ซาตาน ทาสรัก-ตอนที่ 30

โดย  Mikey

ซาตาน ทาสรัก

ตอนที่ 30

หยูเสี่ยวเฉ่าคิดและพูดว่า “ถ้าท่านอยากเปิดโรงงานซอสหอยนางรม งั้นวันหมดอายุของซอสก็เป็นปัญหาจริงๆ ช่วงฤดูหนาวก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะทางเหนืออุณหภูมิมันต่ำอยู่แล้ว เก็บไว้หลายเดือนก็ไม่เป็นปัญหา แต่ฤดูร้อนต้องมีปัญหาแน่ๆ”


ในชาติก่อนของเธอเขาใช้วิธีอะไรยืดวันหมดอายุของอาหารกันนะ? หยูเสี่ยวเฉ่าขมวดคิ้วและจมอยู่ในความคิด แม้ว่าโจวซือชู่จะร้อนใจ แต่เขาก็ยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้รบกวนเธอ


หยูเสี่ยวเฉ่าพึมพำกับตัวเอง “วิธียืดวันหมดอายุของอาหารแบบทั่วไปก็คือเก็บเอาไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ แต่ที่นี่ไม่มีตู้เย็น......”


“ตู้เย็น? ใช่กล่องใส่น้ำแข็งรึเปล่าครับ?” พ่อบ้านโจวที่โจวซือชู่พามาก็อดถามขึ้นไม่ได้

“อ่า......ใช่ค่ะ กล่องใส่น้ำแข็ง” หยูเสี่ยวเฉ่าเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดความคิดตัวเองออกมา

แต่มันก็อธิบายยากว่าอะไรคือ ‘ตู้เย็น’ เธอจึงเออออไปกับคำพูดของพ่อบ้านโจว


พ่อบ้านโจวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “การส่งสินค้าในกล่องน้ำแข็งตอนช่วงหน้าหนาวก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ตอนหน้าร้อนค่าใช้จ่ายจะสูงมาก แล้วโรงน้ำแข็งจะต้องใหญ่สักขนาดไหนถึงจะเก็บน้ำแข็งเอาไว้ใช้ได้ทั้งปี?”


“มีอีกวิธีที่จะยืดวันหมดอายุได้ นั่นก็คือใส่น้ำตาลกับเกลือลงไปมากๆ แต่วิธีนี้จะมีผลต่อรสชาติของซอสหอยนางรมแน่ๆ!” หยูเสี่ยวเฉ่าส่ายหน้าปฏิเสธความคิดของตัวเอง


โจวซือชู่ที่มาจากตระกูลพ่อค้าใหญ่ย่อมรู้ถึงความสำคัญของคุณภาพสินค้า เขาจึงอดถามไม่ได้ว่า “ไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ?”


“มีวิธีที่ใช้พรอพโพลิสเหมือนกัน แต่น้ำผึ้งมันแพงมาก ไม่ต้องพูดถึงพรอพโพลิสเลย! มันไม่ถูกกว่าใช้น้ำแข็งในการขนส่งและเก็บสินค้าหรอก!”


พรอพโพลิส? โจวซือชู่เคยได้ยินเกี่ยวกับน้ำผึ้ง แม่ของเขาไปฟังมาจากไหนไม่รู้ว่าสามารถเพิ่มความงามและคงความอ่อนเยาว์ได้ด้วยการดื่มน้ำผึ้ง แม่เลยดื่มน้ำผึ้ง 1 ถ้วยทุกวันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พรอพโพลิสคืออะไร?


“มัน......คงจะดีมากเลยถ้าเราทำน้ำแข็งตอนฤดูร้อนได้” หยูเสี่ยวเฉ่ามีนิสัยพูดกับตัวเองมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว


ปกติน้ำแข็งจะเกิดขึ้นตอนที่อุณหภูมิต่ำๆไม่ใช่เหรอ? ทำเอาเองได้ด้วยเหรอ? จินตนาการของเด็กคนนี้ไปไกลเกินไปแล้ว ในใจของพ่อบ้านโจวไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณชายที่จะร่วมมือกับเด็กยากจนเปิดโรงงาน


“คุณชายสามรู้จักดินประสิวไหมคะ?” จู่ๆหยูเสี่ยวเฉ่าก็นึกถึงบทความเรื่อง ‘วิธีทำน้ำแข็งในสมัยโบราณ’ ที่เคยอ่านเมื่อชาติก่อนขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าในปลายราชวงศ์ถัง เมื่อมีการผลิตดินปืน ผู้คนก็มักจะขุดเอาดินประสิวขึ้นมาเป็นจำนวนมาก


ตั้งแต่นั้นมาก็มีการทำน้ำแข็งในฤดูร้อน หลังจากนั้นก็เริ่มมีพวกพ่อค้าใส่น้ำตาลลงไปในน้ำแข็งเพื่อดึงดูดลูกค้า ในยุคราชวงศ์ซ่งพวกพ่อค้าจะใส่ผลไม้หรือน้ำผลไม้ลงไป ในยุคราชวงศ์หยวนนั้นใส่กระทั่งแยมผลไม้และนมลงในน้ำแข็งซึ่งคล้ายกับไอศครีมในสมัยปัจจุบัน เธออยากรู้ว่ามีตัวอย่างในการใช้ดินประสิวทำน้ำแข็งในช่วงเวลานี้รึเปล่า

“ดินประสิว? รู้จักสิ มีขายในร้ายยาไง นี่......ดินประสิวใช้ทำน้ำแข็งได้อย่างงั้นเหรอ?” โจวซือชู่ก็ได้ยินเสียงเธอพึมพำเหมือนกัน เขาจึงโยงเรื่องได้เมื่อเธอพูดถึงดินประสิว


หยูเสี่ยวเฉ่ามองเขาแล้วพยักหน้า “เมื่อเอาดินประสิวละลายในน้ำ มันจะดูดความร้อนและลดอุณหภูมิของน้ำ และยังทำให้น้ำแข็งตัวได้ด้วย”


“จริงเหรอ? เจ้ารู้ได้ยังไง?” โจวซือชู่ยังคงสงสัย

หยูเสี่ยวเฉ่าอึ้งไปครู่นึง แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ใช่เรื่องของท่านนี่! ถ้าไม่เชื่อ ท่านก็ไปซื้อดินประสิวมาลองทำดูซิ!”


พ่อบ้านโจวลูบเคราแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ข้าคิดว่าเคยเห็นเอกสารที่บันทึกเรื่องการใช้ดินประสิวทำน้ำแข็งตอนที่จัดหนังสือโบราณที่คุณชายรองสะสมไว้ก่อนตาย”


“หือ? งั้นก็เป็นความจริงน่ะสิที่ดินประสิวใช้ทำน้ำแข็งได้ พ่อบ้านโจวพูดต่อเลย” โจวซือชู่ถามอย่างสนใจ

พ่อบ้านโจวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้าพลางพูดว่า “คุณชายรองสะสมหนังสือไว้เยอะมาก ข้าจำไม่ได้จริงๆว่าเห็นเรื่องนี้จากหนังสือเล่มไหน เราน่าจะฟังคุณหนูหยูอธิบายรายละเอียดของวิธีการทำน้ำแข็งนะครับ”


โจวซือชู่มองหยูเสี่ยวเฉ่าด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวกับเป็นเด็กน้อยอ้อนขอลูกอม “เสี่ยวเฉ่า อย่าปล่อยให้เราเดาเลยน่า พูดมาเร็วๆซิ เร็วเข้า!”


“ท่านต้องขุดบ่อใหญ่ๆเอาไว้ข้างในโรงงาน แล้วใส่ถังขนาดใหญ่ที่เติมน้ำไว้ครึ่งหนึ่งลงตรงกลางบ่อ หลังจากนั้นก็ใส่ดินประสิวลงไปในบ่อแล้วเติมน้ำลงไปในบ่อ ข้าไม่เคยทำมาก่อนหรอกนะ เพราะงั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเรื่องสัดส่วนของน้ำกับดินประสิว ทดลองสักสองสามครั้งก็น่าจะรู้ผล” หยูเสี่ยวเฉ่าให้คำแนะนำทั่วๆไป แต่โจวซือชู่ต้องรับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนจริง


โจวซือชู่พยักหน้าและคิดว่าเขาจะทำการทดลองยังไงเมื่อกลับไป พ่อบ้านโจวพูดขึ้นอีกครั้งว่า “จากที่คุณหนูพูดดูเหมือนว่าเราต้องใช้ดินประสิวจำนวนมากเลยนะครับ แต่ราคาของดินประสิวก็ไม่ได้ถูกเหมือนกัน!”


เดิมทีพวกเขาคิดจะใช้ดินประสิวทำน้ำแข็งเพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่ดูเหมือนค่าใช้จ่ายจะไม่ได้น้อยไปกว่าการเก็บน้ำแข็งในโรงน้ำแข็งเลย


อย่างที่คาดไว้ พ่อบ้านที่คอยดูแลงานภายนอกต่างๆของตระกูลโจวนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมีไหวพริบและมองการณ์ไกล หยูเสี่ยวเฉ่าพยักหน้ายิ้มๆ “พ่อบ้านโจวพูดถูกต้อง! แต่ดินประสิวสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เราจะใช้วิธีการตกผลึกแบบระเหยสร้างดินประสิวที่ละลายไปในน้ำขึ้นมาใหม่”


พ่อบ้านโจวพยักหน้าเล็กน้อยและนึกประหลาดใจ ‘เด็กอายุแค่นี้แต่กลับมีความรู้กว้างขวางและความจำที่ดีถึงขนาดนี้ได้ยังไง? นางมีความรู้มากกว่าหัวหน้าพ่อบ้านอย่างเขาซะอีก ตระกูลหยูมีความลับที่ข้าไม่รู้อยู่งั้นหรือ?’


ไม่แปลกที่เขาจะนึกสงสัย ในตอนสิ้นสุดราชวงศ์ก่อน สงครามทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว ตระกูลชนชั้นสูงมากมายถูกลืมเลือนไปในช่วงนั้น เป็นไปได้ไหมว่ามีตระกูลชนชั้นสูงที่ตกต่ำมาอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆแห่งนี้?


“พ่อบ้านโจว เลิกคิดมากเถอะ! ข้าตกลงกับเสี่ยวเฉ่าเอาไว้ว่าจะไม่ถามอย่างอื่นนอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ส่วนเรื่องนางรู้เรื่องดินประสิวทำน้ำแข็งมาได้ยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา? อย่าทำเรื่องให้มันซับซ้อนเลย ข้าไม่อยากเสียหุ้นส่วนธุรกิจที่ดีไป!” โจวซือชู่หุบยิ้มแล้วพูดเบาๆ เขาแสดงท่าทางอันสง่างามของคุณชายในตระกูลชนชั้นสูงออกมาให้เห็น


เหมือนกับมีระฆังดังอยู่ในใจของพ่อบ้านโจว เขานิ่งอึ้งไปและได้สติขึ้นมา ชายชราปัดความคิดนอกประเด็นนั่นทิ้งไปแล้วก้มหัวคำนับอย่างจริงจัง “ขอบคุณคุณชายที่เตือนสติ! บ่าวแก่ๆคนนี้ละอายใจยิ่งนัก!”


เมื่อโจวซือชู่หันไปหาหยูเสี่ยวเฉ่า เขาก็มีท่าทางเป็นมิตรและอ่อนโยนอีกครั้ง “งั้นตอนนี้ปัญหาเรื่องยืดวันหมดอายุและการขนส่งซอสหอยนางรมก็หมดไปแล้ว เราจะเริ่มสร้างโรงงานซอสหอยนางรมได้ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ เจ้าคิดว่าเราควรเปิดโรงงานซอสที่ไหนดี?”


“เรื่องธุรกิจคุณชายสามโจวย่อมมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าเด็ก 8 ขวบอย่างข้าแน่ เพราะงั้นตัดสินใจเองเถอะค่ะ!” หยูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกถึงสายตาสำรวจตรวจสอบของพ่อบ้านโจวเมื่อครู่ได้เหมือนกัน โชคดีที่คุณชายสามโจวอยู่ที่นี่คอยควบคุมสถานการณ์และปกป้องเธอเอาไว้ได้ เธอเตือนตัวเองไม่ให้ทำตัวสะดุดตามากนักในอนาคต

เป็นไปไม่ได้ที่โจวซือชู่จะไม่สังเกตเห็นความระแวดระวังตัวของเธอ แต่เขารู้สึกว่าเด็กหญิงตรงหน้าเขาคนนี้เป็นเหมือนเหมืองแร่ที่ยังไม่ถูกค้นพบซึ่งซ่อนสมบัติมีค่าเอาไว้ ต้องค่อยๆขุดช้าๆถึงจะค้นพบสมบัติได้


สำหรับเรื่องที่ ‘สมบัติ’ นี้มาได้ยังไงนั้น เขาไม่จำเป็นต้องรู้ เขาไม่อยากเสียใจทีหลังเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง


“ข้าว่าสร้างโรงงานซอสหอยนางรมใกล้ๆกับท่าเรือก็เป็นความคิดที่ดีนะ การเดินทางสะดวกมากทั้งทางบกทางน้ำ นอกจากนั้นมันยังใกล้ทะเลด้วย และซื้อวัตถุดิบสดๆได้สะดวกกว่า!” โจวซือชู่แสดงความคิดเห็นและขอคำแนะนำจากหยูเสี่ยวเฉ่า


หยูเสี่ยวเฉ่าที่ได้บทเรียนแล้วเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าเงียบๆ

โจวซือชู่มองไปรอบๆและรู้ว่าจะทำให้เด็กหญิงคนนี้พูดได้ยังไง เขายิ้มบางๆมองไปที่เสี่ยวเฉ่าแล้วถามว่า “เจ้าอยากเป็นหุ้นส่วนทำโรงงานซอสหอยนางรมรึเปล่า?”

เป็นหุ้นส่วน? นี่ไม่ใช่คำศัพท์สมัยใหม่หรอกเหรอ? ทำไมคำนี้ถึงออกมาจากปากของคุณชายสามโจวได้? เป็นไปได้ไหมว่า......คุณชายสามโจวคนนี้ก็ย้ายร่างมาเกิดใหม่เหมือนกัน? หยูเสี่ยวเฉ่าลืมตาโตมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ


โจวซือชู่เข้าใจผิดและยิ้ม “อะไร? เจ้าไม่รู้ว่า ‘หุ้นส่วน’ คืออะไรงั้นเหรอ? ตอนที่จักรพรรดิเจี้ยนเหวินยังเป็นองค์รัชทายาทอยู่ เขาก่อตั้งบริษัทเดินเรือและดึงเอาขุนนางระดับสูงกับชนชั้นสูงหลายคนไปร่วมลงทุนด้วย ตั้งแต่นั้นคำว่า ‘หุ้นส่วน’ ก็เริ่มแพร่กระจายในแวดวงธุรกิจ มันหมายความว่าร่วมลงทุนและทำธุรกิจด้วยกัน”


“อ๋อ......” หยูเสี่ยวเฉ่าตกใจเพราะความเข้าใจผิดจนเกือบเหงื่อแตก แต่เธอก็สนใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอสามารถร่วมลงทุนในโรงงานซอสหอยนางรมได้


“แต่......ข้าไม่มีเงินมากนักหรอก มีอยู่ไม่ถึงร้อยตำลึงเท่านั้นเอง......” หยูเสี่ยวเฉ่าเอาเงินที่ซ่อนไว้ออกมาพร้อมกับเกาหัวแบบอายๆ


โจวซือชู่มองเงินที่กระจายอยู่บนเตียง เธอได้เงินทั้งหมดนี้มาจากเขา แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ว่าเธอมีเงินเท่าไหร่ เดิมทีเขาตั้งใจจะให้เธอเป็นหุ้นส่วนโรงงานแบบฟรีๆเป็นของขวัญ แต่ตอนนี้เขาอยากแกล้งเธอขึ้นมาบ้าง


เด็กหนุ่มกระแอมแล้วพูดว่า “เราได้สูตรซอสหอยนางรมมาจากเจ้า ข้าก็เลยคิดว่าจะให้เจ้าเป็นหุ้นส่วนหลังสร้างโรงงาน แต่ในเมื่อเจ้ารู้สึกไม่สบายใจที่จะรับมันไปฟรีๆ งั้นเงินนี่......ข้าจะรับไว้ก็แล้วกัน!”


สีหน้าของหยูเสี่ยวเฉ่าแข็งทื่อไปทันที เธอมองนักธุรกิจ ‘ใจดำ’ ปล้นเงินของเธอไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีด!

ไม่มีทาง! เธอ หยูเสี่ยวเฉ่า ยอมอะไรก็ยอมได้ แต่จะให้ปิดปากเงียบยอมรับการสูญเสียแบบไม่เต็มใจนั้น ไม่มีทาง!


“คุณชายสามโจว!” เธอกัดฟันและพูดว่า “มันไม่โง่ไปหน่อยเหรอที่โรงงานขนาดใหญ่แบบนี้จะผลิตแต่ซอสหอยนางรมอย่างเดียว?”


โจวซือชู่ตาเป็นประกาย ‘แม่คุณทูนหัวของข้า! ข้ากำลังรอให้เจ้าพูดแบบนั้นอยู่เลย!’

“อะไร? เสี่ยวเฉ่าเจ้ามีคำแนะนำอื่นเหรอ?” โจวซือชู่มองเธออย่างสนใจมาก


“ข้ามีสูตรลับทำซอสอีก 2 อย่าง! ไม่ทราบว่าคุณชายสามโจวสนใจไหม?” ไม่ว่าใครก็รู้สึกได้ว่าหยูเสี่ยวเฉ่าเน้นคำว่า ‘คุณชายสามโจว’ เป็นพิเศษ อา...ดูเหมือนลูกแมวตัวน้อยกำลังกางเล็บเลย!

โจวซือชู่ขยับเข้ามาใกล้อย่างดีใจและพูดว่า “สนใจซิ สนใจแน่ๆล่ะ! บอกมาเร็วเข้า!”


“อืม” หยูเสี่ยวเฉ่าหันหน้าไปแบบหยิ่งๆแล้วพูดว่า “ถ้าท่านอยากได้สูตรลับ 2 สูตรนี้ก็ต้องแลกกับหุ้นส่วน!”


ความจริงการตั้งโรงงานนี้ สูตรทำซอสหอยนางรมกับซอสอีกสองอย่างนั้นมาจากหยูเสี่ยวเฉ่าทั้งหมด ตระกูลโจวแค่จัดการเรื่องเงินกับแรงงานเท่านั้น


โจวซือชู่ย่อมไม่ทิ้งหนทางทำเงินแบบไม่สิ้นสุดเพียงเพื่อกำไรเล็กๆน้อยๆ เขาพูดอย่างเอาใจว่า “ถ้าสองสูตรนั้นมีค่าเทียบเท่าซอสหอยนางรม ข้าจะให้เจ้าถือหุ้นโรงงานครึ่งหนึ่งเลย!”

ครึ่งหนึ่ง? ตอนแรกหยูเสี่ยวเฉ่าตั้งใจจะเอาแค่ 20% เท่านั้น นี่มันเกินกว่าที่เธอคาดหวังเอาไว้มากเลย

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว