Sweet Kiss จุมพิตมธุรส-4.เลขาผมห้ามมีแฟน (2)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

Sweet Kiss จุมพิตมธุรส

4.เลขาผมห้ามมีแฟน (2)

กว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็สามทุ่มแล้ว เพราะบิดามารดาของ กุลนารีชวนกินข้าวเย็นด้วย พศินไม่อยากให้ผู้ใหญ่เสียน้ำใจเขาจึงไม่ปฏิเสธ แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันจันทร์แต่หญิงสาวนัดรับรถช่วงเช้า ทว่าชายหนุ่มกลับบอกว่าเขาจะไปส่ง แล้วแวะเอาเสื้อผ้าที่คอนโดของเขาเพื่อมานอนกับเธอแทน แม้เกรงใจอีกฝ่ายทั้งเรื่องพากลับบ้าน เงินที่ให้พ่อ แล้วเขายังจะไปส่งพรุ่งนี้อีก แต่ไม่กล้าแย้ง ในเมื่อเขาช่วยเธอหลายอย่างเธอจะกล้าขัดใจได้อย่างไร

ก่อนออกมาพ่อกับแม่ก็ยังสำทับเรื่องเธอกับชายหนุ่มซ้ำๆ อย่างหน้าชื่นตาบานจนเธออายแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

‘พานังแก้มมาบ้านบ่อยๆ นะไอ้ลูกเขย นังลูกคนนี้มันชอบทำตัวไม่รู้จักบ้านตัวเอง’

‘ขอบคุณที่เอ็นดูแก้มนะคะ’

‘ว่าแต่เมื่อไรจะมาขอล่ะ ไอ้เราก็ไม่รีบหรอกนะ แต่ชาวบ้านเขาเห็นรถคันใหญ่มาจอดตั้งกะครั้งที่แล้วโน่น ก็ถามกันทั้งนั้น’

‘คนก็อยากรู้อยากเห็นแบบนี้แหละค่ะ เรื่องหมั้นเรื่องแต่งไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ค่ะ แต่พร้อมเมื่อไรมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ’

กุลนารีหน้าชาจนเหมือนไม่มีความรู้สึก ได้แต่นั่งเงียบอย่างปลงกับบิดามารดาตัวเอง พลางคิดในใจว่า พศินได้เห็นนิสัยพวกท่านแบบนี้ไปเลยก็ดีเหมือนกัน ชายหนุ่มจะเผ่นหรือยังคิดจะคบเธอต่อก็คงแล้วแต่เขา

“แก้มดูเหนื่อย”

พศินอาบน้ำทีหลังเธอ กุลนารีนั่งอยู่บนโซฟาด้านนอกแทนที่จะเป็นห้องนอน ถือหนังสือในมือทว่าไม่ได้อ่าน ดวงตาเหม่อลอย เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มก็รู้สึกตัว เหลือบมองร่างสูงที่มายืนใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

“ทำไมไม่ไปนอนในห้อง”

“เอ่อ...แก้มคิดว่าคุณอาจจะทำงานน่ะค่ะ”

เธอคิดหาคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง

“วันนี้ไม่ทำ แต่ถึงผมจะทำงานคุณก็นอนได้ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรอก ผมไม่ใช่ลูกของคุณหรือเด็กนักเรียนที่ต้องมีคนเฝ้าเวลาทำการบ้าน”

ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นกุลนารีก็หน้าเสียเกรงชายหนุ่มจะโกรธ

“แก้มไม่ได้...”

ร่างสูงโน้มลงมาใกล้พร้อมช้อนตัวเธอขึ้นทั้งที่ยังพูดไม่จบ เสียงเข้มกระซิบพร้อมยิ้มบาง

“แต่เป็นคนรักของคุณ”

กุลนารีเกร็งตัว ไม่ทันคาดคิดว่าพศินจะอุ้มเธอ หนังสือหล่นจากมือลงบนโซฟาทว่าหญิงสาวไม่สนใจอีกแล้ว เพราะคำถามที่กระซิบพร่าใกล้ขมับ

“เหนื่อยมากไหม กอดแก้มได้หรือเปล่า”

คนถูกถามเผยอปากค้างด้วยความเหวอ ใจคอชายหนุ่มจะนอนกับเธอทุกคืนจริงหรือ? แล้วจะจบลงในครั้งเดียวหรือไม่ เพราะสองคืนที่เคยใช้ด้วยกันไม่จบในครั้งเดียว

“พรุ่งนี้ทำงานนะคะ”

เธอแย้งเสียงเบา เขินจัดจนไม่กล้าเงยหน้ามองขณะพูดกับเขา

“รอบเดียว สัญญา”

เหมือนพศินจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ กุลนารีกัดริมฝีปากล่างด้วยความอาย เท่ากับว่าอย่างไรชายหนุ่มก็จะมีเซ็กส์กับเธอ ขณะที่ร่างสูงกำยำพาเธอเดินเข้าห้องนอน

พศินนั่งลงโดยให้เธอนั่งซ้อนบนตักแกร่ง คางคมสันวางบนบ่าแล้วจูบแก้มเธอ ก่อนจะค่อยไล่มาหาริมฝีปาก มือหนาวางลูบไล้บนต้นขา ส่วนอีกข้างสอดเข้ามาสัมผัสเอวบางด้านใน บดเบียดปากได้รูปกับกลีบปากเธอครู่หนึ่งก็ผละออกกระซิบ

“คิดมากเรื่องพ่อแม่คุณใช่ไหม”

“แก้มแค่...คิดว่าคุณคงไม่ชอบใจเท่าไร”

“ผมรักคุณแก้ม”

คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำบอกของเขา หากภายในใจนั้นรู้สึกปลื้มปริ่มจนแทบล้นออกนอกอก

“ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ผมจะอยู่กับคุณ ไม่ใช่พ่อแม่คุณ”

ชายหนุ่มย้ำให้เข้าใจว่า ไม่ว่าครอบครัวเธอจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ

ใบหน้าสวยหวานร้อนจัดเขินอาย แต่เมื่อปากอุ่นประทับซ้ำมาเธอก็จูบตอบกลับ แขนเรียวสองข้างยังยกขึ้นโอบลำคอหนา ยินดีเบียดหน้าอกหน้าใจของตนกับแผงอกกว้าง ขยับขาเปิดทางให้มือชายหนุ่ม แม้จะกระดากอยู่บ้างหากเวลานี้ใจเธอชุ่มชื้นราวได้รับฝนแรกพรมลงบนผืนดินที่แห้งแล้งมานานปี เพราะพศินปลุกปลอบเธอด้วยคำพูดที่ยืนยันว่าเขา ‘รัก’ เธอมากพอที่จะยอมรับครอบครัวของเธอได้

บิดามารดาของเธอเป็นคนต่างจังหวัดที่ใช้วิถีชีวิตธรรมดา พูดจาบ้านๆ ไม่หวานหู และเหนืออื่นใด เห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้รังเกียจ

กุลนารีเองก็ไม่เคยรังเกียจพ่อแม่ตน เธอรักมาก มากจนทุ่มเททำงานเพื่อให้พวกท่านมีเงินใช้จ่ายในทางที่ผิดได้อย่างไม่ลำบาก จะว่าไปแล้วอาจเป็นเธอเองที่ผิด แต่เธอก็เลือกที่จะทำอย่างนี้

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจพ่อแม่แก้ม”

หญิงสาวบอกเขาจากใจหลังจูบแสนหวานจบลง อยากพูดก่อนที่สติของตนจะหลุดลอยสู่ภวังค์หวาม

“เด็กโง่ ทำไมผมต้องรังเกียจ”

พศินพึมพำชิดปากเธอแล้วหอมแก้มตามมา ก่อนจะไต่ไปหาติ่งหู ขบเม้มเบาๆ พร้อมสอดมือเข้าไปแตะเนื้อแท้กลางร่างหญิงสาว

ปากอิ่มเผยอหอบ ลิ้นชื้นไล้เลียข้างหูเธอขณะที่ปลายนิ้วแกร่งวนเวียนกระตุ้นอารมณ์ไม่ลดละ ใบหน้าสวยหวานเงยสูงเมื่อชายหนุ่มเปลี่ยนมาไซ้ซอกคอ รัญจวนกับสัมผัสเร้าใจแสนหวาน ครางเสียงเบาพร่ารับการสอดแทรกจากนิ้วชายหนุ่ม

“คุณร้อนแล้วแก้ม”

ชายหนุ่มเอ่ยอย่างพอใจ ชื่นชอบการโอนอ่อนแต่ขัดเขินนิดๆ ของคนร่างบาง ราวอยากเรียนรู้ให้มากขึ้น พร้อมที่จะมีความสุขมากยิ่งกว่าที่เคยผ่านมา

สะโพกสวยเคลื่อนรับเขา ทั้งเจ้าตัวยังเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนอย่างเรียกร้อง มุมปากได้รูปยกยิ้มก่อนจูบกลับอย่างเร้าใจ ลิ้นอุ่นสอดเข้ารวบรัดดูดดึงลิ้นเล็กตามจังหวะมือตนเอง คนตัวเล็กเองก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กระทั่งร่างบางสะท้าน พศินจึงปล่อยให้ปากอิ่มสวยหายใจได้สะดวกขึ้น ขณะที่มือก็ปลดกระดุมแล้วรั้งเสื้อออกจากไหล่บางทั้งสองข้าง

ปากอุ่นจูบผะผ่าวบนบ่าเธอ นิ้วแกร่งเกี่ยวสายคล้องเสื้อชั้นใน ส่วนมืออีกข้างแกะตะขอด้านหลัง กุลนารีช่วยดึงเสื้อชิ้นเล็กออกให้ชายหนุ่มได้เข้าโอบประคองอกอวบเต่งตึงของเธอด้วยสองมือหนา แรงขยำเคล้นคลึงตามอารมณ์หนุ่มที่ปะทุสูง หากเธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บ มีเพียงความซาบซ่านร้าวรานใจ ปลายยอดสีหวานถูกบดวนไล้ ปลายลิ้นชื้นไล้ผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอแล้วเม้มแรงด้วยริมฝีปากได้รูป

มือบางลูบเอวสอบด้านหลังตน สะโพกกลมกลึงเบียดลงราวต้องการบางอย่าง แปลกนักที่เธอไม่นึกลัวเกรงหวาดหวั่นอีกแล้ว กายกร้าวร้อนของเขาเชิญชวนให้ประชิดเหลือเกินอย่างไม่น่าเชื่อ

“คุณวี ช้าจังค่ะ”

พศินหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงหวานพร่ากล่าวราวไม่ทันใจ นั่นเพราะเขาต้องการเร้าร่างกายกุลนารีให้นานต่างหาก ครั้งก่อนเร่งรีบใจร้อน ครั้งนี้ก็อยากใจเย็นบ้าง

“อดใจรออีกหน่อยคนดี”

มือหนายังใส่ใจกับทรวงงาม ปากอุ่นจูบไล่ไปทั้งท้ายทอย ด้านหลังจนไปยังบ่าอีกด้าน ซอกคอสองข้างโดนไรเคราครูดซำแล้วซ้ำเล่า แล้วอยู่ๆ ชายหนุ่มก็กอดเอวเธอยกจากตักแกร่งพาไปนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง ส่วนเขาฝากรอยอุ่นไปตามสันหลังบาง ไม่นานปราการสุดท้ายสองชิ้นของเธอก็หลุดจากเรียวขา โดยมีกุลนารีขยับสะโพกกับขาอำนวยความสะดวกให้ ชายหนุ่ม

ความร้อนปนชื้นที่นาบลงมาบนสะโพกตนทำเอากุลนารีสะดุ้งทุกครั้งด้วยความสยิว พศินฟอนเฟ้นทั้งปากและมือไปพร้อมกัน กระทั่งมือที่ลูบต้นขาเธออยู่ย้ายมาแนบสัดส่วนอ่อนบางหญิงสาวถึงกับครางฮือ ไม่นานก็รับรู้ว่าตนถูกรุกรานอีกครั้ง

ชายหนุ่มเบียดแทรกปลายนิ้วร้อนรนเร่งเร้า ในเมื่อก่อนหน้านี้ช้า ครั้งนี้จึงเปลี่ยนจังหวะให้เจ้าของภายในนุ่มอุ่นได้ตื่นเต้นไปอีกแบบ เสียงครวญพร่าไม่หยุดเป็นสิ่งบอกได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายเร้าใจแค่ไหน

“ดีมากแก้ม คนสวยของผม”

เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหูเล็ก แล้วลงคมเขี้ยวกัดเล่นหยอกเย้า ยิ่งหญิงสาวร้อนเร่าเขาก็ยิ่งตื่นตัว พศินแทบไม่ต้องวุ่นวายเตรียมตัวเองหรือให้กุลนารีช่วยแต่อย่างใด เขาพร้อมโจนทะยานทันทีเพียงแค่ได้มองเรือนร่างงามบิดเร่า ทั้งทรมานและมีความสุขกับการกระทำของเขา

ร่างบางทรุดฮวบลงหลังสั่นเทารุนแรงไปทั้งตัว พศินรีบถอดเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มของตนอย่างรวดเร็ว เขาตั้งใจเอาเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทั้งกลางวันกลางคืนมาไว้ที่ห้องของกุลนารี จากนั้นก็พาคนตัวเล็กให้กลับมานอนหงายโดยที่เขาตามลงไปจูบปากอิ่มสวย สอดประสานลิ้นกับอีกฝ่ายอย่างร้อนรน เมื่อเวลานี้ความต้องการกำลังตีตื้นอย่างสุดกลั้น

“อื้อ...”

กุลนารีหลุดเสียงเครือสั่นเมื่อถูกล่วงล้ำรุนแรงในครั้งเดียว เธอแน่นราวจุกไปทั้งท้องน้อย พศินไม่ธรรมดาเลย แม้เขาจะใจดีช่วยเธอนำไปก่อนทุกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายเติมเต็มเมื่อไรเธอก็อึดอัดหายใจลำบากเสมอ

“โอ...แก้ม คนดี เด็กดี ทรมานอะไรอย่างนี้”

มือหนาลูบแก้มเธอพร้อมบอกชิดปาก ชายหนุ่มเองก็ดูจะอาการหนักหนาไม่แพ้เธอ กุลนารีจึงโอบแขนตนรอบร่างใหญ่ ลูบเบาๆ อย่างต้องการช่วยเหลือ ไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้พศินแทบกระโจนเข้าใส่เธอ

ร่างหนาเริ่มเคลื่อนไหวแม้อยากใช้เวลาอยู่ในกายร้อนนุ่มนิ่มนานแสนนาน แต่เขาก็ต้องระบายความอัดอั้นของตน สะโพกแกร่งทิ้งลงหนักหน่วง ทั้งยังพอใจที่คนใต้ร่างกอดรัดเขาเอาไว้ทั้งแขนขา ทรวงงามเสียดสีขึ้นลงแนบอกเขารัญจวนใจยิ่งนัก ทำให้ชายหนุ่มยิ่งบดเบียดเข้าหาหญิงสาวชนิดที่ลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายบอบบางกว่าเขาแค่ไหน

“อืม...”

พศินส่งเสียงพึงพอใจเป็นระยะ กระทั่งรู้ว่าตนต้องไปให้ถึงดวงดาวแล้วในตอนนี้ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นนั่งกระทั้นสะโพกประชิดนวลเนื้อสาวสุดตัว มือหนาลูบอกอวบ บีบขยำ แล้วไต่ลงมาล็อกเอวบางดึงให้อีกฝ่ายขยับประสานกับตนเอง ชายหนุ่มกระโจนถี่ยิบ รั้งพาสะโพกผายให้เคลื่อนรับไปพร้อมกับเขาอย่างเร่งร้อน ไม่นานร่างสองร่างก็ผวาเข้ากอดกันเต็มรัก

ร่างบางจมหายไปในอ้อมแขนกำยำ ส่งเสียงหอบหนักแนบอกกว้าง ขณะรู้สึกถึงปากอุ่นที่แนบจูบข้างขมับกับลมหายใจร้อนจัดที่รุนแรงเช่นเดียวกัน

“ผมแย่แน่”

เสียงเข้มแหบเอ่ยขึ้นหลังจากต่างก็นอนกอดกันกลมอยู่ครู่หนึ่ง

“ทำไมคะ”

“ไม่รู้สึกอิ่ม”

“เพราะกินข้าวเย็นเร็วไปมั้งคะ”

หญิงสาวออกความเห็นอย่างใสซื่อ เธอขยับตัวขึ้นมามองอีกฝ่ายพร้อมบอก

“แก้มไปทำอะไรให้กินไหมคะ แต่อิ่มมากคุณวีจะนอนหลับหรือเปล่า”

กุลนารีถามอย่างเป็นห่วง ทว่าพศินกลับยิ้มกว้าง เป็นยิ้มในแบบที่ไม่ค่อยมีให้เธอนัก เคยเห็นเขายิ้มให้น้องสาวกับบราลีเพียงเท่านั้น ทำเอาใจสาวเต้นรัวทีเดียว

พศินลูบแก้มนุ่มแดงเรื่อ เอ็นดูคนซื่อตรงหน้าจนอยากฟัดอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอดไป ถ้าไม่ได้สัญญาเอาไว้แล้ว

“หิวแก้ม ไม่ได้หิวข้าว กินแก้มเท่าไรก็ไม่อิ่ม รู้เอาไว้ด้วย”

คนไม่รู้ตัวกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนปวดแก้ม ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือเขินดี แต่หน้าเธอร้อนจนแทบระเบิดอยู่แล้ว

“คุณวี”

เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรก็ทำได้เพียงเอ่ยชื่อเขาเสียงอ่อย

“ไม่รู้ล่ะ คืนพรุ่งนี้ก็จะมาอยู่กับแก้ม”

“โธ่ ไม่กลับบ้านตั้งหลายคืน จะดีเหรอคะ”

“คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ซีเรียสกับผมกับนายวินเหมือนกับวุ้นหรอก อีกอย่างผมอายุตั้งเท่าไรแล้ว พวกท่านไม่ตามจู้จี้เรื่องกลับหรือไม่กลับบ้านหรอกน่า”

ถึงอย่างนั้นกุลนารีก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หากก็รู้ว่าแย้งชายหนุ่มไม่ได้จึงทำได้เพียงแอบถอนหายใจ

“ส่วนเรื่องทางบ้านแก้ม มีอะไรให้บอกผม ห้ามเก็บไปเครียดคนเดียว”

ชายหนุ่มย้ำแล้วประคองให้อีกฝ่ายซบหน้าลงกับอกตน ในเมื่อเขาคบกับกุลนารีแล้วก็ไม่อยากให้หญิงสาวเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเพียงคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน คิดแล้วก็นึกสงสารเลขาของตน เขาเห็นเธอตั้งใจทำงาน ใส่ใจงาน ดูแลเขาอย่างเต็มที่ก็นึกชื่นชม ไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าตัวเหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับที่ต้องจัดการเรื่องต่างๆ นอกเวลางานให้เขาแล้วยังต้องเหนื่อยใจกับทางบ้านอีก

กุลนารีเก่งไม่มีจุดบกพร่องในสายตาเขา เพราะเธอพยายามจัดการงานและชีวิตตัวเองอย่างเข้มแข็งมาตลอด

“แก้มมีผมแล้ว ผมจะเป็นที่พึ่ง ที่พักใจให้แก้มเอง ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งให้ทางบ้านตลอดเวลาก็ได้ อยากร้องไห้ก็ร้อง งอแงได้เต็มที่”

“คุณน่าจะรำคาญเสียก่อนน่ะสิคะ”

“ผมไม่รำคาญแก้มหรอก”

“แต่คุณชอบทำหน้าดุเวลาอยู่กับแก้ม”

“หน้าผมก็เป็นแบบนี้ตลอด”

“แต่...”

กุลนารีไม่พูดต่อ ไม่อยากเปรียบเทียบตัวเองน้องสาวของเขา รวมทั้งบราลีผู้หญิงที่บ้านเขาอยากให้ลงเอยด้วย คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็ใจหาย เธอลืมเรื่องบราลีไปเลย ชายหนุ่มพูดเหมือนเขาจริงจังกับเธอ แล้วบราลีล่ะ

แม้อยากรู้แต่เธอก็ไม่กล้าถาม

“แต่อะไร”

พศินอดสงสัยไม่ได้เพราะอยู่ๆ อีกฝ่ายก็เงียบไป

“ไม่มีอะไรค่ะ แก้มแค่จะบอกว่า แต่แก้มคงไม่ชิน ปกติก็ไม่ได้งอแงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พ่อเป็นแบบนี้แก้มก็เลยพยายามปกป้องแม่น่ะค่ะ”

“ผมเข้าใจ”

มือหนาลูบไหล่เธอหลังจากเอ่ยเสียงเบา

“แล้วตอนนี้แก้มก็มีผมปกป้อง”

ชายหนุ่มบอก

“ผมคิดว่าพ่อแก้มคงได้บทเรียนบ้างแล้วล่ะ ค่อยๆ ดูไปสักพักคงดีขึ้น”

“แก้มไม่แน่ใจค่ะ แต่ก็อยากลองเชื่อพ่อดู แม่ก็บอกว่าจะเพลาลงเรื่องซื้อหวยกับลอตเตอรี่เหมือนกัน”

พศินอึ้งไปแต่ไม่พูดอะไรออกมา เขารู้แค่เรื่องบิดาเธอไม่รู้ว่าแม่ของเธอก็มีความชอบส่วนตัวเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าท่านสนใจอยากได้เขาเป็นลูกเขยก็ตาม ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่นึกรังเกียจอะไร มารดาหญิงสาวใจดีเอ็นดูเขาไม่น้อยเลย อีกอย่างเขาก็เห็นว่าท่านรักกุลนารีมาก คิดว่าคงพยายามทำตามที่บอกลูกสาวเอาไว้

แขนกำยำกอดกระชับร่างบางให้แนบกับตนมากขึ้น มือข้างหนึ่งลูบผมนุ่มสลวย ปากได้รูปประทับบนหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน


==============

หวานจัดอีกแล้ว ทั้งเขินทั้งเหนื่อยแทนแก้มเลย ^-^"

*ครบตอนที่ 22 ประมาณ 70% ของเรื่องแล้วจ้า ไรต์จะเปิดให้อ่านถึงเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 ส.ค.63

จากนั้นจะปิดเหลือตัวอย่างนะจ๊ะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน ให้กำลังใจ และคอมเมนต์ค่า ทุกคนคือกำลังใจที่ดีที่สุดเลยค่า เลิฟ เลิฟ

สนใจอีบุ๊กดาวน์โหลดได้ที่ Mebmarket จ้า ฝากตามไปให้กำลังใจแก้มกันเยอะๆ น้าาา^^

==============

เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ มาเมาท์ มาคุยนิยายกันได้จ้า

https://twitter.com/rasitawriter

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว