“ใช่สิ ข้าเองก็ต้องทนรับความกดดันไม่แพ้เจ้า และการเป็นอ๋องก็กลับกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ข้าทำอะไรไม่สะดวกในหลาย ๆ เรื่อง” ขณะที่พูดนั้น ดวงตาของเฉิงอี้ส่องประกายยิ่งกว่าเวลาปกติ คลื่นไหวระริกแทนความรู้สึกขมขื่น เขาสื่อความหมายทางคำพูดให้กับเซียวซีอย่างตรงไปตรงมาแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก
“ใช่ ก็จริง การที่เราอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ ทำให้เราไม่กล้าผิดกฎสวรรค์” เซียวซีกำลังทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ดำเนินอยู่ สิ่งที่ไม่มีใครเปล่งวาจาออกมาอย่างชัดเจน หากแต่ก็รับรู้ได้แจ่มแจ้งในหัวใจ “แต่ช่างเถอะ วันนี้มามีความสุขกันดีกว่า”
ชายหนุ่มปรบมือเข้าหากัน ลากเขาเข้าไปดูการแสดงกลางตลาด เบียดตัวผ่านผู้คนที่ต่างฮือฮามองการแสดงตรงหน้าด้วยความทึ่ง
นักไต่เชือกเท้าเปล่าแสดงความพลิ้วไหวร่ายรำอยู่บนเชือกเส้นเดียวโดยปราศจากสิ่งเหนี่ยวรั้ง เซียวซีชอบใจปรบมือชื่นชม เมื่อการแสดงจบลงก็หย่อนเงินลงกล่องเสียมากมาย
“หิวหรือยัง” เขาถามเมื่อเดินแหวกฝูงชนออกมาได้แล้ว
“หิวแล้ว”
“งั้นไปโรงเตี๊ยมกันเถอะ”
“ข้าจะกินให้หนำใจเลย” เซียวซีพูดอย่างร่าเริง
ทั้งสองวนหาโรงเตี๊ยมอยู่ครู่หนึ่งก็เจอกับร้านที่ถูกใจ รีบเข้าไปสั่งอาหารชุดใหญ่ตามปากว่า แม้จะเป็นอาหารธรรมดาหากินได้โดยง่าย จำพวกซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่ ฉางเฝิ่นและบะหมี่กับเป็ดย่าง แต่ด้วยบรรยากาศอันคึกคักของผู้คนมากหน้าหลายตาและเสียงสรวลเสเฮฮาก็กระตุ้นการกินได้มากทีเดียว
หลังกินเสร็จ ทั้งสองดื่มสุราเล็กน้อย ต่อด้วยชาสมุนไพรร้อนควันกรุ่น แล้วไปยืนมุงดูการดวลหมากล้อมของเหล่าชายฉกรรจ์ที่เพิ่งได้พักจากการงานอันหนักหน่วง เซียวซีคะยั้นคะยอให้เขาลงเล่นท้าพนันหนึ่งตา เพราะทั้งสองโดนสบประมาทจากคำเรียกว่าคุณชายหน้าหยก แล้วเจ้าตัวก็เกิดยอมไม่ได้ขึ้นมา
“นี่ เสียเวลาเปล่าน่า เจ้าพวกนี้ก็แค่ขี้เมา” เขากระซิบ ทำท่าจะเดินหนี
“ไม่ได้ ๆ เราจะยอมให้คนอื่นมาปรามาสว่ามีดีแค่รูปงามดั่งหยกได้อย่างไรกัน” เซียวซีรั้งแขนเขาเอาไว้แน่น
“เจ้าคนเดียวสิไม่ว่า” มองจากเครื่องหน้าแล้ว คิ้วโก่ง ปลายจมูกเชิดรั้นและริมฝีปากของเซียวซีก็เปรียบได้กับรูปสลักจากหยกชิ้นงาม แต่เขานั้นเป็นตรงกันข้าม คิ้วกระบี่เข้มเป็นปื้นกับปากหยักนั้นไม่มีทางที่จะดูอ่อนโยนบอบบางไปได้
“พวกเขาหมายถึงชายท่าทางสำอาง เหลาะแหละไม่เอาไหน ซึ่งก็คือพวกเราสองคนนั่นแหละน่า”
“เราไม่ได้เหลาะแหละ ใครจะมองเช่นไรก็ช่างปะไร”
“ท่านต้องแข่ง ไม่เช่นนั้น…” เซียวซีทำเสียงแข็ง สองมือยกกอดอก “ข้าจะเปิดเผยตัวตนให้ทุกคนแตกตื่นเสียเดี๋ยวนี้”
“เจ้านี่มัน!” เขากระชากเสียง ยกมือชี้หน้าแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนบ้าบิ่นแบบเซียวซีได้ทำตามที่พูดแน่
“เอ้า เจ้าหน้าหยก จะแข่งหรือไม่แข่ง ถ้ากลัวแพ้ก็กลับจวนไปหาท่านพ่อของเจ้าซะเถอะไป๊” เสียงชายตัวโตตะโกนดังสนั่น พร้อมกับทุบโต๊ะจนเหล้ากระฉอก
“ข้าก็นึกว่าเป็นคุณชายจะนั่งเล่นหมาก วาดรูปไปวัน ๆ ไฉนจึงกลัวจะดวลหมากกับคนแบบพวกเรา” สหายในกลุ่มเดียวกันเอ่ยสมทบ
“นั่นซี่ หรือพวกเรามันต่ำต้อยเกินกว่าที่เจ้าจะแข่งด้วย”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกพี่ชาย เราแค่ตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะลงแข่งดี เพราะกลัวว่าจะแพ้พี่ชายต่างหาก” เซียวซีพูดอย่างอ่อนน้อม
“ฮ่า ๆ อย่างนั้นเรอะ เจ้านี่มันช่างพูดช่างจานะไอ้น้องชาย เอาเถอะ ถึงเจ้าจะแพ้ พวกข้าก็ไม่เอาเรื่องหรอกน่า”
“เช่นนั้นให้สหายข้าเป็นคนแข่งก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็ผลักเฉิงอี้ออกไปยืนข้างหน้าเต็มแรง
“เออ คนนี้หน่วยก้านดี มา มาลองกันสักตั้ง ใครแพ้ได้เลี้ยงเหล้าคนทั้งโรงเตี๊ยม รับคำท้าหรือไม่”
“เรารับคำท้า”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว