เออใช่! เธอรู้วิธีทำปลาหมักที่ต้องใช้แค่ปลาตัวเล็กทั่วๆไปอยู่นี่นา มีหนองน้ำอยู่ด้านหลังบ้านที่มีทรัพยากรมากมายที่เธอสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่!
เธอจำได้ว่าเฉียนหวู่กับฉีโตวจับปลาตะเพียนขนาดเท่าฝ่ามือได้หลายตัวและเอามันกลับมาทำซุป ปลาตะเพียนมีก้างเล็กๆเยอะมากแต่ถ้าทำเป็นปลาหมักก้างก็จะนิ่มเคี้ยวกินได้เลย ใช่แล้ว! อันนี้แหละ!
“แต่......มีวิธีจับปลาตัวเล็กให้ได้เยอะๆรึเปล่านะ?” หยูเสี่ยวเฉ่ากังวลอีกครั้ง
ทันใดนั้น เสียงร้องอย่างร่าเริงของฉีโตวก็ดังขึ้นข้างๆหูเธอ “ดูนั่นเร็ว! มีนกป่ามากินน้ำจากถังน้ำของเราด้วย!”
เสี่ยวเฉ่าเงยหน้าขึ้นและเห็นนกสีขาวเหมือนหิมะขาเรียวยาวยืนอยู่บนขอบถังน้ำและก้มลงมากินน้ำในถัง ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อยๆอุ่นขึ้นแล้ว ช่วงสองสามวันมานี้มีนกที่ไม่รู้จักมาเยี่ยมบ้านของพวกเขาเพื่อดื่มน้ำในถังอยู่ตลอด
หินศักดิ์สิทธิ์บอกเธออย่างภาคภูมิใจว่านกป่าถูกพลังวิญญาณในน้ำอาบของมันดึงดูดมา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือพืช พลังวิญญาณเป็นอาหารที่ดีสำหรับพวกมัน แต่ถ้าความเข้มข้นของพลังสูงเกินไปและสิ่งมีชีวิตนั้นยังเด็กเกินไปมันก็จะระเบิดได้......
ตาของหยูเสี่ยวเฉ่าเป็นประกายขึ้นมาทันที นี่หมายความว่าถ้าเธอใช้หินศักดิ์สิทธิ์เป็นเหยื่อล่อ เธอก็จะสามารถล่อปลาตัวเล็กมาได้ทั้งฝูงเลย
[ไอ้เจ้านายนิสัยไม่ดี! จะใช้ข้าเป็นเหยื่ออีกแล้ว ข้าไม่ยกโทษให้แน่!] จู่ๆเจ้าลูกแมวสีทองก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันกระโดดขึ้นมาบนบ่าของเธอและขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราด
หลังจากมันยอมรับเธอเป็นเจ้านายแล้ว จิตของเสี่ยวเฉ่ากับหินศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อมต่อกัน ดังนั้นเจ้าตัวน้อยจึงรู้ถึงความคิดของเธอได้ในทันที
[ก็ได้ ก็ได้! ไม่ใช้เจ้าเป็นเหยื่ออีกก็ได้] เสี่ยวเฉ่ารีบปลอบเจ้าลูกแมวที่กำลังโกรธ [แต่เสี่ยวทังหยวน เจ้าจะต้องช่วยข้าคิดหาวิธีล่อปลามาติดกับด้วยนะ]
หินศักดิ์สิทธิ์ร้องหึออกมาและพูดว่า [หินศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าไม่จำเป็นต้องลงมือเองสักหน่อย น้ำอาบของข้าไม่ใช่เหยื่อล่อที่ดีที่สุดรึไง? ส่วนจะใช้ยังไง เจ้าจะต้องให้ข้าตอบคำถามโง่ๆแบบนั้นด้วยรึ?]
หลังจากได้ยินคำพูดของมัน หยูเสี่ยวเฉ่าก็ยัดเงิน 200 อีแปะเข้ากระเป๋าทันทีและบอกนางหลิวให้เก็บไว้ให้ดีๆ เงินที่เหลือทิ้งไว้ให้เป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว หลังจากนั้นเธอก็ดึงฉีโตวเข้าไปในครัวและเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่เหยือก จากนั้นก็ไปถามหยูไห่ว่า “ท่านพ่อคะ บ้านเรามีตาข่ายจับปลารึเปล่า?”
“ตาข่ายจับปลา? ไม่มีหรอก! เจ้าจะเอาไปทำไมเหรอ?” หยูไห่เอาหัวหมูแช่ในน้ำจากถัง น้ำจากถังน้ำใหญ่มีพลังวิญญาณจากหินศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเสริมรสชาติของหัวหมูตุ๋น
เสี่ยวเฉ่ายิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “ก็ต้องเอาไปใช้น่ะสิคะ ข้าแค่คิดหาวิธีทำเงินได้อีกแล้ว ท่านพ่อรอดูก็แล้วกัน!”
หยูไห่ยื่นมือที่จับหัวหมูออกมาจะบีบจมูกเธอ แต่เสี่ยวเฉ่าหลบทัน เขายิ้มและพูดว่า “อยากได้แบบไหนล่ะ? พ่อทำให้ได้ตอนนี้เลย!”
หยูไห่ไม่มีอะไรทำมากนัก เขาจึงช่วยพวกชาวบ้านถักแหจับปลาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นครอบครัวของพวกเขาย่อมไม่ขาดแคลนตาข่ายแน่ เสี่ยวเฉ่าจึงบอกให้เขาใช้ความร้อนดัดไม้ไผ่จนมันกลายเป็นวงกลมแล้วติดลงบนเสาไม้ไผ่ หลังจากนั้นก็ติดตาข่ายลงบนแถบไม้ไผ่วงกลมทำเป็นรูปกระเป๋า เท่านี้ก็ได้ตาข่ายจับปลาแบบง่ายๆแล้ว
“ลูกสองคนจะไปจับปลาเหรอ? จับปลาตัวใหญ่ในสระหลังบ้านมันยากอยู่นะ ระวังอย่าให้ตกลงไปล่ะ......อยากให้พ่อไปด้วยรึเปล่า?” หยูไห่เห็นเด็กๆออกไปจากสนามหลังบ้านก็เตือนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ เราแค่ไปทดลองดูก่อน ถ้าสำเร็จเราจะขอให้ท่านพ่อช่วยนะ......” เสี่ยวเฉ่าส่งเสียงมาจากหลังบ้านขณะที่ฉีโตวก็ร้องออกมาอย่างร่าเริงเช่นกัน
เมื่อสองพี่น้องมาถึงหนองน้ำ เฉียนหวู่ที่ดูแลเป็ดอยู่ริมหนองก็เห็นพวกเขาและวิ่งเข้ามาหาทันที เขาถามว่า “เสี่ยวเฉ่า เสี่ยวเฉ่า! วันนี้มีเวลามาเล่นที่ริมหนองด้วยเหรอ?”
ฉีโตวน้อยทำท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่และพูดว่า “ไปๆๆ! คิดว่าเราเหมือนเจ้าเหรอ สนใจแต่จะเล่นอย่างเดียว! พวกเรามาทำธุระจริงจังกันต่างหาก ออกไปเลย! อย่ามาทำให้เราจับปลาช้าซิ”
“จับปลา? ข้าจับปลาเก่งนะ! ให้ข้าช่วยด้วยนะ!” เฉียนหวู่ลืมหน้าที่ดูแลเป็ดของตัวเองทันทีและยืนกรานจะช่วยอย่างหน้าไม่อาย
เสี่ยวเฉ่ากังวลว่าคนอื่นจะรู้ความลับของเธอ เธอจึงยิ้มและปฏิเสธ “เสี่ยวหวู่ ถ้าท่านป้าเฉียนเห็นเจ้าทิ้งเป็ดไว้แล้วหนีไปเล่น เจ้าได้ถูกดึงหูแน่ๆ เจ้ากลับไปดูแลเป็ดเถอะ”
เฉียนหวู่แตะหูแล้วทำหน้ามุ่ย จากนั้นก็นั่งลงที่ริมฝั่งอย่างเสียใจ เขาเอาไม้ไผ่ตีน้ำเพื่อระบายความโกรธ ทำให้พวกเป็ดกลัวจนหนีกระเจิดกระเจิง นางเหมาเห็นภาพนั้นเข้าก็ร้องว่า “ไอ้ลูกเวร แม่บอกให้มาดูแลเป็ดไม่ใช่ทำให้เป็ดหนี! ถ้าพวกเป็ดกลัวจนไม่วางไข่ เจ้าโดนตีก้นแน่!”
เฉียนหวู่เอามือจับก้นแล้วมองไปทางสองพี่น้องที่เดินห่างออกไปอย่างไม่เต็มใจ เขาถอนใจแรงๆแล้วยอมรับชะตากรรมที่ต้องดูแลเป็ดต่อไป
เสี่ยวเฉ่าเลือกบริเวณที่ลับตาคนได้ เธอวางเหยือกลงไปในน้ำและมองผิวน้ำอย่างใจจดใจจ่อ เหยือกนี้เป็นที่ที่หินศักดิ์สิทธิ์ ‘อาบน้ำ’ อยู่บ่อยๆ ดังนั้นมันจึงสะสมพลังวิญญาณเอาไว้เป็นจำนวนมาก
หลังจากเหยือกถูกวางลงในน้ำ พลังวิญญาณข้างในก็ค่อยๆไหลออกมา ไม่นานนักระลอกคลื่นก็เริ่มปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำ......
“พี่สาม ดูเร็ว! ปลาตัวเล็กๆว่ายมาเต็มเลย! สุดยอด ในเหยือกมีเหยื่อแบบไหนเหรอ? ใช้ได้ผลดีมากๆ!” ฉีโตวพยายามระงับความยินดีในน้ำเสียงและกระซิบ
เสียงของเขาไม่ได้ทำให้ฝูงปลากลัวจนหนีไป ตรงกันข้ามพวกปลาตัวเล็กตัวน้อยกำลังมารวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกตัวว่ายตรงไปที่ปากเหยือกอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่เสี่ยวเฉ่าวางเหยือกลงไปในน้ำ เธอจุ่มส่วนที่เป็นช่องเล็กๆลงไปเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าพวกปลาจะตามพลังวิญญาณมา แต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ได้แต่โบกหางว่ายอยู่รอบๆเหยือกเท่านั้น
เมื่อปลามารวมตัวกันมากขึ้น ปลาที่อยู่รอบๆเหยือกก็หนาแน่นมากขึ้น เสี่ยวเฉ่ายกตาข่ายในมือขึ้นมาและค่อยๆตักไปตรงที่มีปลามากที่สุด ถ้าเป็นเมื่อก่อนปลาก็จะกระจัดกระจายไปตัวละทิศละทางแล้ว แต่พวกมันถูกดึงดูดมาโดยพลังวิญญาณและไม่สนใจอันตรายใดๆเลย พวกมันอ้าปากราวกับต้องการดูดพลังงานบริสุทธิ์ให้มากขึ้น
เสี่ยวเฉ่ายกตาข่ายขึ้นช้าๆ ในตาข่ายที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ซม.มีปลาเล็กๆอยู่หลายสิบตัว ทั้งปลาเฉา, ปลาตะเพียน, และปลาสังกะวาด......แต่ส่วนใหญ่เป็นปลาเฉากับปลาตะเพียน พวกตัวใหญ่ๆหนักประมาณครึ่งชั่ง ส่วนตัวเล็กๆมีขนาดเท่าฝ่ามือของฉีโตวเท่านั้น
“ว้าว! แป๊บเดียวจับปลาได้เยอะแยะเลย! นี้มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ พี่สาม พี่สาม ให้ข้าลองบ้างซิ” ฉีโตวเอาถังมารับปลาที่เสี่ยวเฉ่าจับได้และอยากจะลองจับบ้าง
เสี่ยวเฉ่าวางตาข่ายในมือของเด็กน้อยแล้วหัวเราะ “ตอนช้อนปลาขยับช้าๆนะ ข้าจะไปเอาถังมาอีกใบ ถ้าเราจับปลาได้มาก เราจะมีของขายตอนบ่ายพรุ่งนี้ด้วย”
ฉีโตวยกตาข่ายขึ้นอย่างกระตือรือร้นและเคลื่อนไปทางฝูงปลาอย่างระมัดระวัง เขาถามเสียงเบาว่า “พี่สาม ปลาพวกนี้มีก้างเยอะนะ ข้ากลัวคนจะเห็นว่ามันกินลำบากแล้วมันจะขายไม่ดี!”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผน!” เสี่ยวเฉ่ามองเขาด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า ‘เชื่อใจข้าสิ’ และจากไปพร้อมรอยยิ้ม
พอเธอกลับมาอีกครั้ง ถังก็มีปลาอยู่เกินครึ่งถังแล้ว น้ำในถังก็มาจากถังน้ำใหญ่ดังนั้นมันจึงมีพลังวิญญาณเหมือนกัน พวกปลาจึงยังมีชีวิตชีวาอยู่มากทั้งๆที่เบียดกันอยู่ในพื้นที่แคบๆแบบนั้น
สองพี่น้องจับปลาได้เต็มถัง 2 ถังในเวลาไม่ถึง 2 ชม. ระหว่างนั้นมีปลาที่ยาวถึงครึ่งเมตรปรากฏออกมาด้วย โชคร้ายที่ตาข่ายของพวกเขาเล็กเกินไป พวกเขาจับหางปลาแต่มันก็สะบัดหางหนีไปได้ สองพี่น้องรู้สึกเสียดายมากเนื่องจากถ้าพวกเขาจับปลาตัวนั้นได้ ก็คงมีอาหารเพิ่มตอนเย็นนี้แล้ว
พอพวกเขากลับมาถึงบ้าน สองสามีภรรยากับเสี่ยวเหลียนก็ล้างหัวหมูกับไส้หมูเสร็จแล้ว นางหลิวชี้ไปที่หม้อเลือดหมูแล้วถามว่า “เราไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับมัน ก็เลยไม่กล้าแตะ......”
ส่วนหยูไห่นั้น เขามองสองพี่น้องด้วยความทึ่งแล้วอุทานอย่างตื่นเต้นว่า “โอ้โห! เยอะขนาดนี้เลย! จับมาได้เท่าไหร่เนี่ย? ไหนดูซิ พวกนี้เราจะกินเป็นอาหารเย็นเหรอ?”
แต่ฉีโตวก็พูดว่า “เราไม่ได้จะกินปลาพวกนี้เองหรอกครับ เราจะขายมันต่างหาก พี่สามบอกว่าแก้ปัญหาเรื่องก้างปลาเยอะๆได้! ท่านพ่อดูซิ เราจับปลาได้เยอะมากๆเลย!”
หยูไห่เดินไปดูแล้วเห็นว่าเป็นความจริง ตอนแรกเขาคิดว่าพวกเด็กๆแค่ไปเล่นกันตอนที่ขอให้เขาทำตาข่ายจับปลาให้ ไม่คิดเลยว่าอีก 2 ชั่วโมงต่อมาพวกเขาจะเอาปลากลับมาถึง 2 ถังเต็มๆ ดูความหนาแน่นของปลาในถังแล้ว ข้างในต้องมีปลาอยู่เยอะแน่ๆ
“โห! เยอะจริงๆด้วย! พวกลูกจับมันยังไงเหรอ?” หยูไห่ตะลึง ต่อให้เขาเป็นคนจับก็ยังไม่สามารถจับปลามาได้มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ พวกเด็กๆทำยังไงกันแน่?
ฉีโตวตอบทันทีว่า “เป็นพี่สาม! พี่สามทำเหยื่อล่อแบบใหม่ที่ล่อพวกปลามาได้หมดเลย ที่เราทำก็แค่เอาตาข่ายช้อนปลาอยู่บนฝั่งแค่นั้นก็พอ”
หยูไห่มองลูกสาวด้วยสายตาซับซ้อน ลูกสาวของเขายิ่งเก่งมากขึ้นทุกทีๆ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เขารู้สึกทั้งภูมิใจและละอายใจ
เสี่ยวเฉ่ามองท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่ทำความสะอาดปลาก่อน? เราอาจจะไปขายมันที่ท่าเรือได้ก่อนอาหารเย็น แล้วค่อยจัดการกับหัวหมูและไส้หมูกันตอนเย็น”
ทั้งครอบครัวช่วยกันทำงานขูดเหงือก, เอาไส้ออก, และทำความสะอาดปลา งานนี้ฉีโตวทำไม่ได้ เขาจึงใช้กะละมังเล็กๆตักน้ำมาช่วยพวกเขาล้างปลา
ฮ่า! ครั้งนี้พวกเขาจับปลาได้มากจริงๆ เต็มอ่างเลย! แต่เสี่ยวเฉ่าไม่มีเวลาดีใจเรื่องนี้ เธอจัดการหมักปลาที่ทำความสะอาดแล้วด้วยเกลือ
“แล้วทำอะไรต่อ?” ในที่สุดเสี่ยวเหลียนก็มีเวลาหายใจหายคอ นางถามด้วยสีหน้ามีความสุข
“มันต้องหมักประมาณ 30 นาที แล้วค่อยเอามาทอด” เสี่ยวเฉ่าได้กลิ่นคาวปลาบนมือจึงรีบวิ่งไปล้าง หลังจากยุ่งมาตลอดทั้งวันเธอก็รู้สึกหิวขึ้นมา เธอเอามันเผาร้อนๆออกมาจากใต้เตาซึ่งเตรียมไว้ให้เธอเป็นพิเศษทุกวัน
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว