“ผมคิดว่าคุณคงอยากพาอลิซกลับไปเลี้ยงเมืองไทย” เห็นแววตาร้าวรานระคนตัดพ้อคู่นั้น ชายหนุ่มก็แทบจะเปลี่ยนแผน น้ำตาของหญิงอื่นไม่มีความหมาย แต่น้ำตาของศราวณะ ทำเอาเขารู้สึกเหมือนกำลังเป็นไอ้ชาติชั่วที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการต่อรองเพื่อต้อนให้เธอจนมุม
“แต่คุณคงไม่ยอมง่ายๆ” ไม่งั้นคงไม่ชวนเธอแต่งงานแบบนี้หรอก เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนอ่านเกมเขาไม่ออก
“ไม่ใช่แค่ผม ซาร่าห์ กฎหมายของที่นี่ก็ไม่ยอมเปิดทางให้คุณทำอย่างนั้นง่ายๆ เหมือนกัน ยกเว้นก็แต่คุณจะแต่งงานกับผมและรอจนกระทั่งเป็นพลเมืองของที่นี่เสียก่อน”
ความจริงมันไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น ทว่าเวลานี้เขาตั้งใจทำให้มันยุ่งยากเพราะอยากแต่งงาน ใช่ว่าไม่อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของความรักหรอกนะ แต่ในเมื่อสถานการณ์พลิกผัน การแต่งงานจึงกลายเป็นทางออกทางเดียวที่ เชส สโตนส์ ทนายความของเขาแนะนำมา
“คุณหมายถึงฉันต้องนอนกับคุณรอจนกว่าจะเป็นพลเมือง คุณถึงจะยอมยกอลิซให้” เสียงของเธอดังเสียจนหลานขยุกขยิก
“ชู่วว์!!” พอลโยกแม่ตัวน้อยบนตัก ส่งสายตาตำหนิให้ตัวต้นเหตุซึ่งหน้างอเป็นม้าหมากรุก เขารอจนกระทั่งเด็กหญิงอลิซหลับสนิทอีกครั้งจึงเปรยเสียงแผ่ว “ผมชวนคุณแต่งงาน ไม่ได้ชวนขึ้นเตียง ซาร่าห์”
ศราวณะตีอกชกลมเถียงเขาในใจ ขณะทำตาปะหลับปะเหลือกใส่เพดานรถ อยากแว้ดใส่หน้าคมคายนั่นเหลือเกินว่า แล้วมันต่างกันตรงไหน?! ในเมื่อคุณอยากนอนกับฉันตัวซี้ตัวสั่น!?
“โอเค ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าอยากนอนกับคุณมานานแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมชวนแต่งงาน เพราะอยากหาข้ออ้างนอนด้วย ผมชวนเพราะเห็นว่านี่เป็นทางออกเพียงทางเดียวสำหรับคุณ การที่เจตายและแจนหายตัวไป นั่นหมายถึงวีซ่าของคุณอาจถูกเพิกถอนได้ทุกขณะ” โน้มน้าวอย่างเดียวยังไม่พอ งั้นเขียนเสือให้วัวกลัวมันเลยละกัน ให้มันรู้ไปว่าคนอย่าง พอล ไวส์แมน จะไม่มีปัญญาลากสาวน้อยหลงทางเข้าคฤหาสน์
“คุณหมายถึงแต่งงานกันเพียงในนาม ไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวใช่ไหมคะ” ตากลมโตของคนพูดหรี่ตาลงเกือบครึ่งอย่างจับผิด หารู้ไม่ว่าปฏิกิริยานั้นเรียกรอยยิ้มขันของไปเปอร์ ซึ่งนั่งฟังเธอต่อปากต่อคำกับเจ้านายสุดหล่ออย่างครื้นเครง
“ไม่มี ยกเว้นคุณจะเป็นฝ่ายต้องการเอง” หลุดปากพูดไปแบบนั้นแล้วเขาก็อยากกัดลิ้นตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่างเหอะ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการต้อนเธอเข้าคฤหาสน์ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อนได้ ประสาอะไรกับการอยู่ใกล้กันในฉันสามีภรรยา ถ้าเจอลูกอ้อน ลูกรุก ลูกหวานของเขาบ่อยๆ เธอต้องอ่อนไหวและเผลอตัวเผลอใจบ้างสิน่า
“แล้วคุณจะได้อะไรจากการแต่งงานแค่ในนามกับฉันคะ” ศราวณะคาดคั้นต่อ เขาเป็นนักการเงินที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม นั่นหมายถึงต้องเก่งรอบด้าน ลูกล่อลูกชนแพรวพราว และเจ้าเล่ห์แบบหาตัวจับยาก เธอไม่เชื่อว่าเขาจะเสนอตัวมาเป็นสามีทางนิตินัยโดยไม่มีอะไรแอบแฝง
“โอกาส”
ตาสีน้ำทะเลประสานกับดวงตาของเธอแน่วแน่ นิ่งนานเหมือนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นก็พานให้เธอร้อนผ่าวทั่วทุกองคาพยพจนต้องเสมองนอกหน้าต่าง
“โอกาสอะไรคะ” เธอถามออกไปโดยอัตโนมัติ แต่หัวใจกลับเต้นรัวเป็นกลองมโหระทึก
“โอกาสให้เราได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักกันมากขึ้นไง ซาร่าห์” โหนกแก้มของพอลเข้มขึ้นเมื่อต้องมาสารภาพความในใจต่อหน้าบุคคลที่สาม อ้อ...สี่ ซามูเอล และ ห้า คนขับรถ
รู้ถึงไหน อายถึงนั่น !
สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ แค่เขาชายตามองหรือยิ้มให้ ก็ปรี่เข้ามาแนะนำตัว อยากสานต่อให้ถึงเตียงแล้ว แต่คนที่อยากได้มาทำแม่ของลูก ทำไมถึงเข้าใจอะไรยากอย่างนี้นัก กุหลาบช่อใหญ่ที่ส่งให้ตอนวาเลนไทน์ ยังไม่สื่อความหมายไม่พออีกเหรอว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ หรือต้องคุกเข่าอ้อนวอน ขอความรักต่อหน้าลูกน้องทั้งโขยง ถึงจะยอมเชื่อว่ารักจริงหวังแต่ง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ เราค่อยคุยกันต่อตอนถึงบ้านของคุณดีกว่า” เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกต้อนสู่ช่องแคบ ศราวณะจึงเลือกยืดเวลาออกไปอีกหน่อย อย่างน้อยเธอจะอาศัยเวลาของการเดินทางที่เหลือ คิดใคร่ครวญทุกอย่างสักสิบตลบก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร
คฤหาสน์ของพอล ไวส์แมน ตั้งอยู่ใน โอลด์ เวสต์เบอร์รี วิลเลจ เขตนอร์ตชอร์บนลองไอส์แลนด์ ห่างจากบ้านของเจสันประมาณสี่สิบห้านาที ความใหญ่โตมโหฬารของคฤหาสน์แต่ละหลังในย่านนั้น ชวนให้ศราวณะรู้สึกตัวลีบเล็กเหมือนฮ็อบบิดจากล็อดออฟเดอะริงส์ ที่เข้าไปในหมู่บ้านของมนุษย์ ไปเปอร์ทำหน้าที่เป็นไกด์จำเป็น สาธยายให้เธอฟังถึงประวัติความเป็นมาของย่านไฮโซโก้หรูแห่งนี้ และชี้ชวนให้ดูว่าหลังไหนเป็นของคนดังคนใดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
เมื่อรถลีมูซีนคันหรูเลี้ยวเข้าสู่ไดรฟ์เวย์ส่วนตัวของคฤหาสน์ไวส์แมน หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นแห่งแมกไม้ แม้จะเป็นปลายฤดูหนาวแต่ใบสนก็ยังคงความเขียวขจีตัดกับบรรยากาศอึมครึมรอบตัว เธอเดาว่าเขาคงเหมือนมหาเศรษฐีทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว จึงไม่ยอมให้ตัดต้นไม้เหล่านั้นออก หากมองจากถนนด้านหน้าจะไม่เห็นตัวคฤหาสน์เลย
เธอบอกตัวเองไม่ให้ตื่นตาตื่นใจกับความร่ำรวยอู้ฟู่ของเขา แต่เอาเข้าจริงก็แอบร้องโอ้โหอยู่ในใจหลายครั้ง เมื่อรถวิ่งพ้นแนวสนสูงใหญ่ แล้วเห็นคฤหาสน์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกสีเทาอ่อนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
มันช่างใหญ่โตและโดดเด่นสมกับเป็นเคหสถานของผู้ชายที่ชื่อ พอล ไวส์แมน เสียเหลือเกิน
“ให้ฉันพาอลิซไปนอนที่ห้องดีไหมคะ คุณจะได้พามิสทัวร์คฤหาสน์” ไปเปอร์ถามขณะที่รถแล่นไปจอดเทียบเชิงบันไดหน้าวงเวียนน้ำพุ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่อยากให้อลิซตื่นขึ้นมาในที่ที่ไม่คุ้นแล้วขวัญเสีย” ศราวณะชิงปฏิเสธเร็วปรื๋อ
“อย่าห่วงเลย อลิซเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว เขาคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดี” พอลค้านเสียงยานคางพร้อมกับส่งหนูน้อยที่ยังหลับคอพับอยู่บนตักให้เลขานุการ ไม่นานทั้งรถก็เหลือเพียงเขากับเธอเพราะทั้งบอร์ดีการ์ดและคนขับต่างก็เผ่นแผล็วตามหลังไปเปอร์อย่างรู้งาน
“เอ่อ...คุณจะพาฉันทัวร์คฤหาสน์ไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวเริ่มกระสับกระส่ายเมื่อเขาเอาแต่นั่งจ้องอยู่ในรถ
“ที่นี่เป็นแค่คฤหาสน์ในตอนนี้ แต่อนาคต ผมหวังว่าจะเรียกมันว่า ‘บ้าน’ ได้เต็มปาก”
คนฟังเพียงแค่แกล้งยิ้มใสซื่อกับคำพูดเต็มไปด้วยความหมายนั้น เธอก้าวลงจากรถทันทีที่เขาผายมือเชิญ ถือโอกาสนั้นสำรวจภายนอกคฤหาสน์ ซึ่งฝรั่งที่นี่เรียกกันว่า ‘แมนชั่น’ อย่างคร่าวๆ ตอนรถเลี้ยวเข้ามา เธอสังเกตเห็นว่าคฤหาสน์สองชั้นหลังนี้ดีไซน์เป็นรูปตัว H ปีกที่อยู่ฝั่งขวามือของเธอก็มีโรงจอดรถมากถึงสี่โรง แต่ละโรงจอดรถได้สองคันหรืออาจมากกว่านั้น มองภาพรวมแล้วใหญ่โตกว่าบ้านของเจสันนับสิบเท่า
“ที่นี่แบ่งออกเป็นสองส่วน ปีกด้านซ้ายมือของคุณกับตรงกลางมีแปดห้องนอน สิบห้องน้ำ นอกจากผม ก็มีแค่ไคล์กับแซมที่นอนที่นี่ ส่วนปีกขวามือเป็นห้องพักของคนที่ทำงานที่นี่ ด้านหลังมีพูลเฮ้าส์ติดสระว่ายน้ำ มีห้องพักแบบสองห้องนอนสามห้องน้ำสำหรับแขก นอกจากคฤหาสน์นี่แล้ว ริมอ่างเก็บน้ำในป่าด้านหลังก็มีล็อกเคบินหลังหนึ่ง ไว้อากาศดีกว่านี้ ผมจะพาไปดู เราเข้าไปข้างในกันเถอะ พ่อบ้านชาร์ลีจะแนะนำให้คุณรู้จักทุกคนที่นี่” พอลแตะมือเข้าที่บั้นเอวด้านหลังของคนฟังเล็กน้อย เขายิ้มขำๆ เมื่อสาวเจ้าสะดุ้งราวกับโดนไฟช็อตแล้วก้าวฉับๆ นำหาประตูของคฤหาสน์ แต่พอหมุนลูกบิดสีทองแล้วพบว่ามันล็อกก็เปลี่ยนมายืนกอดอกรอ
“ที่นี่เหมือนจะเข้าง่าย แต่ความจริงไม่เลย คัปเค้ก” ชายหนุ่มบุ้ยไปยังแผงควบคุมข้างประตู “ระบบรักษาความปลอดภัยแบ่งออกเป็นสามระดับ เวลากลางวันที่คนอยู่เยอะ แค่ใส่คีย์เวิร์ดหกตัวก็เปิดได้แล้ว แต่ถ้าคนน้อยก็จะปรับเป็นระดับสอง คือใส่คีย์เวิร์ดและสแกนลายนิ้วมือ ส่วนกลางคืนหรือเวลาที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ระบบจะปรับเป็นระดับสามซึ่งเพิ่มการสแกนม่านตาเข้าไป ระดับหนึ่งนั้นทุกคนที่ทำงานที่นี่จะรู้เลขรหัส ระดับสองมีแค่ผม บอร์ดีการ์ดทั้งหมดและพ่อบ้าน ส่วนระดับสามจะมีแค่ผม แซม และชาร์ลี”
“เหมือน... เอ่อ... บ้านของพวกนักการเมืองใหญ่เลยนะคะ นี่ถ้ามีหมาพันธุ์พิตต์บูลหรือร็อดไวเลอร์สักสองสามตัวล่ะก็ ใช่เลย” หญิงสาวเปลี่ยนใจใช้คำว่านักการเมืองแทนคำว่าคุก เพราะกลัวเขาจะหาว่ากระแนะกระแหน เพียงเท่านี้เธอก็รู้แล้วล่ะ ว่าเขาคงมีศัตรูรอบด้านจริง ถึงได้วางระบบรักษาความปลอดภัยเสียแน่นหนาอย่างกับทัณฑสถาน
“ผมไม่ชอบหมา แม่ผมเคยเลี้ยงโกลเด้นรีทรีฟเวอร์แล้วขนมันร่วงเต็มบ้านทุกฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง น่าขยะแขยงมาก” สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ารู้สึกอย่างนั้นจริง และมันก็ทำให้คนเห็นช่องโหว่ถึงกับแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ฉันชอบหมาค่ะ โดยเฉพาะพันธุ์โกลเด้น มันน่ารักและเฟรนด์ลี่ เข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัย คฤหาสน์กว้างๆ แบบนี้น่าจะมีไว้สักสองสามตัวนะคะ ฉันเคยได้ยินมาว่าการเลี้ยงสัตว์ทำให้จิตใจของคนอ่อนโยน ไม่หยาบกระด้าง”
“ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนหยาบกระด้างหรอกนะคัปเค้ก แต่ถ้าการเลี้ยงสัตว์เป็นความสุขของคุณ ผมก็ยินดี” เขาเปิดบานประตูไม้โอ้กหนาหนักสองบานแล้วผายมือเชื้อเชิญคนฟัง “เชิญครับคุณผู้หญิง”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่