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่หน้าห้องนอนในคืนนั้น

‘คุณไม่น่าเอาเพื่อนมาอ้างเพื่อกีดกันฉันเลยซาร่าห์ ความจริงบอกฉันตรงๆ ก็ได้ว่าคุณอยากได้มิสเตอร์ไวส์แมนไว้เอง ฉันรับได้อยู่แล้ว จะว่าไปฉันมันโง่เองแหละที่หลงเชื่อว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับเขา มีผู้หญิงคนไหนบ้างล่ะที่ไม่อยากจับผู้ชายโคตรหล่อแถมรวยล้นฟ้าอย่าง พอล ไวส์แมน’

โซอี้คงไม่พอใจเธอมาก ถึงได้เรียกด้วยสรรพนามใหม่ ไม่ใช่มิสเหมือนอย่างที่ผ่านมา

‘ฉันไม่เถียงหรอกนะคะโซอี้ว่าคงมีผู้หญิงมากมายอยากได้เขาเป็นสามี แต่เชื่อเถอะว่าฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน สำหรับฉัน ความรักและนิสัยใจคอ ต้องมาก่อนความรวยกับหน้าตา’ เธอมองอีกฝ่ายด้วยความสมเพชเวทนา โซอี้บอกว่าสนใจพอล แต่กลับไม่เคยถามหรือแสดงความสนอกสนใจด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร นิสัยใจคอและพื้นฐานครอบครัวเป็นแบบไหน สิ่งที่โซอี้สนคือรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงานและรายได้ของเขา

‘อู้ว! ช่างเป็นพวกโลกสวยเสียจริง ถ้าคุณอยากหลอกตัวเองด้วยทัศนคติแบบนั้นก็เชิญเถอะ ฉันชอบอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า’ โซอี้แบะปากเยาะเย้ย แววตาดูถูกดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด

‘สิ่งที่ตัดสินว่าอะไรคือโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่สิ่งที่ฉันหรือคุณพูดหรอกค่ะโซอี้ แต่มันเป็นสิ่งที่คุณหรือฉันเลือกปฏิบัติต่างหาก’ เธอสวนกลับอย่างเหลืออด

‘โอเค แม่สาวดาวอังคาร ฉันไม่เถียงกับคุณแล้วก็ได้ แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างด้วยความหวังดีนะ คราวหน้าคุณควรจะลากเขาเข้าห้องแทนที่จะไล่กลับ ไม่งั้นสักวันเขาอาจอารมณ์ค้างจนไปเคาะห้องคนอื่นก็ได้ คฤหาสน์นี้มีสาวหน้าตาดีหลายคน แฝดผมแดงอย่างไปเปอร์กับเปปเปอร์ก็สวยไม่น้อยกว่าคุณเลย อย่ามองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาด’

‘ฉันคิดว่านั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาหรอกค่ะ ขนาดคุณสวย เซ็กซี่ ร้อนแรงประหนึ่งไฟล้างโลกขนาดนี้ เขายังทำแข็งใจปฏิเสธได้ ถือว่าเป็นผู้ชายมีความอดทนอดกลั้นมากพอตัว’ ศราวณะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความโกรธกรุ่น

‘นี่มิสเตอร์ไวส์แมนฟ้องคุณงั้นเหรอ’ นัยน์ตาของคนพูดวาววาม

‘เขาไม่ได้ฟ้องอะไรมากหรอกค่ะ เขาแค่บอกว่าคุณหาว่าฉันโง่ที่ปฏิเสธคำชวนของเขา’ หญิงสาวจงใจยั้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น เพราะไม่อยากรื้อฟื้นให้อีกฝ่ายอายกับพฤติกรรมหยำฉ่าของตัวเองมากกว่านั้น คิดว่าโซอี้คงเดาออกว่าพอลเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง

‘ฉันไม่ขอโทษหรอกนะที่ว่าคุณโง่ เพราะฉันคิดแบบนั้นจริงๆ’

‘ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันเองก็บอกเขาไปเหมือนกันว่าโง่ที่ปฏิเสธคำชวนของคุณ’

ใช่! เขาโง่มากที่ผู้หญิงสวยเซ็กซี่เสนอแล้วไม่สนอง โง่แต่ขณะเดียวกันก็นับว่าฉลาดมากที่โดนยั่วหนักเสียขนาดนั้น แต่สมองยังใช้การได้ปกติ

“อุ๊ย! ทำบ้าอะไรของคุณคะ” ศราวณะยกมือลูบแก้มตัวเองเมื่อคนฉวยโอกาสก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่ เขาใจกล้าหน้าด้านมาเพราะทำเรื่องบ้าๆ ต่อหน้าผู้ติดตามทั้งสอง

“บ้าที่ไหนล่ะ ผมคุยด้วยตั้งหลายประโยค แต่คุณนั่งเหม่อ เดี๋ยวหน้าบึ้ง เดี๋ยวอมยิ้ม ถามอะไรก็ไม่ตอบ” พอลแอบโล่งใจที่เธอเอาแต่เหม่อจนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติบนสีหน้าของเขา

“คุณคุยอะไรกับฉันบ้างคะ ฉันหมายถึง…คุณจะเอาอย่างไรกับเรื่องโซอี้”

“เขาอยากออกก็ให้ออกไป บอกตามตรงว่าผมโล่งใจมากที่เขาตัดสินใจจะออก นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่า แซม” ชายหนุ่มหันไปถามความเห็นของบอร์ดีการ์ดหน้าเข้ม

“ครับ” ซามูเอลตอบสั้นๆ

ออกน่ะดีแล้ว เพราะสบตาหล่อนทีไร เขาก็หนาวไปถึงไขกระดูกทุกที นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่หล่อนไปเคาะประตูห้องนอนแทบทุกคืนอีก ไปสมรภูมิรบแถบตะวันออกกลางและแอฟริกามาหลายประเทศ ยังไม่น่ากลัวเท่าการหนีกรงเล็บสวาทของโซอี้ เขาเคยไล่ให้หล่อนไปเคาะห้องนอนของอลันหรือเทรเวอร์ แต่หล่อนกลับบอกว่าสองคนนั่นไม่เคยอยู่ในสายตา

“โซอี้บอกว่าถ้าคุณโอเค เขาจะย้ายออกวันอาทิตย์ค่ะ” โซอี้ให้เหตุผลกับเธอว่าอยากอยู่ช่วยดูแลให้งานเลี้ยงวันเกิดของอลิซผ่านไปด้วยดีเท่านั้น ก็ยังนับว่ามีจิตสำนึกของการเป็นพี่เลี้ยงที่ดีหลงเหลืออยู่บ้าง

“ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วคัปเค้ก แต่คุณจะโอเคหรือเปล่า ถ้าต้องรอพี่เลี้ยงคนใหม่สักหนึ่งถึงสองอาทิตย์” แววตาของเขาอ่อนโยนเสียจนคนฟังยิ้มเยือนอย่างอ่อนหวาน

“สบายมากค่ะ ความจริงเราไม่ต้องหาพี่เลี้ยงคนใหม่ก็ได้ ฉันกับทุกคนที่นี่ดูแลอลิซได้สบายอยู่แล้ว รอฟังความเห็นจากแพทย์เด็กประจำตัวของอลิซที่เราจะไปพบอาทิตย์หน้าก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าหมอบอกว่าพัฒนาการของอลิซปกติ ไม่มีอะไรน่าห่วง เราค่อยหาพี่เลี้ยงใหม่ก็ยังได้” เธอจำที่ศศินาราเคยบอกได้ว่าตอนพาอลิซไปหาหมอเมื่อสามเดือนก่อน หมอเป็นห่วงว่าพัฒนาการด้านภาษายังช้ามากเมื่อเทียบกับเด็กวัยไล่เลี่ยกัน แต่ถ้าเทียบระหว่างวันนี้กับอาทิตย์แรกที่เธอเจออลิซ แม่หนูน้อยมีพัฒนาการด้านการพูดแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

“เอางั้นก็ได้” พอลยื่นมือออกไปดึงตัวคนฟังให้ลุกจากเก้าอี้หลุยส์สีครีม “ขึ้นข้างบนกันเถอะ”

หญิงสาวมองมือของคนจูงด้วยความอิ่มเอมใจ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เธอก็ไม่แน่ใจนัก รู้แค่ว่านี่คือหนึ่งในช่วงเวลาที่เธอโปรดปรานที่สุดของแต่ละวัน

พอลจูงมือภรรยาเข้าไปในห้องของอลิซเหมือนทุกคืน เขาไล้มือกับแก้มเนียนใสของแม่ตัวน้อยอย่างแผ่วเบา อวยพรให้หลับฝันดี ก่อนจะพาภรรยาออกจากห้องนั้นด้วยฝีเท้าเงียบกริบ

“ขอเข้าไปนั่งคุยในห้องสักห้านาทีได้ไหม ซาร่าห์”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเครียดขรึมเมื่อเดินมาถึงประตูห้องนอนของเธอ

“ก็ได้ค่ะ” ศราวณะตอบรับหลังจากสังเกตท่าทีแล้วเห็นว่าเขาคงกำลังมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ทว่าทันทีที่ดึงให้เขาตามเข้ามาในห้อง ก็แทบจะถีบคนปากเสียกระเด็นออกไปที่ทางเดิน เพราะ…

“นี่แม่บ้านไม่ได้ขึ้นมาทำความสะอาดห้องของคุณทุกวันเหรอ ซาร่าห์” ตาสีน้ำทะเลกวาดมองรอบๆ ห้องส่วนตัวของภรรยาอย่างไม่ชอบใจนัก

หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาทันทีทันใดเพราะคำถามชวนตีของมิสเตอร์เพอร์เฟ็กชันนิสต์ แค่เห็นที่นอนยับยู่ยี่ มีหนังสือกับโน้ตบุ๊กวางกระจายอยู่บนนั้น และมีข้าวของอีกไม่กี่ชิ้นวางอยู่กับพื้นก็โวยวายตอนสี่ทุ่มครึ่ง ประหนึ่งว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

นี่เขาคิดว่ากำลังเดินเข้าห้องพักของโรงแรมห้าดาวหรือไง!

ฉันมันดาวดวงเดียวค่ะคุณผู้ชายไม่ใช่ห้าดาว!

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว