บทนำ
กลับจากเที่ยวผับเมื่อคืนนุนิซึ่งดื่มมาไม่น้อยก็นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง แม้เช้าแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นง่ายๆ
ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงของพิศมัยผู้เป็นแม่เคาะห้องเรียกแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม
"นุนิเอ้ย ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะ แม่จะออกไปข้างนอก ออกมาล็อคประตูบ้านด้วย"
ปกติแล้วเมื่อถูกเรียก หญิงสาวก็จะต้องดีดตัวลุกเพื่อไปปิดประตูหน้าบ้านไว้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมานอนต่อหรือทำอะไรต่อมิอะไรส่วนตัวภายในบ้าน
แต่วันนี้ร่างกายมันไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเต้นมาทั้งคืน ไม่ต่างอะไรกับวิ่งมาเป็นสิบกิโล แข้งขายกไม่ขึ้น มือไม้ไม่อยากหยิบจับอะไรนอกจากนอนยาวๆ ไปทั้งวัน
"เดี๋ยวนี้เที่ยวทุกวันกลับดึกกลับดื่น ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันเลย ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ"
เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวจะลุกมาง่ายๆ ก็อดบ่นไม่ได้ แต่เพราะความที่รีบ พิศมัยก็ได้แต่ปากบ่นพล่าม กับตัวเอง แต่ก็แอบคิดว่านุนิจะลุกตามมาเหมือนอย่างเคย
เมื่อคนในบ้านจะออกไปไหน หากใครยังอยู่จะต้องมาล็อคประตูไว้ เพราะเกรงว่าขโมยหรือคนไม่ดีจะถือโอกาสย่องเข้าบ้านทำมิดีมิร้ายได้ ถือว่าเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้ตัวเองระดับหนึ่ง
แต่วันนี้นุนิไม่ลุกตามมาอย่างที่พิศมัยคิด เธอรับรู้ว่าแค่แม่จะออกจากบ้าน เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งคนเป็นแม่ หญิงสาวก็นอนหลับต่อ เรื่องของประตูไม่ได้อยู่ในหัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว
วันนี้พิศมัยต้องแวะซื้อกับข้าวไปส่งสามีที่อู่ซ่อมรถแล้วก็มีนัดกับเพื่อนต่อ ธุระของเธอก็สำคัญไปหมด จนลืมหันหลังมาห่วงลูกสาวที่นอนอุตุติดเตียงไม่ยอมตื่น
พอโตขึ้นความห่วงใยก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป จากต้องคอยโอบอุ้มในวัยเด็ก โตแล้วก็ต้องสอนให้รูจักดูแลต้วเองในแบบคนโตแล้ว อยู่ในบ้าน ในห้องนอนก็ให้ล็อคบ้านล็อคประตู นี่คือสิ่งที่พิศมัยผู้เป็นแม่จะคอยจำจี้จ้ำไชตลอด
วันนี้ประตูหน้าบ้านถูกดึงปิดไว้เฉยๆ ไร้การล็อคจากข้างในตั้งแต่ก้าวแรกที่พิศมัยออกจากบ้านไป
>>>>>>> [[ [[>>>>>>