ประตูส่งเสียงออดแอดก่อนจะถูกเปิดออกมาช้า ๆ ร่างของเซียวซีถูกหามโดยคนสี่คน ดวงหน้าซีดเผือด ตาสองข้างปิดสนิทและมีรอยเลือดโชกกับด้ามมีดเงาวับสีดำปักอยู่ตรงอก ดูผิวเผินราวกับคนไร้วิญญาณ เฉิงอี้ขบกรามแน่น หันกลับไปหาพวกมันสองคนที่นั่งกองกันอยู่ เงามืดพาดผ่านใบหน้า ทำให้เขาดูไม่ต่างจากปิศาจร้าย
“ดูสิว่าพวกเจ้าทำอะไรลงไป” เขากระชากเสียง “กลับไปบอกองค์ชายว่าหากเซียวซีไม่รอด ข้าจะล้างบางให้หมด ไป!”
พวกมันทุลักทุเล พยายามหอบลากกันไปตามทาง แต่ก็เคลื่อนไหวกันอย่างเชื่องช้าจนแทบจะคลานไปกับพื้น เขารีบวิ่งไปหาเซียวซีตรงจุดที่นัดหมายกับเสี่ยวเอ้อเอาไว้ ไกลออกไปทางหลังโรงเตี๊ยมมีคอกม้าที่เต็มไปด้วยมัดฟางนิ่ม ๆ และอุ่น ทั้งยังช่วยบดบังสายตาสอดรู้สอดเห็น
“เป็นอย่างไรบ้าง” เขาคุกเข่าข้างร่างที่ยังซีดเซียวท่ามกลางแสงจันทร์ เผลอตัวจับมือเย็นเฉียบไว้ในมือตัวเอง ก่อนจะรีบปล่อยออกเมื่อหมอเดินตรงเข้ามาหา
“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ตายด้วยมีดเล่มขี้ปะติ๋วเท่านี้แน่”
เฉิงอี้ยกมุมปากคล้ายรอยยิ้ม ทั้งที่ในใจไม่รู้สึกถึงความตลกขบขันใด ๆ ไม่ว่าจะมีดเล่มใหญ่หรือเล็ก หากโดนจุดสำคัญก็ตายได้ทั้งนั้น
“ทำไมยังไม่ตามพวกมันไปอีก” เซียวซีถาม หน้าเบ้เมื่อหมอเริ่มทำความสะอาดรอบ ๆ บาดแผล ภายใต้แขนเสื้อยาวรุ่ยร่ายที่ซ่อนได้แม้แต่ตำราหนึ่งเล่ม เขาจึงแอบเอื้อมมือไปบีบมือของเฉิงอี้ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดจากบาดแผล
“ข้า…กำลังจะไป”
เซียวซีพยักหน้า เผยอยิ้มเล็กน้อย “ไปเถอะ”
นิ้วโป้งของเฉิงอี้เกลี่ยไล้หลังมือของคนเจ็บชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองมองหน้ากัน พอหมอร้องเตือนว่าขั้นตอนต่อไปจะเจ็บหนักกว่าเดิม เขาก็ผละออกแล้วลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฝากด้วยนะท่านหมอ ส่วนพวกเจ้าสองคน ข้าจะตกรางวัลอย่างงาม”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้ขอรับ พวกเราจะดูแลคุณชายให้”
***
การสะกดรอยตามชายสองคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกคนเอ็นขาด อีกคนก็โดนมัดมือไพล่หลังไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก เว้นก็แต่ว่ามีคนมาช่วยพวกมันไป รอยเลือดสุดท้ายไหลรวมกับรอยล้อรถม้าที่โดนกลบด้วยฝุ่นจนเกือบหมด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เฉิงอี้สิ้นไร้หนทาง เขาได้เตรียมแผนการพิสูจน์หาฆาตกรตัวจริงเอาไว้แล้ว อาการปางตายของเซียวซีเป็นฉากหนึ่งของการแสดง การที่เขาปล่อยพวกมันไปก็เช่นกัน เมื่อพวกมันกลับไปแจ้งข่าว เขาก็แค่ดูว่ามันมุ่งไปหาองค์ชายองค์ใดกันแน่
ม้าหนุ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางโดยอาศัยแสงจันทร์ที่เลิกหลบลี้หนีหน้า พระจันทร์กลมโตโผล่ออกมาสาดแสงกระจ่าง รอยล้อรถม้าจางหายไปอีกครั้ง เขากระโดดลงจากสัตว์พาหนะ หยุดฟังเสียงและได้ยินการเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้าไม่ไกล เขาจึงผูกม้าไว้กับต้นไม้แล้วออกเดิน
ไม่ใช่ตำหนักของผู้ใดเลย รอบด้านเป็นเพียงตรอกเล็ก ๆ มีบ้านหลังคาเอียงกระเท่เร่ประปราย เสียงโอดโอยดังแผ่วมา ตามลม เขารู้ว่าพวกมันอยู่ไม่ไกล ความโกรธแค้นเมื่อต้องทนเห็นเซียวซีเจ็บปวดโหมกระพือขึ้นมาอีกหน แต่เขายังต้องรอเวลา
“ดูสภาพของพวกเจ้าสิ ช่างน่าสมเพชนัก แบบนี้จะได้เรื่องรึ”
เฉิงอี้คุ้นเคยกับน้ำเสียงเช่นนี้ เขาหยุดอยู่ข้างบ้านหลังหนึ่ง แม้มองไม่เห็นใบหน้าของคนพูด แต่เพียงแผ่นหลังก็พอจะเดาได้
“องค์ชาย กระหม่อมเห็นกับตาว่าพวกมันหามองค์ชายเซียวซีออกมา มีดยังปักคาหกอยู่เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใบหน้าของเขาซีดขาว สงบนิ่งราวกับคนตาย อย่างไรก็มีชีวิตไม่พ้นวันพรุ่ง”
“แน่ใจหรือ”
“แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี พวกเจ้าจะได้รางวัลจนอยู่สบายไปอีกสามชั่วโคตร”
ร่างนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง มีชายอีกคนก้าวออกมารับคำสั่ง คราวนี้เฉิงอี้ได้เห็นใบหน้าของเจ้าหมารับใช้เต็มสองตา ความคั่งแค้นของเขาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เขาขบกรามจนกระดูกแทบแตก ระหว่างมองชายหลายคนพากันหามคนเจ็บออกไป จากนั้นผู้ถูกเรียกว่าองค์ชายก็รีบขึ้นรถม้า ดึงม่านปิดและจากไปด้วยใจลำพองว่าตัวเองกำจัดเสี้ยนหนามไปได้อีกราย
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว