ไม่อาจเอื้อม มีebook

ตอนที่ 8 นายไม่คิดเหรอว่าฉันเองก็เหนื่อยเหมือนกัน?!

อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง แยกเขี้ยวพร้อมแผ่กลิ่นอายดุร้ายมหาศาลออกมา มวลน้ำโดยรอบสั่นไหวเป็นระลอกคลื่น ทำเอาอสรพิษทะเลตนอื่น ๆ เผยท่าทีกริ่งเกรง... แม้แต่จ้าวอสรพิษทะเล หรือราชินีอสรพิษทะเล ยังหรี่ตาแคบมองตรงมายังทายาทตนปัจจุบันผู้นี้

“เหลวไหล!! เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ผู้นี้พยายามโป้ปดเพื่อเอาตัวรอด ข้าไม่เชื่อว่าท่านผู้นั้นจะติดต่อเข้ามาจริง ๆ หลังจากที่มิได้ติดต่อพวกเรามาร่วม 50 ปีแล้ว!!” เสียงที่แผดดังเป็นระลอกนั้น หากเป็นบนแผ่นดินใหญ่ว่าน่ากลัวแล้ว แต่เมื่อเป็นโลกใต้ทะเลคลื่นเสียงที่กังวาน สามารถสร้างคลื่นกระแทกโจมตีที่ทำให้ผู้ฟังที่อ่อนแอบาดเจ็บได้

ซุน ถึงกับอึดอัดคับปอดจากคลื่นที่จงใจตกกระทบมายังตน หากเป็น ซุน ก่อนที่จะบรรลุชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นกลาง ก็คงอาจถึงตายได้เลยในการกระแทกนี้... คลื่นเสียงเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจเล่นงาน ดังนั้นจึงส่งผลให้ปลุกโทสะของ ซุน ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...

ดวงตาของ ซุน ที่เพ่งมองไป แผ่กลิ่นสาปของนักล่าบนแผ่นดินที่เข้มข้น พยัคฆ์อย่างไรก็คือพยัคฆ์ ต่อให้ขึ้นฟ้าหรือลงน้ำก็มิอาจลบภาพของพยัคฆ์... “ก็ถ้าหากเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้า คิดว่ากล้าเสี่ยงเดิมพันด้วยชีวิต ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อถือคำพูดข้า... อย่างมากตัวข้าก็แค่สู้จนตัวตาย ตั้งแต่ถูกจับตัวมาที่นี่ ข้าก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว!!”

เสียงของ ซุน ได้สร้างกระแสคลื่นขับขานออกไปพร้อมกับปราณวารีที่รีดเค้นออกมา ส่งผลให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกพวยพุ่งตรงไปยัง อสรพิษทะเลเกล็ดมรกตเพลิง จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงเรือนกายที่สะท้านสะเทือน ถือเป็นการสวนกลับด้วยวิธีการเดียวกันอย่างไม่มีความกริ่งเกรง...

“เจ้า!!” ดวงตาของทายาทที่มากบารมี แดงก่ำไปด้วยโทสะ...

“พอแล้ว!!” จ้าวอสรพิษทะเล กระแทกเสียงเช่นกัน พร้อมถลึงตามองไปยังทายาทของตน... “เกล็ดมรกตเพลิง... เจ้ากล้าดียังไงมาออกความเห็นแทนที่ข้า?! ทั้งยังกล้าเอาชีวิตของอสรพิษทะเลในเผ่าของเราไปเสี่ยงกับความพินาศสิ้น ทั้งที่เจ้ายังไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวอสรพิษทะเลแทนที่ข้าเลยเนี่ยนะ?! หรือจะต้องให้ข้า พิจารณาเรื่องการเป็นทายาทของเจ้าใหม่อีกครั้ง!!”

ใบหน้าของ อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง หดแคบลงทัน กระทั่งศีรษะยังมิกล้ายกสูง...
“ขออภัยท่านพ่อ... ลูกแค่เพียงไม่อยากเชื่อถือในคำพูดของมนุษย์เท่านั้น มิได้มีเจตนาทำให้เผ่าพันธุ์ของเราพินาศสิ้น”

ซุน สวมกอดอกเชิดหน้าน้อย ๆ มองตรงไปยังอีกฝ่ายด้วยความดูแคลน... ทำเอาอสรพิษเกล็ดมรกตเพลิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างถึงที่สุด เมื่อเห็นสายตาเช่นนั้นของมนุษย์ตรงหน้า แต่ก็ทำได้เพียงเก็บกลั่นสะกดอารมณ์เอาไว้...

ต่อให้ จ้าวอสรพิษทะเล ในปัจจุบันจะสูญเสียความห้าวหาญ มีนิสัยขี้ขลาดหวาดกลัวจนดูไร้ซึ่งบารมี แต่อย่างไรเสียก็ไม่อาจดูแคลนความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรชนชั้นลมปราณสีส้มเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ตนนี้ได้...

“เรื่องที่จะให้พาเจ้าขึ้นไปด้านบนนั้นมินับว่าเป็นปัญหา ด้วยเกียรติแห่งจ้าวอสรพิษทะเล ขอเพียงข้าได้รับเนตรแห่งจ้าวอสรพิษกลับคืนมา และทราบว่าท่านผู้นั้นติดต่อมาว่าอย่างไร ข้าสัญญาว่าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระอย่างปลอดภัย...” จ้าวอสรพิษทะเล กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย! จะเอาของไปจากข้า แลกกับการปล่อยข้าไปเนี่ยนะ?! มันจะไม่ทำข้าขาดทุนเกินไปหน่อยหรือ ไหนจะเรื่องที่เจ้าโง่ตัวนั่นพยายามจะข่มขู่ข้าเสียอีก... ท่านจ้าวอสรพิษทะเล ดูเหมือนว่าท่านกำลังจะประเมินสถานการณ์ครั้งนี้ผิดไปถนัดเลย...

สิ่งที่ท่านกำลังต่อรองอยู่ หาใช่เพียงเพื่อแลกกับชีวิตและอิสระของข้า... ตรงกันข้ามเลย!! ท่านกำลังต่อรองเพื่อแลกชีวิตและการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ท่านต่างหาก!! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกท่านจะสามารถรองรับโทสะของท่านผู้นั้นได้ หากไม่สามารถตอบสนองความต้องการอย่างถูกต้อง...” ซุน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มขู่กดดัน

ทำเอาเผ่าอสรพิษทะเลระดับสูงโดยรอบ ใบหน้าด้านชาไปตาม ๆ กัน ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงหรือขยับร่างกาย กระทั่งตัวของจ้าวอสรพิษทะเลก็ยังอดไม่ได้ที่จะสะท้านสะเทือนในวาจาที่ฉะฉานดังกล่าว... อดไม่ได้ที่จะไปถลึงตาใส่ อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ที่ทำให้อีกฝ่ายใช้เหตุผลนั้นมากดดันต่อรองมากยิ่งขึ้น...

ความจริงใช่ว่าจ้าวอสรพิษทะเลนั้นจะโง่เขลา ยอมมองออกว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ และเห็นได้ชัดว่ามนุษย์ตรงหน้าผู้นี้มีทักษะการเจรจาที่ไม่ธรรมดา แต่ทางด้านจ้าวอสรพิษทะเลเพียงได้ยินว่า ‘ท่านผู้นั้น’ ก็ไม่กล้าที่จะแบกรับความเสี่ยงใด ๆ แล้ว ราวกับเป็นคำต้องห้ามที่เปรียบดังลูกศรทิ่มแทงเข้าถึงจิตใจ...

“เจ้ายังต้องการอะไรอีก บอกออกมาเถอะ...”

ชายหนุ่ม เผยรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมา... “อัญมณีเนตรมรกตชิ้นนี้ เป็นหนึ่งในอาวุธที่ช่วยให้ข้ารอดชีวิตมาได้หลายครั้งหลายครา ฉะนั้นหากท่านอยากได้มันกลับไป ก็ให้นำลูกแก้วดวงจิตมาใช้แลกเปลี่ยน

ที่นี่คืออาณาจักรอสรพิษทะเล ความตายเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูร ข้าเชื่อว่าที่นี่คงมีลูกแก้วดวงจิตหลังจากซากร่างความตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ข้าก็มิใช่คนที่จะขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใด ข้าจะขอแบ่งแค่ 10 เม็ด เป็นการแลกเปลี่ยน...”

จ้าวอสรพิษหดนัยน์ตาแคบเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนักในเงื่อนไขนี้... ทราบดีว่าพวกมนุษย์นั้นมีการล่าลูกแก้วดวงจิต จนสัตว์อสูรบนพื้นดินเกือบจะสูญพันธุ์ไปจนหมด และเริ่มรุกล้ำมาตามล่าสัตว์อสูรทะเลแล้วเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เหล่าสัตว์อสูร ล้วนแล้วแต่เกลียดชังพวกมนุษย์เป็นพื้นฐาน...

“ลูกแก้วดวงจิตคือสิ่งแทนดวงวิญญาณของสัตว์อสูรที่ล่วงลับไปแล้ว... ญาติพี่น้องของอสรพิษทะเลตนใด ต่างก็ต้องการเก็บมันไว้เป็นสิ่งแทนใจใช้ระลึกนึกถึง ไหนเลยจะสามารถส่งมอบให้กับมนุษย์อย่างเจ้าได้ง่าย ๆ ดังนั้น 10 เม็ด ถือว่ามากเกินไป...” จ้าวอสรพิษกล่าวขึ้น

“เช่นนั้นก็ 15 เม็ด...” ซุน กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย

จ้าวอสรพิษทะเล ถลึงตาขึ้นทันที...
“นี่เจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเลยใช่หรือไม่!! ข้าบอกว่า....”

“20 เม็ด... และทั้งหมดต้องเป็นลูกแก้วดวงจิตชนชั้นลมปราณสีเหลืองขึ้นไป!!” ซุน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แน่นหนัก

จ้าวอสรพิษทะเล ใบหน้าบิดงอไปโดยพลัน ตั้งใจว่าจะเอ่ยปากอธิบายอีกครั้ง... แต่เมื่อมองเห็นสายตาของ ซุน ที่คล้ายกำลังเฝ้ารอให้ถูกต่อรอง เพื่อที่จะยกระดับจำนวนที่มากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ครั้งอย่างไม่สนใจเหตุผล ก็ถึงกับทำให้จ้าวอสรพิษทะเลต้องกลืนวาจาทั้งหมดกลับเข้าไป...

“ตะ...ตกลง!! 20 เม็ดไม่มากไปกว่านี้!!”

ซุน ที่แสร้งเอยปากต่อรองไปอย่างนั้นเอง เนื่องด้วยไม่รู้ถึงความมั่งคั่งที่แน่ชัดของ อาณาจักรอสรพิษทะเล จึงไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้รับการตกลงจริง ๆ จิตใจกู่ร้องแทบกระโดดโลดเต้นออกมา ใช้ความพยายามอย่างมากในการระงับความตื่นเต้นมิให้แสดงผ่านสีหน้า

ค่าตอบแทนที่ได้ ก็เรียกว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก!! เพราะลูกแก้วดวงจิตชนชั้นลมปราณสีเหลืองในยุทธภพ ถือเป็นสิ่งของล้ำค่าถึงที่สุด ไม่ต้องกล่าวถึงมูลค่าของมัน เพราะในบางครั้งแทบจะไม่อาจประเมินออกมาเป็นเหรียญทองได้ แต่ใช้ในการขอแลกเปลี่ยนเขตแดน หรือดินแดนบางส่วนได้เลย...

จ้าวอสรพิษทะเล คายเอาลูกแก้วดวงจิตออกมาจากปาก เห็นได้ชัดว่าจ้าวอสรพิษทะเลตนนี้ เก็บรักษาสมบัติบางส่วนเอาไว้ภายในร่างของตนเองเพราะไม่ไว้วางใจผู้ใด... ลูกแก้วดวงจิตทั้ง 20 เม็ด ถูกควบคุมด้วยลมปราณให้ลอยตรงไปยังชายหนุ่ม

ซุน กวาดตาเพียงครั้งเดียวก็สัมผัสได้ว่าทั้งหมดคือลูกแก้วดวงจิตชนชั้นลมปราณสีเหลืองของแท้อย่างไม่ต้องสงสัย อดคิดในใจไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมีในครอบครองไว้มากมายเพียงใดกันแน่ แต่ในเมื่อเอ่ยปากออกไปแล้ว จะขอเพิ่มก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าละอายเกินไป จึงกวาดมือดึงเอาทั้งหมดเก็บลงในแหวนมิติด้วยใบหน้าที่ชื่นบาน

แม้ใจจะนึกเสียดาย แต่สุดท้าย ซุน ก็จำใจถอดรัดเกล้าออกมาจากศีรษะ และดึงเอาอัญมณีเนตรมรกตออกมาตามสัญญาเช่นเดียวกัน... แต่ในขณะที่ชายหนุ่มถอนหายใจและกำลังจะส่งมอบอัญมณีเนตรมรกต ส่งคืนให้กับจ้าวอสรพิษนั่นเอง

จู่ ๆ อัญมณีดังกล่าวก็เปล่งแสงวูบวาบทั้งที่ยังไม่ถูกลมปราณกระตุ้น... ดวงตาของ ซุน เบิกโพลงเมื่อเห็นอัญมณีสุกสกาวไปด้วยแสงสีเขียวมรกตคามือของตนเองเช่นนั้น ในใจแทบจะส่งเสียงร้องโหยไห้รับรู้ได้ว่ากำลังจะเกิดวิกฤตขึ้นแล้ว คิดเพียงแค่อย่างเดียว...

“โอ้ว ไม่นะ!! มันต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ!!”

แสงสีเขียวสาดส่องสว่างไปทั่วทั้งวังอสรพิษทะเลแห่งนี้ แผ่รัศมีพลังที่ ซุน ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน ตลอดช่วงเวลาเกือบสองปีที่ได้เคยครอบครอง... เหล่าอสรพิษทะเลทั้งหมด ราวกับทราบถึงเหตุผลของการส่องสว่างครั้งนี้ ทุกตนต่างพากับก้มหมอบต่ำกดศีรษะลงแนบพื้น...

แสงสีเขียวนั้น ค่อย ๆ หรี่แคบลง ก่อนจะเกิดเป็นภาพฉายสีมรกตก่อรูปร่างราวกับภาพมายาที่ขมุกขมัว เผยให้เห็นศีรษะขนาดใหญ่ของอสรพิษเกล็ดสีทองอร่ามตนหนึ่ง... ซุน ถืออัญมณีด้วยมือที่สั่นเทาไม่หยุด จนทำให้อัญมณีเม็ดนี้หลุดร่วงลงจากมือกลิ้งลงที่พื้น... ชายหนุ่มนั่นตระหนักดีว่านี่ก็คือตัวตนของ ‘ท่านผู้นั้น’ ที่เผ่าอสรพิษทะเล เคารพยำเกรงดุจดั่งพระเจ้า!!

“อุ วะ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เจ้าพวกอสรพิษทะเลตัวน้อย ท่านจักรพรรดิแห่งอสรพิษผู้นี้ กำลังจะไปเยี่ยมเยือนพวกเจ้าแล้ว!! อย่าลืมจัดเตรียมนางสนมที่งดงาม ไว้ต้อนรับข้าสักสิบยี่สิบตนด้วยล่ะ กว่าข้าจะหาโอกาสวางแผนแอบหนีจากนางงูเฒ่าเกล็ดบูรพานั่นมาได้ ต้องเสียเวลาไปตั้ง 50 ปีเชียว!!”

เสียงที่แผดดังออกมาผ่านภาพฉายดังกล่าว เขย่าคลอนไปทั้งอาณาจักรอสรพิษทะเล... จ้าวอสรพิษทะเล เผยท่าทีลนลาน ผงกศีรษะระรัวราวกับไก่จิกข้าวสาร... “ทะ...ท่านจักรพรรดิแห่งอสรพิษโปรดวางใจ พวกเจ้าจะรีบจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ท่านได้สำราญเต็มที่”

“ดีมาก!! แต่จะว่าไป... ทำไมการส่งภาพฉายจิตของข้าในครั้งนี้ มันดูติด ๆ ขัด ๆ ไม่ค่อยจะเสถียรนัก?! อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าพยายามจะดัดแปลงแก้ไขดวงเนตรที่ข้าส่งมอบให้ชิ้นนี้?!” น้ำเสียงของผู้ที่อ้างตนว่า จักรพรรดิแห่งอสรพิษ เยือกเย็นขึ้นมาอีกระดับ

ทำเอา จ้าวอสรพิษทะเล จิตใจหล่นวูบลง...
“ทะ...ท่านจักรพรรดิโปรดอย่าเข้าใจผิด ไหนเลยที่พวกเจ้าจะกล้าทำเช่นนั้น... ท่านคือผู้ที่นำพาอสรพิษน้อย ๆ แสนอ่อนแออย่างพวกเรา ออกมาจากมหาสมุทรกิเลนอัสนี ทำให้สามารถก่อตั้งอาณาจักรใหม่ยังสถานที่แห่งนี้ได้ กล่าวได้เต็มปากว่าท่านคือผู้สร้างอาณาจักรของพวกเรา ไหนเลยที่พวกเราจะกล้าทรยศท่านต่อท่าน!!

การที่พวกเราได้คอยปรนนิบัติรับใช้ท่าน ในยามที่หลบหนีจากองค์ราชินีแห่งอสรพิษ เพื่อเสวยความสุขนอกหอคอยเป็นครั้งคราว ก็นับเป็นเกียรติอย่างหาที่เปรียบมิได้แล้ว... แต่ที่ดวงเนตรของท่านเกิดการเปลี่ยนแปลงไปนั้น น่าจะเป็นเพราะมันตกอยู่ในมือมนุษย์ช่วงระยะหนึ่ง!!

และจนถึงตอนนี้ พวกเราเองก็เพิ่งจะทราบว่าท่านติดต่อมาตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน ทำให้การเตรียมตัวอาจจะล่าช้าและเกิดความพร่องโหว่ไปบ้าง แต่ท่านจักรพรรดิอย่าได้กังวล เพราะพวกเราจะพยายามอย่างถึงที่สุด...” จ้าวอสรพิษทะเล กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงอย่างหาที่เปรียบมิได้

“ห๋า?! ข้าหรือ ติดต่อไปตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน... นี่เจ้าพูดเรื่องอะไร?!” น้ำเสียงของผู้ที่อ้างตนว่าเป็น จักรพรรดิแห่งอสรพิษ เต็มไปด้วยความฉงนสนเท่...

.........................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว