เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK-บทที่6│สวมรอยพระเอก (2)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK

บทที่6│สวมรอยพระเอก (2)

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

“ทำไมมึงถึงซื้อรถให้ตี้ แค่เพราะอยากเอาชนะที่นายปรามาสไว้”

“...”

“หรือเพราะมึงแพ้ทางเขา”

อรัณย์ได้แต่จดจ้องพี่ชาย ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะขยับเพื่อตอบคำถามโดยไม่คิดปิดบัง “แพ้ทางเขา”

ได้รับคำตอบเช่นนั้น พี่ใหญ่ก็ระบายยิ้มออกมา

“มึงชอบตี้?”

ใบหน้าคมคายเจือไปด้วยความลังเลในตอนที่ต้องส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ “คิดว่าไม่นะ”

เพื่อนสนิทโพล่งขึ้น “ไม่เหลือแล้วครับคุณชาย ดูสภาพตัวเองบ้าง”

“กูไม่ได้ชอบจริงๆ อย่างที่เคยบอกไป ก่อนหน้านี้กูไม่รู้จักตี้เลย เพิ่งจะมาเจอกันก็เมื่อต้นเดือนนี้เอง จะเอาเวลาที่ไหนไปชอบ”

เขายังคงยืนยัน แม้มันจะไม่หนักแน่นเอาเสียเลยก็ตาม

“ก็เวลาที่มึงอยู่ด้วยกันไง”

เขานิ่งงันไปชั่วขณะ จนคำพูดจะตอบโต้

“ก่อนหน้านี้มันไม่สำคัญหรอก จะรู้จักไม่รู้จัก แต่ตอนนี้มึงรู้จักแล้ว และเขาก็อยู่กับมึงด้วย มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะชอบกัน”

“แต่กูรักแฟนเก่า”

คราวนี้พี่ใหญ่ถึงคราวต้องออกโรง “กูจะไม่ชี้นิ้วสั่งให้มึงทำนู่นทำนี่หรอกนะ อยากจะจมอยู่กับอดีตก็ช่าง แต่ถามหน่อยว่าได้อะไร”

เขาตอบคำถามนั้นในใจ...ไม่ได้อะไรเลย

ความรักที่ยังมีให้แฟนเก่านั้นเขาไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่อย่างเดียว หลงเหลือเพียงความคิดถึงในบางห้วงเวลาเท่านั้น ที่ตอนนี้ก็ถูกใครบางคนรบกวนจนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ได้คิดถึงคนที่อยู่ในหัวใจ

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกติดใจที่ได้สัมผัสเรือนร่างบอบบาง ได้แอบดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของเจ้าหล่อน คนที่ไม่คิดว่าตนเองจะมอบความรักให้

มันไม่ควรเป็นเช่นนี้

“คนเราเปลี่ยนกันได้ทุกวัน มึงก็รู้ ก่อนมาเจอก้านกูก็เคยตกอยู่สภาพเดียวกับมึง แต่คนเรามันต้องเลือกว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรเก็บ และอะไรควรปล่อย”

เขารู้ว่าพี่ชายไม่ได้พูดเล่น แต่เป็นการแนะนำที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ

“มึงเลือกจะปล่อยตี้ไปได้ไหมล่ะ แค่คิดว่ากลับไปแล้วไม่เจอเด็กนั่นอยู่ที่บ้าน ชีวิตประจำวันของมึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยมี ถ้ามึงโอเค ก็ปล่อย”

“...”

“แล้วมึงก็เลือกที่จะเก็บแฟนเก่าไว้ วันๆ ทำได้แค่คิดถึง ป่านนี้เป็นตายร้ายดีหรือมีผัวไปแล้วก็ไม่รู้ แล้วมึงก็อยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว นอนคนเดียว จนกว่ามึงจะยอมปล่อยแล้วเดินไปข้างหน้า แต่ถ้าลีลา ใครมันจะไปรอมึงก่อน ดูก็รู้ว่าหน้าตาระดับตี้มีคนให้เลือกเยอะแยะ เขาไม่เสียเวลามารอคนโลเลเหลาะแหละแบบมึงหรอก ขืนเข้าไปอยู่ในใจมึงก็อึดอัดตายโหง คนอะไร ให้ผู้หญิงอยู่ตั้งสองคน”

อรัณย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงยกแก้วเบียร์กระดกเข้าปากอึกใหญ่

“เรื่องของหัวใจ มันก็ต้องใช้สมองช่วยครึ่งหนึ่ง มึงต้องคิดให้ได้ว่าทางไหนคือทางที่มึงควรเลือก เพราะมึงจะเลือกเดินสองทางไม่ได้ ถ้ามึงชอบตี้ หรือแค่รู้สึกดีๆ กับน้องมัน มึงต้องโยนแฟนเก่าทิ้ง แต่ถ้าตั้งใจจะรักแฟนเก่าจริงๆ มึงก็อย่าเที่ยวไปให้ความหวังใครเขา”

ในที่สุดเขาก็หาเสียงตัวเองเจอ “แล้วน้องมันชอบผมหรือเปล่าก็ไม่รู้เหอะ”

สองหนุ่มที่ได้ฟังถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ หันไปมองกันตาปริบๆ

ดิฐากรเอ่ย “ไม่ๆ ไม่เกี่ยวว่าน้องชอบมึงไหม แต่มึงเนี่ย ชอบน้องมันแน่ๆ แล้วแหละไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย”

เขาพรูลมหายใจออกราวต้องการระบาย

อรัณย์ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “กูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน อยู่กับผู้หญิงสองต่อสองใครจะไม่หวั่นไหววะ” เขาดักทางคนทั้งสอง “แต่สารภาพตรงนี้ว่าไม่เคยล่วงเกิน โอเค ถ้ากอดเอวคือล่วงเกิน กูก็น่าจะล่วงเกินเขาไปแล้วนั่นแหละ”

คนอายุมากกว่าหรี่ตาแคบ “น่ะ ไอ้นี่ แล้วเมื่อกี้มาทำเป็นพูดว่าไม่ชอบ ไม่ชอบแล้วไปกอดเขาทำไม เริ่มหมาแล้วไหมล่ะมึง”

“อยากฟ้องนายว่ะ”

อรัณย์แทบจะยกเท้ามายันเพื่อนสนิท ดีที่ห้ามตัวเองได้ทัน

ชยางกูรไม่คิดตอบโต้ผู้จัดการของร้าน แต่หันไปเค้นเอากับดาวเด่นในค่ำคืนนี้ “แล้วมึงจะเอายังไง”

“หมายถึง?”

“เรื่องของตี้ จะเดินหน้าจีบ?”

เขานิ่งไปครู่สั้นๆ ก่อนตอบคำถาม “ผมต้องจีบจริงไหม ยังไม่รู้สึกว่าชอบมากขนาดนั้นเลย”

ดิฐากรหัวเหวี่ยงทันที “แม่งเอ๊ย! อีกนิดจะรักเขาอยู่แล้ว มึงคิดว่ามึงใจดีขนาดมาซื้อรถคันเกือบแสนให้คนอื่นง่ายๆ เหรอ หรือมึงจะไปชิงตัวเจ้าสาวสุ่มสี่สุ่มห้าแค่เพราะเขาไม่อยากแต่งงาน พฤติกรรมแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ ‘คนทั่วไป’ เขาทำให้กันอะ แต่ถ้ามึงไม่ชอบจริงๆ ให้กูจีบไหม”

“ไม่ต้อง”

เพื่อนสนิทหลุดหัวเราะออกมาทันที “เออ มึงก็ไม่ใช่คนโง่ หัดรู้ใจให้มันไวๆ หน่อย หลุดมือไปเป็นเรื่องแน่”

สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อสองหนุ่มทำการรีดความลับออกจากปากของอรัณย์ได้ สามหนุ่มพูดคุยกันไปตามเรื่อง มือก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกเคล้าเสียงเพลง

ในขณะที่ดิฐากรพูดคุยอยู่กับชยางกูร เขาก็ได้เวลาทบทวนตัวเอง

คำพูดของพี่ใหญ่ยังก้องอยู่ในหัว หากต้องกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนอย่างแต่ก่อน ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้านกเหลืองดังมาให้ได้ยิน ไม่มีใครคอยมาเคาะประตูเรียกอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าอย่ารบกวน แต่พอโดนรบกวนจริงๆ เขาก็ไม่นึกเคืองอันใด กลับกัน เขาดันอยากรู้ว่าเธอมีเรื่องอะไรให้ต้องมาหา และเขาก็ดันยินดีกับการมาในทุกๆ ครั้งของเธอ

ถ้าเกิดว่าทั้งหมดที่เคยมีอยู่ต้องหายไป คงจะเหงามากทีเดียว

หากให้เลือกปล่อย คงไม่ใช่รติรส หากให้เลือกเก็บ คงไม่ใช่แฟนเก่าอีกต่อไปแล้ว

เพราะเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะอยู่ได้ไหมหากขาดเธอไป รู้เพียงไม่อยากขาด

อรัณย์ทะลุขึ้นกลางปล้อง “เฮีย กลับบ้านกัน”

สองหนุ่มที่คุยกันอย่างสนุกปากหันไปมองทางต้นเสียง ดิฐากรเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน “อะไรของมึง เพิ่งจะสี่ทุ่มกว่า”

ทว่าชยางกูรกลับยันปลายเท้าแล้วหยัดยืนเต็มความสูง “ปะ คิดถึงเมียแล้ว”

สิ้นประโยค ว่าที่คุณพ่อก็วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วจึงนำน้องชายออกไปนอกร้าน โดยมีสายตาของผู้จัดการร่ำเมรัยมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์

“เฮ้อ หนีไปมีเมียกันหมดเลย”

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว