ยอดหทัยพยัคฆ์ผู้กลายมาเป็นมังกร-มั่วโฉ่ว 2

โดย  pusshunkayan

ยอดหทัยพยัคฆ์ผู้กลายมาเป็นมังกร

มั่วโฉ่ว 2

พอมาถึงคอกม้า จี้เส้าชางก็บอกเด็กเลี้ยงม้าว่า “เจ้าขี่ม้าแคระตามข้าไปเที่ยวรอบหมู่บ้านด้วยกันเถิด”

“อ่า คุณหนู ไยเป็นข้าน้อยเล่า จะดีหรือขอรับ”

“ถ้าข้าบอกว่าดี ก็ย่อมดี”

เด็กเลี้ยงม้าวัยเยาว์ดูดีใจเป็นอันมาก เพราะนานทีปีหนจะได้ออกจากจวนนายอำเภอสักครั้ง แถมครั้งนี้ยังได้มีโอกาสไปเที่ยวชมรอบหมู่บ้านกับคุณหนูอีก นับได้ว่าเป็นวาสนา

เพราะคนติดตามคุณหนูในหอห้อง จำเป็นต้องเป็นสาวใช้ไม่ก็องครักษ์ส่วนตัว แต่เพราะนายอำเภอจี้หวงยากจน ไม่มีเงินจ้างองครักษ์ส่วนตัว ส่วนพวกมือปราบก็เป็นคนของเจ้าเมือง จึงมิอาจเรียกใช้ได้

เด็กเลี้ยงม้าผู้นี้จึงคิดในใจว่าตนจะคอยดูแลคุณหนูมิให้ขาดตกบกพร่องทีเดียว ยิ่งคุณหนูจี้เส้าชางชมเขาว่าเขาดูแลม้าของนางดียิ่ง เขายิ่งมีขวัญกำลังใจและรู้สึกชื่นชมในตัวคุณหนูจี้เส้าชางที่มีจิตใจเมตตาโอบอ้อมอารี

ทุกวันขึ้นปีใหม่...แม้นายอำเภอจี้จะยากจน แต่คุณหนูจี้เส้าชางก็ยังสามารถหาเบี้ยหวัดนิดๆหน่อยๆมามอบให้บ่าวไพร่ในจวนเป็นของขวัญวันปีใหม่ บ่าวไพร่จึงล้วนซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหนูจี้เส้าชางยิ่งนัก

พอออกจากจวน อาชาสีขาวสะอ้านของจี้เส้าชางก็พานายของมันโลดแล่นไปไกลจนม้าแคระของเด็กเลี้ยงม้าวิ่งตามไม่ทัน

ในใจของจี้เส้าชางยามนี้มีเพียงความคิดที่ว่า “ข้าจะต้องเป็นสตรีขาเป๋...เพื่อไม่ต้องถูกส่งตัวไปคัดเลือกให้จงได้!!!”

นางคิดต่อว่า “ในเมื่อความงามคือยาพิษ เช่นนั้นอยู่เป็นโสดจนตัวตายอาจมีความสุขสงบที่สุดในชีวิต!”

พลัน...

จี้เส้าชางก็ปล่อยบังเหียนแล้วเหวี่ยงตัวลงมาจากหลังม้า!

แต่ทว่า...

หมับ!

ร่างของจี้เส้าชางถูกคนผู้หนึ่งโอบอุ้มลอยขึ้นไปยืนบนยอดไผ่สูง นางหันขวับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนผู้นั้น ด้วยความตื่นตระหนกคาดไม่ถึง

พบว่าเป็นบุรุษผู้มีรูปโฉมงดงามจับตาหาใดเปรียบ หากพูดกันว่าบุรุษผู้นี้งามเป็นอันดับสองย่อมไม่มีใครงามล้ำเหนือเขาเป็นอันดับหนึ่งได้!

“ไยจึงคิดสั้น?” เสียงทุ้มนุ่มติดแววอ่อนโยนถามไถ่มากกว่าจะสอบปากคำเค้นราวกับนางเป็นนักโทษ

จี้เส้าชางไม่ตอบ เพียงบอกว่า “หากท่านเป็นวิญญูชน ปล่อยข้าน้อยลงพื้นเถิด”

“ยืนชมความงดงามของต้าจ้าวด้วยกันสักพักเถิด!” บุรุษแปลกหน้ายังคงพูดจาหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงละมุน

พลัน...ข้างล่างก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาว่า

“เจ้าโจรถ่อย ปล่อยคุณหนูของข้าลงมานะ!”

เป็นเสียงของเด็กเลี้ยงม้านั่นเอง ซึ่งยามนี้เขากำลังยืนถือก้อนหินก้อนเขื่องอยู่ในมือ ดูท่าหากไม่ติดว่าจี้เส้าชางยืนเคียงข้างบุรุษผู้นี้อยู่บนยอดไผ่ เด็กเลี้ยงม้าคงเขวี้ยงก้อนหินใส่บุรุษแปลกหน้าผู้นี้ให้ตกจากยอดไผ่ไปแล้ว

บุรุษแปลกหน้ายิ้มขัน ก่อนเย้าเด็กเลี้ยงม้าว่า “เจ้าคิดว่าหินก้อนนั้นจะทำอันตรายข้าได้หรือ แต่เอาเถิด เห็นแก่ความจงรักภักดีที่เจ้ามีต่อนายของเจ้า กลับจวนนายอำเภอ ข้าจะตกรางวัลเจ้าอย่างงาม!”

ทั้งเด็กเลี้ยงม้าและจี้เส้าชางอึ้งงันไปครู่ใหญ่เมื่อตระหนักว่าบุรุษผู้นี้พำนักอยู่ที่จวนนายอำเภอ ว่าแต่เขาเป็นผู้ใดกันเล่า!

จี้เส้าชางก้มลงมองเด็กเลี้ยงม้า พบว่าตนยืนอยู่บนที่สูงลิบลิ่ว ทำให้เกิดอาการตื่นกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว แข้งขาของนางเริ่มสั่น จนต้องเกาะกอดเอวสอบของบุรุษชุดดำที่อวลกลิ่นหอมของอำพันทะเลแน่นขึ้นไปอีก

บุรุษแปลกหน้าก้มลงมองดรุณีนางในอ้อมแขนยิ้มๆ ก่อนจะรัดเอวบางแน่นขึ้นอีกครั้งแล้วพากันเหินทะยานลงมายืนบนพื้น ใกล้กับจุดที่เด็กเลี้ยงม้ายืนอยู่

เด็กเลี้ยงม้ารีบวิ่งเข้าไปเงื้อกำปั้นใส่บุรุษผู้นั้นแต่ถูกอีกฝ่ายจับกำปั้นเล็กๆเอาไว้ได้ทัน ก่อนชายสวมอาภรณ์สีดำทำจากผ้าต่วนราคาแพงจะบิดแขนเขาไพล่หลัง ทำให้เด็กเลี้ยงม้าร้องโอดครวญ

“ท่านผู้กล้า...ปล่อยเขา!” จี้เส้าชางร้องบอกอย่างตื่นตระหนก

บุรุษแปลกหน้าจึงปล่อยแขนข้างนั้นของเด็กเลี้ยงม้า แล้วผลักเด็กเลี้ยงม้าล้มลงนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ก่อนจะตำหนิเสียงเยียบเย็นว่า

“ข้าช่วยคุณหนูของเจ้า ไยยังคิดทำร้ายข้าอีก หรือไม่อยากได้รางวัลแล้ว?”

เด็กเลี้ยงม้าขึ้นเสียงโต้กลับว่า “ถึงท่านจะคิดช่วยคุณหนูของข้าน้อย แต่ก็ไม่สมควรแตะเนื้อต้องตัวกันไปมากกว่านี้ หากมีชาวบ้านล่วงรู้ คุณหนูของข้าจะขายออกได้อย่างไร!?”

จี้เส้าชางหน้าแดงก่ำ เด็กเลี้ยงม้าขาดการอบรมมารยาทเพราะเป็นบ่าวชั้นต่ำทำงานพื้นๆทั่วไป จึงพูดจาตรงไปตรงมาราวกับไม้บรรทัดเหล็ก มิได้ตระหนักว่าวาจาใดควรพูดวาจาใดมิควรพูด

“เช่นนั้น...เจ้าก็ขี่ม้าแคระป่าวร้องให้ทั่วทั้งหมู่บ้าน ว่าอ๋องหลิงจ้านเต็มใจรับคุณหนูจี้เส้าชางเป็นพระชายาเอก หากเจ้าไม่ยินยอมทำตาม...ข้าจะเล่นงานเจ้าที่ไม่สามารถช่วยคุณหนูของเจ้าที่กำลังจะตกจากหลังม้าได้ต่อหน้าท่านนายอำเภอ!”

จี้เส้าชางกับเด็กเลี้ยงม้ามองบุรุษชุดดำตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน คิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้แท้จริงคืออ๋องหลิงจ้านที่เพิ่งปราบชนเผ่าซยงหนูจนได้รับชัยชนะเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

“ไยยังรอช้าอยู่!” เป็นครั้งแรกที่จี้เส้าชางเห็นอ๋องหลิงจ้านที่พูดจานุ่มนวลกับตนพูดขึ้นเสียงแข็งค่อนข้างกระด้างกับผู้อื่น

เด็กเลี้ยงม้ากระวีกระวาดลุกขึ้นจากพื้น แล้วรีบกระโดดขึ้นคร่อมหลังม้าแคระควบขี่ตรงกลับเข้าไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็วทันใจท่านอ๋องหลิงจ้านยิ่งนัก

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว