ซาตาน ทาสรัก-ตอนที่ 54

โดย  Mikey

ซาตาน ทาสรัก

ตอนที่ 54

เหยาซาน ในเวลานี้ใช่ว่าจะมืออ่อน ลงมือคราหนึ่งหรือจะพลาดพลั้ง... ตำแหน่งที่แทงลงไปนั้น แม้จะเสียบแทงจากด้านหลังที่กะเกณฑ์ได้ยาก แต่มันก็ทะลุผ่านจุดตันเถียนอย่างแม่นยำที่สุด... เด็กหนุ่ม มิได้เป็นผู้เยาว์ที่เพิ่งก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้อีกแล้ว กฎปลาใหญ่กินปลาเล็กย่อมประจักษ์แจ้งแจ่มชัด รู้หนักรู้เบายามลงมือ...

ก่อนหน้านี้ที่ลงมือกับเหล่าศิษย์หลัก ก็เพราะรู้ถึงขอบเขตที่ตนทำได้ จึงลงมือแค่ระดับอันสมควรกับพี่น้องร่วมสำนัก ทว่ายามนี้เบื้องหน้ามิใช่ศิษย์ร่วมสำนัก...

เหยาซาน รู้ดีว่าผู้ใดไม่สมควรฆ่า ผู้ใดสมควรฆ่า และผู้ใดที่จำเป็นต้องฆ่าอย่างไม่อาจลังเล!! โจรชั่วผู้นี้แสดงความชั่วช้าออกมาอย่างชัดเจน ทั้งยังเล่นงานมือปราบหนุ่มคนของทางการ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยใดให้ใคร่ครวญเพิ่มอีกต่อไปแล้ว สมควรอย่างยิ่งต่อการสะบั้นปิดฉากในชั่วพริบตา...

ฉีลู่ชิง และ เตียซวงซวง ลมหายใจถี่กระชั้นต่อเนื่อง... พวกนางมิอาจนำภาพของ เหยาซาน ในเวลานี้ไปทับซ้อนกับผู้เยาว์ใบหน้าใสซื่อ ยกดื่มสุราเป็นระยะ ที่เดินทางมาพร้อมกับพวกนางได้เลย!!

พวกนางเคยรู้สึกด้วยซ้ำว่าบุรุษหนุ่มนี้คงจะกลายมาเป็นตัวถ่วงของพวกนางในการดำเนินภารกิจพิเศษ พลังฝีมือของเด็กหนุ่มแม้จะโดดเด่นในหมู่ศิษย์สายนอก แต่สำหรับพวกนางก็ไม่ได้นับว่าน่าเลื่อมใสเท่าใดนัก เพราะพวกนางมั่นใจว่าตนแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า...

แต่ทว่าในการเผชิญหน้าสถานการณ์ที่โหดร้าย ทั้งต้องใช้การตัดสินใจรวดเร็ว ใช้จิตใจที่กล้าแกร่งในการตัดสิน เหยาซาน กลับลงมือได้เฉียบคม รวดเร็ว ไร้ความลังเล ประหนึ่งเป็นชนชั้นผู้อาวุโสที่เปี่ยมล้มไปด้วยประสบการณ์นานนับไม่ถ้วน...

พวกนางย่อมมองออก ว่าโจรร่างผอมที่ถูกเล่นงานน่ากลัวเพียงใด...
หากแต่ เหยาซาน ผู้นี้กลับน่ากลัวยิ่งกว่า!!

“ศิษย์น้องฉี... ดูท่าพวกเราจะประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ผิดขนัดไปอย่างยิ่งเลย... บางทีอาจจะเป็นพวกเราสองคนเสียด้วยซ้ำ ที่ต้องพึ่งพา เหยาซาน ทั้งเป็นตัวถ่วงของคนผู้นี้...” เตียซวงซวง อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่อยากเชื่อนัก แต่ภาพเบื้องหน้าเท่านั้นคือสิ่งที่ต้องยอมรับ...

ฉีลู่ชิง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ขึ้น... ยามนี่นางทราบแน่ชัดแล้วว่า นางยังอ่อนด้อยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งยังมีสายตาที่พร่าเลือนยิ่งนักในการประเมินผู้อื่น หากสำนักสายลมประจิมไม่เชื่อมั่นในตัวของ เหยาซาน ไหนเลยจะกล้าลงออกมาทำภารกิจพิเศษที่น่ากลัวเช่นนี้เพียงลำพัง...

ประกายแววตาของสองหญิงสาว เผยความรู้สึกคล้ายพลิกคว่ำความคิดดั้งเดิมโดยพลัน...

ยามนี้ดวงตาของ เหยาซาน เผยความเหี้ยมเกรียมขึ้น... ก่อนจะเหยียบไปยังข้อพับหลังเข่า จนทำให้โจรชั่วร่างผอมคุกเข่าลงตามแรง แม้ว่าโจรผู้นี้จะไม่ได้ตายในทันที แต่พื้นฐานลมปราณของมันเวลานี้รั่วไหลออกไปจนหมดสิ้นแล้ว...

กระบี่สีแดงเล่มใหม่นี้ เป็น 1 ใน 3 ศาสตราที่ได้รับมอบมาจาก ผู้อาวุโสเถิง ถึงจะเทียบไม่ได้กับกระบี่ราชวงศ์เสวียนอู่ แต่ก็นับเป็นกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งที่เหนือล้ำกว่าระดับผู้เยาว์ด้วยกันแทบทั้งหมด เป็นอาวุธอักขระชนชั้นลมปราณสีเขียว จึงสามารถฉีกกระชากปราณคุ้มกันของชนชั้นลมปราณสีเขียวได้โดยไม่ยากเย็นนัก...

เหยาซาน เสียมปักกระบี่ทิ้งไว้เช่นนั้น ก่อนจะแสดงสีหน้าเป็นปกติ ก้าวเดินมาเบื้องหน้าของโจรชั่วท่าทีเนืองช้าไม่เร่งร้อน ทอดสายตามองโจรผู้นี้ราวกับขยะชิ้นหนึ่ง... แน่นอนว่าโจรร่างผอมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกล่าวอันใด โลหิตยังคงคับลำคอหายใจลำบาก เพียงแค่ยังประคองร่างให้คุกเข่าเช่นนี้นับว่าเต็มกลืนแล้ว เงยหน้ามอง เหยาซาน ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ...

“เจ้ากวัดแกว่งดาบเอาชีวิตผู้อื่น... ดังนั้นเจ้าย่อมต้องเผื่อใจที่จะถูกสังหารกลับเช่นเดียวกัน...” เหยาซาน แค่นเสียงเยือกเย็น จากนั้น เหยาซาน ก็หันมองกลับมายังสองหญิงสาว รวมถึงมือปราบหนุ่มที่กำลังเผยแววตาสับสน ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว...

“ข้าอยากให้พวกเจ้าสองคนหันหน้าไปทางอื่นก่อน... หรือไม่ก็พาตัวท่านมือปราบไปรักษาตัวที่อื่นเลยได้ยิ่งดี วิธีการที่ข้าจะเค้นเรื่องราวจากปากของเจ้าโจรชั่วช้าผู้นี้ มันค่อนข้างจะโหดเหี้ยมเอาการ หากมีผู้อื่นอยู่ด้วยเกรงว่าข้าคงลงมือไม่ถนัดนัก...” เหยาซาน กล่าวพลางปริยิ้มออกมา เผยแววตาใสซื่อ

คนทั้งสามจึงค่อย ๆ กลับมาได้สติขึ้น จากนั้นก็รีบพยักหน้าตอบรับทันที... ขณะที่กำลังเดินจากไป ฉีลู่ชิง ยังอดไม่ได้ที่จะหันมองกลับมายัง เหยาซาน เพราะนางรู้สึกคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ มันช่างคล้ายกับตอนที่ เหยาซุน จัดการกับ หานห้าว เมื่อ 2 เดือนก่อน แต่สุดท้ายนางก็สะบัดหน้าเบา ๆ ลบเลือนความคิด ช่วย เตียซวงซวง ประคองมือปราบหนุ่ม เดินจากไปที่มุมป่าอีกด้าน...

สายตาของ เหยาซาน หันมองกลับมายังโจรร่างผอม ราวกับเป็นสายตาอันน่าสะพรึงของพญายมราชก็มิปาน ทำเอาโจรร่างผอมสั่นสะท้านขึ้นทันที มันย่อมรู้ชะตากรรมว่าตนคงต้องถูกรีดเค้นเรื่องราวด้วยความทุกข์ทรมานแน่นอน ทว่าเมื่อคิดเช่นนั้นมันที่ใกล้จะตายอยู่รอมร่อแล้ว หมายคิดที่ชิงสะบั้นชีพจรให้ตกตายไปก่อนจะถูกรีดเค้น...

แต่ก็ไม่ทันการณ์ ทุกอย่างรวดเร็วเท่าความนึกคิด... มือของเด็กหนุ่มพลันห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงจากปราณอัคคี เสียบทะลวงเข้ากลางหน้าอกของโจรร่างผอม ดวงตาของมันเบิกโปนจนแทบกระเด็นจากเบ้า ทั้งที่โลหิตยังเต็มลำคอ โจรชั่วกลับสามารถส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาได้ บ่งบอกถึงความเจ็บปวดเหนือคณา...

มือของ เหยาซาน คว้านเข้าไปด้านในหน้าอกของโจรชั่ว สีหน้าเย็นชาราวกับไม่รู้สึกผิดใด ๆ ต่อการกระทำอันโหดร้าย... จากนั้น เหยาซาน ก็จับกุมไปที่ตำแหน่งหัวใจอย่างแม่นยำ ขับขานเวทย์อาคมที่เคยเรียนรู้มาจาก เฒ่าชีเปลือย...

“นิมิตห้วงวิญญาณ!!”

ภาพนิมิตความทรงจำบางส่วนของโจรร่างผอมผู้นี้ผุดขึ้นในหัวของ เหยาซาน อย่างต่อเนื่อง... ด้วยความเคล็ดวิชานี้นี่เอง ทำให้ เหยาซาน สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นไว้ชีวิตเพื่อสอบปากคำให้เสียเวลา และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายโกหก ทุกสิ่งอย่างจะประจักษ์แจ้งจากการค้นภาพความทรงจำระยะสั้น ๆ ภายในห้วงสำนึกของคนผู้นั้น...

เหยาซาน มองเห็นหลายยิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนเขาหมิงซานแห่งนี้ ซึ่งแต่ละภาพได้ทำให้ใบหน้าของ เหยาซาน เผือดซีดลงอย่างรวดเร็ว เล็งเห็นถึงความอันตรายบางอย่างที่พลังฝีมือของ เหยาซาน ในเวลานี้ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว...

สำหรับ 7 พี่น้องสกุลสู่ ยังไม่นับเป็นอย่างไร ถึงพลังฝีมือของคนทั้ง 7 จะอันตรายอยู่บ้างแต่ เหยาซาน ก็เชื่อว่าตนยังจะพอหาวิธีเอาตัวรอดได้ ทว่าความน่ากลัวแท้จริงคือสิ่งที่สกุลสู่ กำลังจะปลุกขึ้นมาเสียมากกว่า สาเหตุของพลังแห่งความตายที่หนาแน่นบนยอดเขาหมิงซานแห่งนี้...

มันคือกองทัพซากศพ จากวิชาศาสตร์มืดอันล้ำลึก... ทั้งจำนวนของซากศพ ที่ถูกเก็บรักษาไว้นั้นก็มีนับพัน ๆ ร่าง!! หากตื่นขึ้นมาจะกลายเป็นปีศาจที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวด ไร้ความนึกคิด และไม่มีวันตายได้อีกเป็นครั้งที่สอง เป็นกองทัพผีดิบที่น่าสะพรึงงัน ภายใต้อำนาจแห่งศาสตร์มืด...

“บัดซบ!! นี่ที่อันตรายเกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไปแล้ว!!”
เหยาซาน สบถขึ้นกับตนเองภายในจิตสำนึก...

................................................

ด้าน เตียซวงซวง นางขับขานเคล็ดวิชาปราณบุปผา ทำการฟื้นฟูร่างกายของมือปราบหนุ่มที่บาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่ง หากมือปราบหนุ่มผู้นี้ไม่ถูกโชคชะตานำพาให้หวนมาเจอกับสามผู้เยาว์ คาดว่าคงชะตาขาดสะบั้นไปเป็นที่เรียบร้อยภายใต้ความโหดเหี้ยม...

มือปราบหนุ่มเมื่อเรียกสติกลับมาได้ระดับหนึ่ง ก็ทราบได้ทันทีว่าทั้งสามผู้เยาว์นั้นคือศิษย์จากสองสำนักใหญ่ ที่รับภารกิจช่วยเหลือกลุ่มมือปราบกวาดล้างกองโจรเขาหมิงซาน มือปราบหนุ่มแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา ปนเปไปด้วยความรู้สึกทั้งดีใจทั้งเศร้าใจ จากนั้นจึงเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมด

หมู่บ้านเล็ก ๆ 3-4 หมู่บ้านในรัศมี 50 ลี้รอบเขาหมิงซาน ได้ถูกกลุ่มโจรชั่วกวาดล้างไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไม่อาจพบเจอศพจำนวนนับพันของชาวบ้านเหล่านั้น มีเพียงซากหมู่บ้านร้างที่อาบไปด้วยคราบโลหิตเกรอะกัง อีกทั้งพื้นที่เหล่านี้ยังเป็นพื้นที่ห่างไกลที่ยากต่อการเข้าถึง กว่าข่าวจะไปถึงกองมือปราบเวลาก็ผ่านเวลาไปนานหลายสิบวัน

ส่วนหนึ่งที่กองปราบยังไม่เคลื่อนไหว เพราะมีข้อมูลที่น้อยเกินไป จนกระทั่งส่งสายลับตรงมายังพื้นที่ และก็ได้มีรายงานกลับไป ว่ากลุ่มโจรชั่วนี้มีสมาชิกเพียง 7 คนเท่านั้น และยังเป็นโจรชั่วที่มิได้แข็งแกร่งอะไร พื้นฐานเกือบทั้งหมดเป็นชนชั้นลมปราณสีน้ำเงิน และมีผู้นำกลุ่มโจรเป็นชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นที่ 1 เท่านั้นเอง

ที่กลุ่มโจรทั้ง 7 คนนั้น สามารถสังหารคนในหมู่บ้านทั่วละแวกได้ เป็นเพราะชาวบ้านละแวกนี้กว่าครึ่งไม่มีพื้นฐานลมปราณ หรือต่อให้มีก็พื้นฐานต่ำต้อยชนชั้นลมปราณสีม่วงและสีครามเท่านั้นเอง ส่งผลให้เกิดเรื่องน่าเศร้า...

กองมือปราบได้ทราบเช่นนั้น จึงรีบส่งกำลังที่มั่นใจว่าจะกำราบกลุ่มโจรนี้ได้แน่นอนออกมา... น่าเสียดายที่ข้อมูลจากสายลับนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงกลลวง!! กลุ่มโจรทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือชนชั้นลมปราณสีเขียว และสร้างค่ายกลไว้รอบเขาหมิงซาน ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงออกมาเป็นเช่นนี้...

“เวลานี้ทุกคนตายหมดแล้ว แม้แต่หัวหน้าหน่วยชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นที่ 5 ก็ยังถูกสังหารกับตาของข้า ท่านหัวหน้าหน่วยได้สละชีวิตเพื่อให้ข้ารอดออกมา ภารกิจคือการหนีออกจากขอบเขตค่ายกล และติดต่อกับไปยังกองมือปราบให้ส่งยอดฝีมือเข้ามากวาดล้างอีกครั้ง...

น่าเสียดายที่ข้านั้นอ่อนแอเกินไป เพียงแค่คิดจะหนีก็ยังไม่อาจกระทำได้ หากไม่บังเอิญพบเจอพวกเจ้า การสละชีวิตของท่านหัวหน้าหน่วยก็คงจะสูญเปล่า...” มือปราบหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตาที่ร่วงโรย

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็พลันตะลึงพรึงเพริด ข้อมูลเหล่านี้แตกต่างไปจากภารกิจที่พวกนางได้รับมาอย่างสมบูรณ์!! จากที่พวกนางสมควรแค่มาช่วยงานกองมือปราบ แต่ในเมื่อกองมือปราบถูกสังหารไปจนหมดสิ้นแล้ว ภารกิจครั้งนี้ก็สมควรจะถูกยกเลิกทันทีเพื่อความปลอดภัย...

ทั้งสองหันมองหน้ากัน แสดงความลังเลออกมาอย่างแจ่มชัด... ก่อนที่ เตียซวงซวง จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมายาวพรืดหนึ่ง หันมองไปยังทิศทางของยอดเขาหมิงซาน...

“พวกเราคงต้องถอนตัวแล้ว... มันอันตรายเกินไป เวลานี้สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการนำพาท่านมือปราบผู้นี้ออกจากขอบเขตค่ายกลปิดกั้นการสื่อสาร ขอเพียงแค่ไม่ถึงเชิงเขานอกค่ายกลได้สำเร็จ พวกเราจะสามารถแจ้งเหตุไปยังหน่วยกองปราบ และสำนักได้โดยตรง...” แม้ว่าใบหน้าของ เตียซวงซวง จะเผยความไร้เดียงสาออกมา แต่แท้จริงแล้วนางมีพลังในการประเมินวิเคราะห์ที่แยบยลเช่นกัน ตัดสินใจไม่พาตนเองและสหายไปเสี่ยงอันตราย...

เป็นจังหวะที่ เหยาซาน เดินกลับมาหาพวกนางด้วยสีหน้ามืดดำเคร่งขรึม... ร่างของเด็กหนุ่มอาบท้วมไปด้วยโลหิต ประกายแววตาบ่งบอกถึงการตัดสินใจตั้งมั่นเช่นกัน...
“ถูกอย่างที่แม่นางเตียกล่าว... ที่นี่อันตรายเกินไป ไม่ใช่ระดับที่พวกเราจะเข้าไปยุ่มย่ามได้แล้ว ควรถอยร่นให้เร็วที่สุด!!”

สามผู้เยาว์ และมือปราบหนุ่ม พยักหน้าตอบรับเห็นพ้อง... หากแต่ในเวลาไล่เลี่ย ก็ได้บังเกิดเสียงแผดกังวานออกมาจากทิศทางที่ เหยาซาน เพิ่งจะจากมา มันเป็นเสียงคำรามที่ดังสะท้านสะเทือนไป 4 ทิศ บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งเจ้าของน้ำเสียงที่เป็นระดับชนชั้นลมปราณสีเขียว...

ที่น่าตกใจกว่านั้น... มันคือเสียงที่ประสานคู่กันสองคน!!

เหยาซาน เบิกตากว้างทันที จากทิศทางและเสียงคำรามเด็กหนุ่มประเมินได้ในพริบตา เศษเสี้ยวความทรงจำระยะสั้นของโจรร่างผอมนั้น บอกว่ามีพี่น้องของมันอีก 2 คน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตัวมันด้วย ได้กระจายกำลังช่วงออกตามล่ามือปราบหนุ่มที่หลบหนี

ดังนั้นเสียงคำรามประสานเมื่อครู่ จึงคาดเดาได้ทันทีว่าเป็นเสียงของพี่น้องโจรร่างผอม ที่มาพบเจอศพของน้องชายตนเอง จึงไม่อาจทนรับภาพที่ปรากฏนี้ได้ เสียงคำรามเจือปนไปด้วยความเศร้าสลดและความเคียดแค้น

คนทั้ง 4 ขนลุกชูชันทันที ระยะของเสียงที่ห่างออกไป ไม่เกิน 300 ก้าวเท่านั้น... เหยาซาน กัดขบฟันแนบแน่น ก่อนจะกระตุ้นป้ายโลหะเรียก เฝิงน้อย ให้โฉบร่างบินลงมาจากนภาอากาศ แต่ช่างน่าเสียดายที่ เฝิงน้อย มีพละกำลังสามารถโดยสารได้เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ไม่อาจหอบคนมากกว่าหนึ่งคนโบยบินขึ้นไปได้...

“เฝิงน้อย!! พามือปราบผู้นั้นหนีไปที่ตำแหน่งจอดเก๋งเกี้ยว แล้วค่อยวนกลับมารับพวกเรา!!”

เหยาซาน ออกคำสั่งทันที วิหคตนนั้นพยักหน้ารับรู้ สยายกงเล็บตวัดโฉบคว้าร่างที่บาดเจ็บของมือปราบหนุ่ม ถลาบินลงไปจากเขาในพริบตา แน่นอนว่าด้วยศักดิ์ศรีของสัตว์อสูรแท้สายพันธุ์วิหค เฝิงน้อย จึงไม่ยินยอมให้ผู้ใดขี่หลังของมันนอกจากผู้เป็นนาย ดังนั้นคนอื่น ๆ จำต้องยอมรับการโดยสารในสภาพเช่นนี้...

สามผู้เยาว์ที่ไม่มีคนเจ็บคอยถ่วงความเร็ว ก็ระเบิดท่าร่างพุ่งออกจากพื้นที่ในทันที... ทั้งยังสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันอันรุนแรงที่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด เหยาซาน กัดฟันแนบแน่นแม้ เหยาซาน จะสามารถระเบิดความเร็วได้มากกว่าสองหญิงสาว แต่เลือกที่จะเป็นผู้รั้งท้าย...

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่าได้หันกลับมา!! มุ่งหน้าหนีไปอย่างเดียว!!” เหยาซาน แผดเสียงตะโกนไล่หลัง ก่อนจะประกบมือขึ้นพนม บริกรรมคาถาด้วยดวงตาที่แข็งกร้าง รอยสักอักขระทั่วร่างถูกกระตุ้นปรากฏความเข้มเขียวปกคลุมใต้ร่มอาภรณ์...

......................................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว