Sweet Kiss จุมพิตมธุรส-4.เลขาผมห้ามมีแฟน (1)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

Sweet Kiss จุมพิตมธุรส

4.เลขาผมห้ามมีแฟน (1)

กุลนารีกลับบ้านด้วยตัวเอง โดยบอกกับศตายุที่ส่งข้อความมาถามว่ากลับกับเขาไหมไปว่า เธอติดรถเพื่อนออกมา เธอไม่พร้อมให้ใครเห็นหน้าตาบวมแดง แม้จะมีพนักงานบางคนสังเกตบ้าง แต่ในเมื่อไม่สนิทสนมกันก็ไม่มีใครกล้าถามไถ่

ถึงคอนโดก็อาบน้ำแล้วนอนทันทีโดยไม่กินอะไร ทั้งไม่รู้สึกหิวและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เธอไม่ร้องอีกแล้วนับตั้งแต่ร้องไห้ในห้องน้ำไป บอกตัวเองว่าทุกอย่างควรจบลงได้แล้ว ในเมื่อเธอหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกเกินเลยกับเจ้านายหนุ่ม ปิดกั้นตัวเองไว้อยู่แล้ว ก็แค่ทำเหมือนเดิมต่อไป

พศินเองก็บอกแล้วว่าเขาจะลืม เธอเองก็ควรลืมเช่นกัน

อย่างน้อยสิ่งที่เธอทำไปครั้งนี้ก็สุ่มเสี่ยงกับการถูกไล่ออกแล้ว ทว่าชายหนุ่มกลับบอกว่าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เท่ากับเขาเปิดโอกาสให้เธอได้ทำงานต่อไป

เธอเสียงานไม่ได้ เรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้นไม่สำคัญกับเธอ

แม้ต้องการนอนเพื่อพักทั้งร่างกายและจิตใจ ทว่ากุลนารีก็ใช้เวลาค่อนคืนถึงจะผล็อยหลับไป

==============

เธอไม่เคยถูกเรียกให้ไปคอนโดพศินนอกเวลางานเลยนับแต่คืนนั้น ราวกับนานนักในความรู้สึกของกุลนารีทว่าก็เพียงสองอาทิตย์ ซึ่งอาทิตย์นี้นับเป็นอาทิตย์ที่สาม นั่นเท่ากับว่าพศินเองยังไม่ได้คบหาใครหลังตัดความสัมพันธ์กับเบญจวรรณไป

เท่ากับเธอได้วันหยุดสองวันต่อหนึ่งสัปดาห์มาพักหนึ่งแล้ว แต่ กุลนารีกลับมักจะมองมือถือของตนบ่อยครั้ง อย่างเช่นวันนี้ แม้จะเพิ่งมีปัญหากับเจ้านายของตนไปเมื่อวาน หากก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาอาจมีคู่ขาคนใหม่หลังเธอไม่ตกลงปลงใจด้วย

หากเขามีคนใหม่แล้วไม่เรียกเธอเข้าไปยุ่งอีกแล้วล่ะ

กุลนารีส่ายหน้าไล่ความคิดวุ่นวายในใจตัวเอง

“เขาไม่เรียกก็ดีแล้วแก้ม ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก”

หญิงสาวมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ทั้งทำความสะอาดห้อง ทำอาหารที่ปกติมักจะกินง่ายเข้าไว้ และนอนอ่านหนังสือในช่วงบ่ายจนหลับไป

เสียงมือถือที่ดังบนโต๊ะใกล้ๆ ทำให้กุลนารีรู้สึกตัว เอื้อมมือไปหยิบมาดูแล้วก็ต้องเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ตาสว่างในทันใดเพราะชื่อที่เห็นเป็น ‘พศิน’

กุลนารีชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงหน้าที่การงานของตนแล้วก็ถอนหายใจยาวก่อนจะกดรับ เธอจะมาทำเป็นงอนเจ้านายไม่ได้

“สวัสดีค่ะ”

“ผมมาหาคุณที่คอนโด”

“อะไรนะคะ”

“เรื่องของเรามันยังไม่จบแก้ม”

คนได้ยินเงียบไป ก็เป็นเขาเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าให้ลืม

“ขอผมขึ้นไปคุยกับคุณนะ”

แม้ไม่ได้ใจอ่อนกับเสียงเข้มที่ทุ้มขึ้น ทว่าก็อยากรู้ว่าพศินต้องการจะคุยอะไร ถึงอาจทำให้ตนเสียความรู้สึกอีก กระนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ชายหนุ่มรออยู่ข้างล่างโดยไม่สนใจเช่นกัน เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอ

นับจากลงไปรับพศินข้างล่างกระทั่งขึ้นมาถึงห้องตน กุลนารียกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างเดียว ไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้น อีกฝ่ายเองก็ดูนิ่งจนทำเอาเธอแอบหวั่นใจนิดๆ เช่นกัน แต่ก็มีบางอย่างที่สังเกตได้คือ หน้าตาของเขาค่อนข้างอิดโรย

“กาแฟไหมคะ”

สุดท้ายเธอก็จำต้องเอ่ยถาม เพราะอย่างไรเสียก็ต้องมีมารยาทในการรับแขก ชายหนุ่มพนักหน้ารับเธอจึงไปชงกาแฟในส่วนครัว โดยไม่รู้ว่าร่างสูงกำยำตามตนมากระทั่งกาแฟชงเรียบร้อยหันกลับไปก็เจอชายหนุ่มกำลังเดินมาใกล้พอดี

“ระวังหน่อย...”

เพราะเธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วก้าวถอยหลังกะทันหัน มือหนาจึงยื่นมาจับมือเธอที่มีแก้วกาแฟแล้วเอาไปถือไว้เสียเอง

“เดี๋ยวจะโดนลวกซ้ำอีก”

ทว่าแทนที่พศินจะสนใจกาแฟเขากลับวางลงบนโต๊ะอาหาร โดยไม่ได้ปล่อยมือเธอข้างที่จับอยู่ กุลนารีหลุบตาลงมองมือหนาแล้วเงยขึ้นสบกับดวงตาคู่คมเข้ม พยายามวางสีหน้าให้เหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจโอดครวญ เพราะแค่ถูกจับมือและสบตาชายหนุ่มความเข้มแข็งที่อุตส่าห์ตั้งมั่นก็แทบมลายไปในพริบตา

และแม้พศินบอกว่าต้องการคุยกับเธอ ทว่าเขาก็เอาแต่จ้องเฉยๆ โดยไม่เอ่ยอะไร

“เอ่อ ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะคะ”

กุลนารีออกความเห็น พอจะยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟ พศินก็เป็นฝ่ายหยิบไปก่อน ส่วนมืออีกข้างที่จับเธอไว้ก็รั้งเบาๆ ให้เดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน

ชายหนุ่มพาเธอมายังโซฟาห้องรับแขกราวที่นี่เป็นห้องของเขา แถมยังรั้งให้นั่งลงข้างกันโดยไม่ปล่อยมืออีกด้วย ร่างบางถอยห่างนิดๆ อย่างทำตัวไม่ถูกนัก

“ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”

เวลานี้ตาคู่คมสบกับเธอโดยไม่ไหวติง ทำเอากุลนารีใจเต้นระทึกระหว่างรอฟัง

“ผมเสียใจ”

ริมฝีปากอิ่มเผยอนิดๆ แปลกใจกับสิ่งที่เขาพูดมา

“เสียใจที่ทำร้ายจิตใจคุณ แต่สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อวานคือความจริงทั้งหมด ผมคิดถึงสัมผัสของคุณ เรียกว่าโหยหาเลยล่ะ”

กุลนารีลุกพรวดพร้อมสะบัดมืออย่างรุนแรง

“ถ้าคุณจะมาเพิ่มเงินล่ะก็...”

“ไม่ใช่แก้ม”

พศินสวนขึ้น เมื่อเขาลุกตามและก้าวมาหาเธอก็ถอยหลังสองสามก้าว สูดลมหายใจจนเต็มปอดเพื่อพูดออกไป

“กลับไปเถอะค่ะแก้มขอร้อง ยังไงแก้มก็ยังอยากทำงานกับคุณ ไม่สิ คุณก็รู้ว่าแก้มเสียงานไปไม่ได้”

เสียงหวานเริ่มไม่มั่นคงขึ้นมาอีก

“อย่าทำให้แก้มดูเห็นแก่เงินไปมากกว่านี้อีกเลย”

ท้ายประโยคแทบไม่หลุดจากริมฝีปากอิ่มเพราะเจ้าตัวเสียงเครือ พร้อมทั้งพยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“คุณไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกแก้ม คุณตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวแค่นั้นเอง”

ชายหนุ่มเอ่ยราวปลอบ

“ผิดที่ผมเอง ผมมันซื่อบื้อ ที่ใช้เงินซื้อเซ็กส์ของคุณเพราะต้องการคุณเป็นบ้า”

พศินพูดเหมือนกำลังสบถอย่างหัวเสีย สีหน้าท่าทางของเขาจริงจังจนเธอไม่กล้าแย้งหรือถาม นอกจากฟังต่อ

“ผมรู้สึกดีกับคุณมาก เหมือนคุณเป็นยาเสพติดที่ขาดไม่ได้ทั้งที่เรานอนด้วยกันไม่กี่ครั้ง ผมเลยเสียการควบคุมเพราะทนไม่ไหว ยิ่งเห็นคุณเจ็บตัวผมก็ไม่อยากมองเฉยๆ อยากดึงคุณเข้ามากอด ดึงมือคุณมาจูบให้คลายความเจ็บแต่ผมทำไม่ได้ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่มีสิทธิ์แตะคุณ ผมก็เลยยื่นข้อเสนอเรื่องเงินขึ้นมาอีกเพราะเป็นทางเดียวที่จะได้กอดคุณ”

เขาไม่อายที่จะพูดออกมาแล้วในตอนนี้ เพราะศักดิ์ศรีที่กอดเอาไว้อาจทำให้สูญเสียบางอย่างที่ไม่อยากเสียไป

“ที่สำคัญ ผมไม่ชอบใจเลยที่คุณกลับไปสนิทสนมกับแฟนเก่า ผมหวง”

คิ้วเรียวสวยขมวดเมื่อฟังมาถึงตรงนี้

“ไม่ใช่แค่หวง แต่หึงด้วย”

ใจดวงน้อยเต้นระรัวขึ้นกับสิ่งที่ได้ยิน ปากอิ่มที่เผยอค้างยิ่งขยับกว้างขึ้น จนออกจะเหวอไปแล้วเพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเจ้านายหนุ่ม

พศินยิ้มบางเอ็นดูเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานประหลาดใจอย่างมาก

“ก่อนหน้านี้ผมเข้าใจว่าตัวเองให้ความสำคัญกับคุณเพราะคุณเป็นเลขาที่ถูกใจ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่นั้น”

เมื่อวานนี้ระหว่างทางที่กลับบ้านใจเขากระวนกระวายมาก แม้จะวางเฉยไม่ให้บราลีรู้สึกได้ แต่ในหัวคิดตลอดเวลาว่ากุลนารีกลับบ้านพร้อมแฟนเก่าของเธอหรือไม่ และหมอนั่นเห็นเธอร้องไห้เสียใจจะปลอบอย่างไร จะตามไปปลอบกันถึงบนคอนโดหรือเปล่า เขาออกมาคอนโดตนเองหลังอาหารเย็น นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะความคิดวุ่นวายวนเวียนอยู่แต่กับ กุลนารีและใบหน้าสวยหวานยามอาบด้วยน้ำตา ดวงตาคู่โตมองเขาอย่าง ตัดพ้อ

“ผมสนใจแก้มมากกว่าใคร ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้หญิงรอบตัวผมไม่มีใครสมบูรณ์แบบเท่าคุณ ผมคิดอย่างนั้น แต่เพราะมีคุณเป็นเลขาข้างกายที่พร้อมดูแลเอาใจใส่ผมเสมอ ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกตัวเองมากพอ กระทั่งแฟนเก่าคุณเข้ามาเป็นตัวแปรทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมา แล้ววันที่คุณจูบผมตอนหลับใจผมก็เต้นแรงในแบบที่ไม่เคยเป็น ส่วนครั้งที่บ้านคุณก็เพราะทนเสียงเรียกร้องในใจไม่ได้”

เขาห่วงใยกุลนารีก็จริงแต่ไม่ค่อยได้แสดงออก เพราะหญิงสาวเองก็เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องลาหยุดเลยสักครั้ง ทว่าพอมีผู้ชายอีกคนที่เคยคบหากับเธอมาก่อนเข้ามา ทำให้พศินกลัวว่าลำดับความสำคัญของตนสำหรับหญิงสาวอาจลดลงไป

“ที่บอกว่าจะให้คุณออกจริงๆ แล้วผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นสักนิด แต่ก็รู้ว่าคุณรักงานนี้มาก อีกอย่างก็อยากวัดใจว่าคุณไม่สนใจแฟนเก่าจริงหรือเปล่า”

“คุณใจร้ายมากที่พูดแบบนั้น”

กุลนารีพึมพำต่อว่า แต่พศินกลับยิ้มอ่อน การทำงานร่วมกันมานานหลายปีทำให้เขามองข้ามกุลนารีไป แม้จะชื่นชมหญิงสาวมากกว่าใครพศินก็ไม่คิดถึงความรู้สึกพิเศษ

“ขอโทษ ผมค่อยๆ ตระหนักได้ว่าคุณไม่ใช่แค่เลขาสำหรับผม แล้วก็ลองชวนคุณไปดูหนังบ้าง ออกงานบ้าง ทำไปแล้วผมรู้สึกดีมาก ไม่เบื่อที่ต้องรอคุณหรือมีคุณอยู่ด้วยแบบตัวติดกันตลอดเวลา เรื่องเงินที่ให้พ่อคุณเป็นโอกาสที่ทำให้ผมจะได้ใกล้ชิดคุณ ผมก็เลยยื่นขอเสนอไปแบบนั้น”

เขาทำเหมือนต่อรองธุรกิจที่จะไม่ยอมเสียเงินฟรีและต้องได้กำไรคุ้มค่า เธอเชื่อว่าพศินต้องมั่นใจว่าเธอไม่อาจมองข้ามหนี้ก้อนใหญ่นี้

“พอต้องพูดเรื่องหัวใจมันยากสำหรับผม คิดไม่ออกว่าจะเริ่มคุยกับคุณยังไง ที่สำคัญผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับผม แล้วก็ดันปากหนัก ทั้งที่คิดจะถามว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม แต่กลับบอกว่าติดใจจูบของคุณ”

มือหนายื่นมาหาครั้งนี้กุลนารีไม่ได้ถอยหนีอีกแล้ว เธอยอมให้เขาจับมือไปกุมไว้ทั้งสองข้าง

“ยกโทษให้ผู้ชายซื่อบื้ออย่างผมเถอะนะแก้ม ผมนอนไม่หลับเลย ทั้งห่วงว่าคุณจะยังร้องไห้อยู่อีกไหม กังวลว่าผู้ชายคนนั้นจะตามมาปลอบใจคุณถึงที่นี่หรือเปล่า ผมทุรนทุรายมากที่เราทะเลาะกัน แก้มไม่เคยโกรธ ไม่เคยเย็นชาใส่ผมเลยสักครั้ง ผมทรมานที่แก้มเมินผม”

“คุณบอกให้แก้มลืมเองนี่คะ”

“เพราะคุณไม่ต้องการผม ผมเสียหน้าเลยพูดไปแบบนั้น แต่ก็กลายเป็นผมเองที่อยู่ไม่ได้ หัวใจร้อนรนไปหมด”

ชายหนุ่มก้มลงยกมือสองข้างของเธอขึ้น ไล้ปลายนิ้วโป้งบนหลังมือที่เคยถูกน้ำร้อนลวกของเธอซึ่งวันนี้คล้ำขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจูบลงบนนั้น ทำให้เธออดหน้าร้อนไม่ได้

“คุณสำคัญกับผมมากนะแก้ม ไม่ใช่แค่เซ็กส์ ผมผูกพันกับคุณมากกว่าใคร พอใจที่มีคุณอยู่เคียงข้างมาตลอด”

“รวมถึงตอนที่คุณอยู่กับคู่ขาด้วยเหรอคะ”

ไม่รู้เธอไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ถามอย่างนี้ออกไป แต่พศินดูไม่โกรธ เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ส่วนลึกในใจผมอาจจะต้องการเรียกร้องความสนใจจากคุณก็ได้ แค่รู้สึกว่าเรื่องผู้หญิงน่าจะอยู่ในสายตาคุณ อยากให้คุณรับรู้ด้วยว่าผมมีใครบ้าง”

“แก้มไม่อยากรู้ ไม่อยากไปด้วย แต่ก็ต้องไป”

กุลนารีเริ่มพูดอย่างใจคิด เมื่อชายหนุ่มเองก็ดูจะไม่ทำหน้าเข้มใส่เธอเท่าไรแล้ว

“จะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว เพราะต่อไปนี้ผมจะมีแค่คุณ”

ดวงตาคู่โตกะพริบถี่ ราวต้องใช้เวลาตีความทั้งที่คำพูดของ ชายหนุ่มเข้าใจได้ง่ายดาย ขณะที่มัวแต่อึ้งและใช้ความคิดแขนกำยำก็เลื่อนมาโอบเอวเธอให้ตัวเข้าไปชิดกับเขา ร่างบางเกร็งหน่อยๆ ด้วยยังตั้งตัวไม่ติดกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากชายหนุ่ม

“เอ่อ คุณวี...”

“หลังจากกอดคุณไปแล้วผมก็ไม่นึกอยากมีใครอีก”

พศินเอ่ยความรู้สึกจากใจ

“ผมพูดจากความรู้สึกข้างใน ถึงจะพูดจาหวานไม่ค่อยเก่ง แต่ผมต้องการคุณคนเดียว ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่เป็นตลอดไป”

กุลนารีขยับปากหากก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่ได้ขอคำยืนยันแต่ ชายหนุ่มก็พูดออกมา ทำให้เธอยิ่งมึนงง

“คำพูดและการตัดสินใจของผมมันอาจจะดูเร็วนะแก้ม แต่ผมบอกแล้วว่าคุณเป็นเลขาที่ผมขาดไม่ได้ ผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าแท้จริงเป็นเพราะผมมีแค่คุณอยู่ในสายตาเสมอมา”

หญิงสาวค่อยๆ ยิ้มบาง แม้ยังไม่มีคำว่า ‘รัก’ ที่ชัดเจน แต่พศินก็พยายามสื่อในสิ่งที่เขารู้สึกกับเธอออกมาทั้งหมด

“ระหว่างเรามาทำให้มันถูกต้อง ในแบบที่มันควรจะเป็นมานานแล้วดีกว่า เรามาคบกันจริงๆ เถอะ”

พศินสรุปโดยไม่ถามเธอสักคำว่า เธอรู้สึกอย่างไรกับเขา

“ผมควรรู้ตัวเร็วกว่านี้ กล้าพูดกล้าถามคุณ จะได้ไม่ต้องทำให้คุณเสียใจ”

เขารู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำร้ายความรู้สึกของหญิงสาว

“แถมคุณยังเสีย...”

“แก้มไม่เสียใจเลยที่เป็นของคุณ”

กุลนารีแทรกขึ้น ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดใจกับเธอแล้ว เธอก็พร้อมเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองบ้าง

“แก้มเสียใจที่ต้องแลกตัวเองกับเงินมากกว่าค่ะ พอคุณมาเสนอเงินให้อีกแก้มเลยยิ่งเสียความรู้สึก แก้มรู้สึกแย่ เพราะคุณเห็นว่าที่บ้านแก้มเป็นยังไง ร้อนเงินแค่ไหน...”

เสียงหวานกลับมาเครืออีกครั้ง ดวงตาคู่โตสวยพราวขึ้นเพราะน้ำคลอหน่วยตา พศินจึงรั้งร่างบางเข้ามาซบอกของตน ลูบผมนุ่มมือปลอบประโลม ขณะเดียวกันก็เอ่ย

“ไม่เอา บอกแล้วว่าอย่าดูถูกตัวเอง”

“มันเป็นเรื่องจริงค่ะ แก้มทำทุกอย่างเพื่อเงิน ตั้งใจทำงานให้คุณก็เพื่อเงิน มาสมัครงานนี้ก็เพราะอยากได้เงินเดือนเยอะๆ”

พศินถอนหายใจ จับไหล่บางสองข้างดันให้คนตัวเล็กมองหน้าเขา เมื่อเธอหลบสายตาเขาก็ประคองสองข้างแก้มนวลให้ดวงหน้าเล็กไม่อาจเลี่ยงหลบได้

“ใครๆ ก็ทำงานเพื่อเงินเพราะมีเงื่อนไขในชีวิตกันทั้งนั้น ผมก็ต้องทำเพื่อเงิน เพื่อให้บริษัทอยู่รอด ต้องใจแข็งปลดพนักงานเป็นร้อย มันเป็นกลไกที่เราต้องทำเพื่อตัวเอง เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ”

กุลนารีสะอื้นไห้ออกมา เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ราวคนอ่อนแอ ปกติแม้น้ำตาไหลหากก็ไม่เคยสะอึกสะอื้นเลย

“สำหรับผม แก้มเป็นคนเก่ง เป็นผู้หญิงที่หัวใจแข็งแกร่งมาก ผม ชื่นชมคุณมากนะ”

หลังจบประโยคนั้นหญิงสาวก็ยิ่งน้ำตาไหลพราก ทว่าพศินกลับโน้มหน้าลงไปหา รู้สึกอยากจูบคนที่ขี้แยได้อย่างน่าเอ็นดูให้หายมันเขี้ยวนัก


==============

ถึงจะซื่อบื้อไปชั่วขณะ และมองข้ามแก้มมานาน แต่พศินก็ตามมาง้อแก้มแล้ววว ^0^

*อีบุ๊กวางขายแล้ว สนใจฉบับเต็มดาวน์โหลดได้ที่ MEBMARKET จ้า

==============

เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ มาเมาท์ มาคุยนิยายกันได้จ้า

https://twitter.com/rasitawriter

รีวิวจากผู้อ่าน 1 รีวิว
  • เฟิง เฟิง
    เมื่อ 4 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    มีการห้ามด้วย
    • อ่านถึง : 4.เลขาผมห้ามมีแฟน (1)

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว