บทที่ 30 กลับบ้านเก่าตระกูลฉิน
ฉินอี้หานเลิกงานก่อนเวลาสองชั่วโมง ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างพากันตกตะลึง
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มวันนี้ ไม่ว่าใครก็ระงับไฟแห่งการนินทาไม่ได้
“หรือว่าข่าวลือก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง ประธานฉินรับเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงจริงเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน!”
“ต้องมีภาพถึงจะถือว่าเป็นเรื่องจริง ใครมีบ้าง?”
“เหอะ! อยากโดนไล่ออกหรือไง ใครจะกล้าแอบถ่ายประธานฉินกับคุณหนูฉิน”
…
คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่ออยู่เลย
แต่เมื่อข่าวลือเริ่มแพร่กระจายอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแวดวงชนชั้นสูง ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทก็เริ่มเชื่อตามนั้น
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้ยินข่าวลือครั้งแรก แต่พวกเขาไม่เห็นประธานฉินพาคุณหนูคนนั้นมาเล่นที่บริษัทเลย คนทั้งหมดจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก
คิดว่าข่าวไร้สาระนี้จะหายไปในไม่ช้า ไม่คิดเลยว่ามันจะแพร่กระจายมาจนถึงตอนนี้
น่าสนใจจริง ๆ
“นี่… เขาว่าพูดไม่ได้ สติปัญญามีปัญหาด้วย เอะอะก็ทุบตีคนอื่น ได้แต่ร้องไห้งอแง”
“ฉันสงสัยว่าข่าวนี้เป็นเรื่องโกหกนะ! ถ้าประธานฉินคิดจะเลี้ยงเด็กไว้เป็นทายาทผู้สืบทอด อย่างแรกคือต้องไม่ใช่เด็กผู้หญิง ไม่มีทางที่จะพูดไม่ได้ และไม่มีทางเป็นเด็กปัญญาอ่อน”
“ใช่!”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!”
“แต่คนอื่นเขาพูดกันเป็นตุเป็นตะเลยนะ!”
“เหอะ! ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี ต้องมีภาพมาพิสูจน์ความจริงก่อน!”
…
ไม่เพียงแต่พนักงานในฉินกรุ๊ปที่ทำการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา กลุ่มชนชั้นสูงในแวดวงก็กำลังคาดเดาเช่นกัน
พวกเขาคิดว่าข่าวไม่น่าเชื่อถือ
ถ้ารับเลี้ยงเด็กสักคนจริง ๆ จะไม่มีรูปเลยเหรอ?
รูปที่เธอกินเยอะ รูปที่เธอพูดไม่ได้ หรือรูปที่เธอปัญญาอ่อน?
ใครเชื่อก็โง่แล้วมั้ง?
…
ห้าโมงเย็น ฉินอี้หานพาเยี่ยนลี่เฉิงกับอิงอิงน้อยมาถึงบ้านเก่าตระกูลฉิน
คุณนายตระกูลฉินรออย่างร้อนใจตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องพาลูกสะใภ้สองคนไปทำอาหารเย็น เธอคงไปยืนรอรับที่หน้าประตูด้วยตนเอง
หลานสาวคนเล็กของเธอเชียวนะ
คุณย่าฉินได้แต่หวังว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง!
ระหว่างทางมาที่นี่ ฉินอี้หานทำการบ้านกับอิงอิงน้อยและพูดคุยเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่นี้ด้วย
สมองของฉินอิงอิงทำงานได้เร็วมาก “พ่อคะ แค่เรียกตามพี่ลี่เฉิงก็พอแล้วใช่ไหม?”
ฉินอี้หานอดขำไม่ได้ “ใช่!”
ถึงเขาจะไม่ได้รับเลี้ยงลี่เฉิง แต่ที่จริงเขาก็เลี้ยงดูลี่เฉิงเหมือนลูกคนหนึ่ง
ที่บ้านเก่าตระกูลฉิน ลี่เฉิงกับลูกอีกสองสามคนของพี่ชายคนโตและคนรองมีศักดิ์เป็นหลานเหมือนกันจึงเรียก ปู่ ย่า ลุง อา ตามศักดิ์
ตอนแรกเริ่มที่คุณปู่ของเยี่ยนลี่เฉิงยังมีชีวิตอยู่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายใหญ่ตระกูลฉินมาก ๆ คุณปู่ฉินจึงดีกับหลานชายคนโตอย่างลี่เฉิงเป็นพิเศษ เด็กชายจึงเรียกนายใหญ่และคุณนายตระกูลฉินว่า ปู่ฉิน ย่าฉิน
เยี่ยนลี่เฉิงเตือนอิงอิงน้อย “พี่จะเรียกพวกท่านว่าปู่ฉินกับย่าฉิน อิงอิงน้อยเรียกว่าปู่กับย่าก็พอแล้ว”
ฉินอิงอิงยิ้มตาหยีและพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่มาถึง เดิมทีฉินอี้หานคิดจะอุ้มอิงอิงน้อยลงจากรถ แต่เจ้าตัวเล็กเห็นพี่ลี่เฉิงเดินไปเอง เธอเลยตัดสินใจเดินเองบ้าง
การตัดสินใจนี้ทำให้ฉินอี้หานเดินอยู่ข้างหน้า โดยมีอิงอิงน้อยเดินตามอยู่ข้างหลัง ร่างสูงใหญ่ของคุณพ่อจอมซื่อบื้อบังเจ้าตัวเล็กจนมิด
ทายาทตระกูลฉินอยู่ทางนี้สี่คน เด็กที่ยังเล็กอยู่ทั้งสามคนออกไปเล่นเพราะทนนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้
ส่วนเด็กผู้ชายสี่คนรออยู่ในห้องรับแขกนานแล้ว เมื่อเห็นอาเล็กกับเยี่ยนลี่เฉิง พวกเขาก็รีบร้องตะโกน
"อาเล็ก! ลี่เฉิง!"
เด็กชายวัยกำลังโตพูดจบก็รีบร้อนมองมาอีกรอบ แต่กลับไม่เห็นคนที่คาดหวังว่าจะได้เจอ
ในหมู่ลูกหลาน ฉินเฉิงเจ๋อ กับ ฉินเฉิงไห่ อายุมากที่สุด ปีนี้พวกเขาอายุสิบห้าปี และยังมีฉินเฉิงเฟิงวัยเก้าขวบด้วยอีกคน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกของพี่ชายคนโต
ฉินเฉิงหลีกับฉินเฉิงอวี้เป็นแฝดกัน ปีนี้พวกเขาอายุสิบสี่ขวบ ฉินเฉิงฮ่าวกับฉินเฉิงหนิงก็เป็นแฝดกัน ปีนี้อายุเจ็ดขวบ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกของพี่ชายคนรอง
ฉินเฉิงเจ๋อพูดออกมาก่อน “อาเล็ก น้องสาวล่ะครับ?”
ฉินเฉิงเจ๋อเพิ่งพูดจบก็เห็นหัวเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากด้านหลังของคนที่ตนเองเรียกว่าอาเล็ก
ผมเธอหนามาก แถมยังน่าจะนุ่มและฟูมากเลยด้วย นั่นชวนให้ใครต่อใครต่างก็อยากลูบหัว
ตามมาด้วยตาโตสีดำขลับ มันวาววับจนดูเหมือนเต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสวอยู่ในลูกแก้วคู่นั้น
ฉินอิงอิงสบตากับพี่ชายคนโตทั้งสอง
เอ๊ะ!
ไม่สิ!
ทั้งสี่…
แต่ทำไมมีสองคน สองคู่ที่ดูเหมือนกันมากเลย
ฉินอิงอิงเริ่มงงแล้ว
เธอนอนไม่พอก็เลยเห็นภาพซ้อนเหรอ?
ฉินอิงอิงขยี้ตากลมโตและมองอีกครั้ง
เอ๋!
ก็ยังเห็นภาพซ้อนอยู่ดี
แวบแรกฉินอิงอิงไม่ได้คิดถึงเรื่องฝาแฝด พี่ชายฝาแฝดทั้งสี่กับน้องสาว ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมา
"แง แงงง!"
ฉินอิงอิงตกใจจนลืมว่าต้องพูดยังไง
ฉินอี้ซิงกับฉินอี้เฉินที่เพิ่งออกมาจากห้องรับแขกพอดีได้ยินเสียงของเด็กที่นุ่มนวลเล็กแหลม
ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยน
แต่ที่เขาลือกันไม่ได้ผิดเพี้ยน เหมือนว่าเธอจะ… พูดไม่ได้จริง ๆ
ทั้งสองคนเดินมา เนื่องจากปัญหาเรื่องความสูงกับวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ทั้งคู่จึงไม่เห็นเด็กน้อยตัวกลมนุบนิบ และเอ่ยทักทายน้องชายก่อน
“กลับมาแล้วเหรอ”
ฉินอี้หานพยักหน้า เยี่ยนลี่เฉิงเลยกล่าวทักทายตาม
“สวัสดีครับลุงใหญ่ ลุงรอง”
ฉินอี้ซิงกับฉินอี้เฉินยิ้มและพยักหน้า “เหมือนว่าลี่เฉิงจะโตขึ้นเยอะเลยนะ”
เสียงเล็กแหลมของเด็กดังขึ้นมาจากด้านล่าง
“ลุงใหญ่สวัสดีค่ะ ลุงรองสวัสดีค่ะ”
ฉินอี้ซิงชะงัก “...”
ฉินอี้เฉินเองก็ไม่ต่างกัน “...”
ทั้งสองคนก้มหน้าพร้อมกัน ตอนนี้ถึงได้เห็นเด็กน้อยที่กำลังก้าวออกมาจากด้านหลังน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ฉินอี้เฉินตกใจ “ข่าวบอกว่าเธอพูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินอี้ซิงก็สับสน “เมื่อกี้ยังร้องงอแงอยู่เลย”
เมื่อพูดจบแล้วถึงรู้สึกว่าไม่ควรพูดออกมาแบบนี้ เขารีบร้อนอธิบาย
“เอ่อ… เราไม่ได้มีความหมายอื่นนะ ก็แค่…”
ฉินอิงอิงตอบด้วยเสียงเล็กแหลม “ตอนแรกอิงอิงพูดไม่ได้ค่ะ พ่อกับพี่ลี่เฉิงสอน”
ฉินอี้ซิงถาม “เธอเรียนมานานแค่ไหนแล้ว?”
ฉินอิงอิงเอียงคอคิด ยื่นมือหนั่นแน่นออกมา เดิมทีมีอยู่ห้านิ้ว เธอรู้สึกว่าใช้เวลาไม่ถึงห้าวัน ดังนั้นเธอจึงพับนิ้วเล็กอ้วนลงไปหนึ่งจนเหลือสี่นิ้ว
แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ที่จริงเธอฟังรู้เรื่องทุกอย่าง แค่ปรับตัวไม่ได้ก็เท่านั้น
ดังนั้นเจ้าตัวเล็กจึงเก็บนิ้วโป้งอวบอ้วนลงไปหนึ่งนิ้วและยืดหลังตรง
“สามวันค่ะ!”
ที่จริงไม่ถึงสามวันเลยด้วยซ้ำมั้ง?
แต่ทุกคนเพิ่งได้เจอหน้ากัน จะทำตัวอวดเก่งแบบนั้นตั้งแต่แรกเริ่มก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉินอิงอิงก็เลยตัดสินใจถ่อมตัวนิดหน่อย
ฉินอี้ซิงตกตะลึง ฉินอี้เฉินก็ตกใจมากเหมือนกัน
“อี้หาน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เสียงที่โกรธจัดและทุ้มต่ำของนายใหญ่ตระกูลฉินดังไปทั่วห้องรับแขกโดยไม่รอให้ฉินอี้หานพูด
“ยืนอยู่หน้าประตูกันทำไม?”
บรรดาคนที่ยืนอออยู่รีบร้อนตอบรับ “จะเข้าไปแล้วครับ ๆ”
เด็กตระกูลฉินทั้งสี่คนพากันเดินตามพ่อของตัวเองไป ฉินอิงอิงถูกเยี่ยนลี่เฉิงจูงให้เดินตามฉินอี้หาน
ฉินอี้หานพาเธอกับเยี่ยนลี่เฉิงเดินไปตรงหน้านายใหญ่ตระกูลฉิน
เยี่ยนลี่เฉิงทักทาย “สวัสดีครับปู่ฉิน” เป็นอันดับแรก จากนั้นฉินอี้หานก็แนะนำอิงอิงให้คุณปู่รู้จัก
“พ่อครับ นี่คืออิงอิงน้อย ปีนี้เธออายุสามขวบครึ่งแล้ว”
พูดจบ เขาก็มองลูกสาว “อิงอิงน้อย นี่คือพ่อของพ่อ ลูกเรียกคุณปู่สิ”
นายใหญ่ตระกูลฉินเป็นคนเคร่งขรึมมาโดยตลอด เขามักทำหน้านิ่ง แม้แต่สองพี่น้องอย่างฉินอี้ซิงกับฉินอี้เฉิน ถ้าคุณท่านทำหน้าตาซีเรียส พวกเขาก็อดจะกลัวอยู่บ้างไม่ได้
เด็กผู้ชายในตระกูลฉินเติบโตมาด้วยความเข้มงวดจนถึงรุ่นหลาน แม้ว่านายใหญ่ตระกูลฉินจะไม่ได้ลงไม้ลงมือ แต่แค่เขาทำหน้านิ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ใครบางคนร้องไห้ได้แล้ว
ชายชราตระกูลฉินมองเจ้าตัวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว