⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
นับจากวันที่รติรสหายตัวไป ศีตภาพยายามติดต่อเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่เสมอ ด้วยใคร่รู้นักว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น
ที่ผ่านมาไม่มีใครที่จะติดต่อได้สักคน แต่ในช่วงเย็นย่ำของวันอาทิตย์ ในขณะที่หล่อนออกมาทานอาหารกับเพื่อนสนิทอย่างมาลีรัตน์นั้น กลับได้รับสายของเด็กใจกล้า
เมียสองตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วงพื้น
ช่างเสริมสวยหรี่ตาแคบ “อะไร”
“เปล่า”
“ใครโทร. มา”
ศีตภาโบกไม้โบกมือให้เพื่อนอย่างไม่นึกใส่ใจ “กินๆ” ก่อนหล่อนจะยันปลายเท้าลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ”
ว่าจบก็รีบสับเท้าไปทางห้องน้ำเพื่อที่จะรับสายที่รอมานาน
แม้ว่ามาลีรัตน์จะไว้ใจได้ แต่ศีตภากลับคิดว่าเรื่องเช่นนี้มีคนรู้น้อยเท่าไรก็ดีเท่านั้น
ทันทีที่รับสายก็กรอกเสียงราวเสียงกระซิบลงไป ทว่ายังเจือไปด้วยความขุ่นเคืองที่ริอ่านมาทำเช่นนี้กับนายจ้าง “แกหายไปไหนมาตั้งหลายวัน รู้ไหมว่าฉันพยายามติดต่อแกมากแค่ไหน”
(พี่เพลง เงินส่วนที่เหลือที่พี่จะให้พวกผมอะ วันไหนครับ)
หญิงสาวแค่นหัวเราะ “อ้อ โทร. มาทวงเงินเรอะ”
(ก็ผมทำงานสำเร็จ พี่ต้องจ่ายให้เต็มจำนวนสิ)
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ตั้งแต่เสนอไป หล่อนก็เตรียมเงินไว้แล้ว รอแค่บรรลุตามแผนก็จะจ่ายเงินเพิ่ม เพียงแต่อดจะสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนั้นใช้วิธีไหนจัดการกับรติรส อีกฝ่ายถึงได้หายหัวไปถาวรเช่นนี้
“ให้น่ะให้อยู่แล้ว”
ได้ยินแบบนั้นปลายสายก็ยิ้มออก
หลังจากวันเกิดเหตุ ทั้งเขาและเพื่อนต่างก็กบดานอยู่ที่บ้านใครบ้านมัน เขาเกรงว่าหากมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ จะถูกสาวมาถึงตัว แต่จนแล้วจนรอดรติรสก็ไม่กลับมาสักที เธอหายไปในกลีบเมฆจนสองหนุ่มอดหวั่นใจไม่ได้
เขาตัดสินใจจะไปขับรถสิบล้อกับผู้เป็นพ่อ ส่วนสหายคงปักหลักอยู่ที่เดิม เพียงแค่สงบปากสงบคำไว้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ว่าแต่แกจัดการยังไงกับมัน”
เด็กหนุ่มปล่อยให้ความเงียบได้ทำงาน ก่อนเอ่ยตัดรำคาญ (จะยังไงก็ช่าง มันแปลว่าผมทำให้พี่ตี้หายไปได้ พี่ต้องจ่ายเงินผม นัดมาเลยว่าจะเจอกันที่ไหน เพราะพรุ่งนี้ผมจะไปรถกับพ่อแล้ว)
ศีตภาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ที่เดิม” ก่อนอีกฝ่ายจะชิงวางสาย หล่อนก็โพล่งขึ้นอีกประโยค “แกไม่ได้เล่นถึงตายแน่นะ”
จะให้เขาตอบได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่รู้ด้วยเช่นกันว่ารติรสยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ผู้ว่าจ้างย้ำ “แล้วตอนนี้มันไปอยู่ไหน”
(ไม่ต้องรู้หรอกครับ เอาเป็นว่าหนึ่งทุ่มเจอกัน เตรียมเงินไปให้ครบด้วย)
บรรยากาศในปาร์ตี้เป็นไปอย่างครึกครื้นอย่างที่ควรจะเป็น
ระหว่างมื้ออาหารรติรสพยายามหาจุดสนใจให้ตัวเอง โดยสิ่งที่ถูกเลือกคือสองแฝดปาเก๋าและปาโก๋ ที่เด็กๆ เองก็ชอบพี่สาวรอยสักเสียยิ่งกว่าอะไร
มิตรใหม่เข้ากันได้ดี อาหารอร่อยถูกปาก รติรสแสนเป็นปลื้ม ทว่าตั้งแต่เริ่มทานอาหารกับทุกคน จนกระทั่งย้ายตัวเองมาอยู่ในห้องโดยสารของซีดานหรูกับอรัณย์ เธอยังไม่สามารถสลัดคำพูดของพี่ใหญ่ออกจากหัวได้เลย
มันคอยกวนใจจนอยู่ไม่สุข และยิ่งเด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อจำเป็นต้องอยู่สองต่อสองกับเขา
หากได้ซื้อด้วยเงินสดเหมือนอย่างคนอื่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เธอจะได้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแสนแพง แต่เธอต้องระลึกไว้เสมอว่าสถานการณ์ของตนนั้นต่างจากคนในกลุ่ม พวกหล่อนมีคนรัก มีคนสนับสนุน เพียงเอ่ยปากก็ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่เธอไม่ใช่แบบนั้น
รติรสรู้ดี เท่าที่อรัณย์ยอมเดิมพันเครดิตของตัวเองกับน้องสาวเพื่อน นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่คนไม่สนิทคนหนึ่งพึงกระทำต่อกันได้แล้ว มากกว่านี้เห็นทีจะเหนือบ่ากว่าแรง
“อาหารอร่อยไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ และหวังชวนอีกฝ่ายคุยด้วย
“อร่อยดี”
“น้องก็คิดว่างั้นค่ะ กินไปเยอะมากเลย” อรัณย์ไม่ได้ตอบอะไร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รติรสหยุดพูดได้ “น้องเพิ่งรู้ว่าพี่อัสขายแซนด์วิชด้วย แต่ช่วงนี้พี่เขาไม่ค่อยได้ทำ เสียดายจังเลยค่ะ ถ้ามาไวกว่านี้น้องคงได้กิน”
นัยน์ตาคมชำเลืองหญิงสาวหน้ายู่ทางซ้ายมือ แค่ไม่ได้กินแซนด์วิชก็จะต้องทำเหมือนโลกจะแตก
เสียงทุ้มเอ่ย “เดี๋ยวเขาก็ทำ แค่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อน”
ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่า “พี่อัสนี่ทำเป็นหมดทุกอย่าง เก่งมากเลย”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่น้องทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่องเลยค่ะ ยังดีที่ทอดไข่เจียวเป็น พี่จีนเคยบอกว่ายังไงก็ไม่อดตาย นั่นก็พอแล้วแหละเนอะ”
เห็นเธอพูดถึง เขาจึงเสนอ “อยากคุยกับมันหรือเปล่า”
คนถูกถามเบิกตาโต “ได้เหรอคะ”
“อีกสองสามวันจะโทร. ให้ก็แล้วกัน”
เธอรีบกล่าวคำขอบคุณ รู้ดีอยู่เต็มอกว่าสถานการณ์ที่บ้านเกิดคงไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ยังใจดีให้เธอได้คุยกับพี่ชาย อรัณย์ในตอนนี้แทบจะกลายเป็นเทวดาเดินดินในสายตารติรสไปเสียแล้ว
สาวรอยสักยังหาเรื่องชวนคุย “น้องยังไม่ได้บอกพี่เลย แต่พี่จำรูปที่น้องวาดได้ไหมคะ”
“อาฮะ”
“พี่หยกบอกว่าถ้าลูกค้าชอบ จะให้น้องเป็นคนสักให้ค่ะ”
ใบหน้าคร้ามคมพยักขึ้นลงเพื่อสื่อว่าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “แล้วชอบไหม”
“ชอบค่ะ”
สารถีละสายตาจากถนนมาทางคนข้างกาย สายตาหวานที่ทอประกายก็หันมาสบเข้าอย่างพอดิบพอดี
“ชอบมากด้วย”
อรัณย์รีบดึงใบหน้ากลับมาอยู่ในทิศทางเดิม ผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้า ในขณะที่หญิงสาวข้างกายก็ยังจ้อไม่หยุด จนเริ่มเชื่อแล้วว่าเธอเป็นคนคุยเก่ง ที่เห็นเงียบๆ ในตอนแรกคงแค่ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะพูดคุยกันได้กระมัง
พอเขาเปิดทางให้ แม่นี่ก็แทบจะสวมบทคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว
“พี่เขาจะจ่ายค่าออกแบบให้น้องด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะได้กี่บาท แต่น้องจะพยายามเก็บเงิน เดี๋ยวจะออกรถไม่ทันใช้กับคนอื่นเขา” ช่างสักว่ายิ้มๆ “ก้านเอาคันที่น้องสั่งมาลงไว้ที่ร้านให้แล้วค่ะ ทำงานไวมาก น้องนี่สิที่ยังไม่ได้เริ่มทำงานเลย”
ตอนเห็นของคนอื่นก็ว่าสวยแล้ว พอได้เห็นคันที่ตนเองจะได้เป็นเจ้าของจริงๆ เธอกลับรู้สึกว่าที่เคยมองว่าสวย ความจริงแล้วมันยิ่งกว่านั้นหลายเท่าตัว
“พี่แพรนะ เขาบอกว่าตัวเองไม่ค่อยได้ใช้รถมอ’ไซค์ แต่พอเห็นคนอื่นซื้อกัน ก็เลยซื้อบ้าง”
มือบางยกขึ้นมาทำท่าโทรศัพท์
“โทร. กริ๊งเดียว คุณส.ส. ซื้อให้เลยค่ะ”
รอยยิ้มประดับบนใบหน้าเกลี้ยงเกลา แววตาเป็นประกายกับเรื่องที่ตนบอกเล่า
“พอคิดว่าจะใช้รถเหมือนกันทั้งห้าคน น้องก็คิดว่าน่ารักดีค่ะ”
ความเงียบค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแทนที่เสียงใสกังวาน
เธอลอบมองเสี้ยวหน้าคร้ามคมเป็นระยะ เมื่อถูกจับได้ในตอนที่นัยน์ตาดุดันตวัดมามอง สาวรอยสักทำได้เพียงยิ้มแหยแล้วเบือนหน้ากลับไปทางอื่น
เสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบ “ก้านเอารถมาให้แล้วเหรอ”
เป็นครั้งแรกที่เขาตอบโต้ในประเด็นนี้ รติรสจึงหันหน้ากลับไปยังชายหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัย ริมฝีปากสีระเรื่อบิดโค้งเป็นรอยยิ้ม ใบหน้านวลพยักระรัว
“ใช่ค่ะ ก้านเอามาแล้ว วันนี้น้องก็ไปดูๆ มา คิดว่าตัดสินใจถูกที่เลือกคันนี้” มิวายเสริมไปอีกสองสามประโยค “ตัวจริงสวยมากเลยค่ะ ถึงว่า ค่าตัวคุณเขาแพ๊งแพง”
ไหล่หนาไหวเล็กน้อย “ของดีราคาสูง เรื่องปกติ”
“แต่ของน้องนี่ดูท่าจะดีกว่าของคนอื่นนะคะ เพราะราคาสูงกว่าใครเลย” ว่าจบก็หัวเราะร่าราวเป็นเรื่องตลกที่คนอื่นจ่ายเพียงเงินต้น แต่ของตนนั้นต้องจ่ายสองต่อ “ถ้าน้องมีเงินสักก้อนก็อยากซื้อเงินสดเหมือนพี่ๆ เสียดายดอกเบี้ยน่ะค่ะ ใส่ปุ๋ยอะไรหนอ ทำไมงอกงามแบบนี้”
รถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านพอดีกับที่เธอหันไปทางเพื่อนพี่ชาย สองสายตาสบประสานกันอยู่หลายวินาที ก่อนรติรสจะผุดรอยยิ้มขึ้นมาประดับบนใบหน้า
ดวงตาคู่งามของสาวน้อยสะท้อนความปรารถนาออกมาอย่างชัดเจน เธอกะพริบตามองเพื่อนพี่ชายอย่างอ้อยอิ่ง
อรัณย์รู้ว่าควรเปิดประตูและลงจากรถ เขาควรเข้าบ้านไปพักผ่อน แต่คล้ายถูกสายตาสุกใสเป็นประกายคู่งามสะกดไว้ จึงทำได้เพียงมองสบกับสาวเจ้าอยู่อย่างนั้น
“พี่อาร์มคะ”
หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ แต่ยังทำใจดีสู้เสือ
“ซื้อรถให้น้องสักคันได้ไหมคะ”
เธอระบายยิ้มอย่างออดอ้อนไปในที นัยน์ตาสุกใสดั่งจันทร์ฉายเปล่งประกายความเว้าวอนของสตรีแสนเลอโฉม ที่ยามบุรุษเผลอต้องตาเข้าแล้วก็ยากจะทัดทานต่อมารยาหญิงอันเหลือล้น
“ถ้าเป็นพี่ก็คงซื้อเงินสดได้ แล้วน้องจะมาผ่อนให้พี่ทุกเดือนค่ะ แต่อย่าคิดดอกน้องแพงนักเลยนะคะ ถ้าเกิดจ่ายไม่ไหวขึ้นมาคงได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุกแน่เลย วันไหนที่กับข้าวมีแต่ของเผ็ดๆ น้องก็คงกินไม่ได้ พี่ยอมให้น้องเจอเรื่องแบบนั้นได้ลงคอเหรอคะ”
เห็นอรัณย์ยังคงเงียบ รติรสก็ส่งกระแสเสียงหวานหยดออกไปอีกหน คล้ายเป็นระลอกคลื่นที่เคลื่อนเกลียวกระทบกำแพงหัวใจดวงแกร่งให้เซาะกร่อน
“นะคะพี่อาร์ม”
“...”
“น้องสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีของพี่ค่ะ”
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว