รูมแมต
[แจสเปอร์ TALKS]
ผมยืนพิงหลังกับประตูห้อง ในขณะที่มินนี่ทุบประตูรัวๆ พร้อมคำพูดเสียดสีผมต่างๆ นานา ปนกับบ่นน้อยอกน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง
“ไอ้คนใจร้าย ฮือๆๆ นายมันตัวซวย ใจร้าย”
ผมใจร้าย… จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด
ความผูกพันทุกรูปแบบนำมาซึ่งความเจ็บปวดเสมอ จนผมไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นกับใครอีกเลย ผมไม่พร้อมที่จะเปิดรับความสัมพันธ์ใดๆ กับใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือแม้นแต่เพื่อนร่วมห้อง
เธอคงหาทางออกได้ไม่ยากนักหรอก ผมพูดกับตัวเองเพื่อลดความรู้สึกผิดซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ เสมือนฝุ่นผงที่เกาะอยู่กับรองเท้า
“ที่เมืองไทยฉันไม่มีใครเลย ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ฮือๆๆ”
มินนี่ผู้น่าสงสารยังคงคร่ำครวญ ในระหว่างที่ผมก็กำลังพยายามฝืนทำใจแข็งเอาไว้ จะว่าไปแล้วเราสองคนก็ต่างมีอะไรที่คล้ายๆ กัน ก็คือโลกใบนี้ต่างเหวี่ยงเราออกห่างจากคนที่รักจนไม่เหลือใครให้คิดถึงอีก เศษความทรงจำหวนกลับมาเป็นครั้งคราวราวกับสายลมแล้วสลายไป โดยที่จับต้องอะไรไม่ได้
เสียงของมินนี่เงียบลง ภายนอกเงียบสนิท เงียบเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างนอกห้องถูกกลืนกินไปด้วยความมืดของราตรี
เธอดูบอบบาง และอ่อนต่อโลกแตกต่างกับคนอย่างผมโดยสิ้นเชิง โลกภายนอกนั้นผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ ใครอ่อนแอไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบก็ตกเป็นเหยื่อจากคนที่เข้มแข็งกว่า ซึ่งมันเป็นสัจธรรมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้
ใบหน้าของเธอลอยเข้ามาในหัวของผม มันสั่งให้ผมเปิดประตูห้องออกไป ผมเห็นเธอนั่งกอดเข่าอยู่ตรงทางเดินฟุบหน้าลง ตัวโยนด้วยกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“นี่… เธอน่ะ”
“นายจะมาซ้ำเติมอะไรฉันอีก ฮือๆๆ”
มินนี่เงยหน้าขึ้นมามองผมคราบน้ำตาอาบแก้ม ตาบวมแดง
“เข้ามาข้างในก่อนสิ”
ผมพยักหน้าให้เธอ ยัยทึ่มมองผมงงๆ
“…”
“หูหนวกเหรอ?”
ผมถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ แต่อันที่จริงการแสดงออกแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่ายังคงรักษาฟอร์มของนายแจสเปอร์จอมวายร้ายที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัวเอาไว้ได้
“นายให้ฉันนอนด้วยแล้วใช่ไหม หึ หึ ฮือๆ”
เธอยิ้มปนสะอึกสะอื้น รอยยิ้มของเธอสวยมากในความรู้สึกของผม
“จะเข้าก็รีบมา”
ผมหันหลังให้เธอโดยเปิดประตูห้องทิ้งเอาไว้ แล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่งกอดอกวางมาดขรึม หวังว่านายคิดถูกแล้วนะแจสเปอร์ ผมบอกกับตัวเองในใจระหว่างที่นั่งมองมินนี่หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาในห้อง
“ขอบใจมากนะ ฉันนอนบนโซฟาก็ได้” เธอยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองมาไว้ส่วนไหนของห้อง
“ก็แน่ละ เธอเป็นผู้อาศัยก็ควรจะนอนตรงนี้”
ผมลุกขึ้นยืน
“ฉันเข้าใจดีค่ะ” เธอยืนก้มหน้า
“แล้วอย่าทำเสียงดัง ฉันจะไปนอนละ”
ผมเดินตรงเข้าไปหาเธอช้าๆ เหมือนเวลามันเดินเชื่องช้ากว่าปกติ แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมหยุดยืนตรงหน้าของเธอ
“ผ้าเช็ดหน้าของเธอ”
ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นคืนเธอ ใบหน้ามอมแมมเงยมองสบตาผมก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไป ผมเดินต่อไปยังประตูห้องนอน
“ขอบคุณมากนะคะ… พี่แจสเปอร์”
เสียงของมินนี่ทำให้ปลายเท้าของผมหยุดกึก
“ฉันไม่มีน้องสาว แล้วก็ไม่คิดอยากจะมีด้วยจำไว้”
ผมปิดประตูห้องเดินไปที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน คืนนี้คงเป็นคืนแรกในรอบหลายสิบปีที่ผมไม่ได้นอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง…
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่