เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK-บทที่4│มุมอับอันลับดาว (2)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK

บทที่4│มุมอับอันลับดาว (2)

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

หลังหากันตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น ทว่าก็ยังไม่พบ จึงต้องไปเค้นเอากับเพื่อนสนิทที่วิภาพรมั่นใจว่าจะต้องมีส่วนรู้เห็นกับการหายไปของรติรสอย่างแน่นอน

ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมก็มาถึงกันแล้ว แต่หล่อนก็ทำทีเป็นว่าไม่อยากได้ช่างที่ลูกเขยหาให้ เพราะลูกสาวจ้างช่างคนอื่นไว้แล้ว คนเหล่านั้นก็กลับไปโดยไม่ได้มีปากเสียงกันสักนิด แต่ก็รู้ว่าคงไม่พอใจกับการยกเลิกกะทันหันเช่นนี้ นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ของอำนาจ หากเจ้าบ่าวไม่ใช่พศุตม์ การที่แม่ยายทำเช่นนี้ มีหวังโดนถอนหงอกไปแล้ว

เพียงแค่รักษาความลับไว้ได้ หล่อนยอมทุกอย่าง

ผู้เป็นแม่สั่งให้ลูกสาวและลูกเขยคนโตอยู่ที่บ้าน ส่วนตนและสามีก็เดินทางไปยังบ้านของพันราตรี เพราะรติรสนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มีแค่ขลุกตัวอยู่กับเพื่อนคนนี้ วันก่อนตื่นมาแล้วไม่เจอลูกสาวคนเล็ก ก็ได้ความว่าไปนอนที่บ้านของเพื่อนสนิท เช่นนี้แล้วหล่อนคงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้

เพื่อนสนิทลูกสาวคนสุดท้องยืนยันเสียงหนักแน่น “หนูไม่รู้จริงๆ ค่ะน้าพรว่าตี้ไปไหน”

“จะไม่รู้ได้ไง ก็เป็นเพื่อนกัน”

คนฟังอยากเถียงขาดใจ ก็เป็นแค่เพื่อนจะให้รู้ทุกอย่างได้อย่างไร ขนาดคนเป็นพ่อแม่ยังไม่รู้เลย

“หนูเพิ่งจะรู้จากปากน้านี่แหละว่าตี้หายตัวไป”

คนอายุมากกว่านิ่งไปชั่วครู่ “แล้วพิ้งได้คุยอะไรกับตี้บ้างหรือเปล่า”

พันราตรีตัดสินใจเปิดแชทล่าสุดที่ได้คุยกับช่างสักสาวให้พ่อแม่ของอีกฝ่ายดู เป็นข้อความสั้นๆ ที่รติรสกล่าวว่าตนไม่อยากแต่งงาน มันถูกส่งมาช่วงเย็นของเมื่อวาน เธอในฐานะเพื่อนสนิทก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ปลอบใจกันไป ซึ่งเธอก็รู้ว่ามันคงช่วยอะไรเพื่อนได้ไม่มากนัก และยิ่งมาได้รับข่าวว่าเพื่อนหนีออกจากบ้าน พันราตรีก็ยิ่งเป็นห่วง

“หนูไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าตี้คิดอะไร ตี้ไม่เคยบอกเลยว่าจะไปไหน เพราะงั้นต่อให้น้าเอาหนูไปสาบาน หนูก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายไปของตี้”

วิภาพรถอนหายใจเฮือกใหญ่

สาวเจ้าย้ำ “แต่ตี้ไม่อยากแต่งงานกับเสี่ยคิดจริงๆ นะคะ ถ้าถึงขนาดหนีออกจากบ้านเพื่อหนีงานแต่ง หนูว่าน้าก็ปล่อยให้ตี้หนีไปเถอะค่ะ”

“ไม่ต้องมาจัดแจงเรื่องของครอบครัวคนอื่น และถ้าน้ารู้ว่าเราวางแผนกับตี้หรือเป็นคนพาตี้หนี ก็ระวังตัวไว้ด้วยเถอะ เสี่ยคิดเขาคงไม่ปล่อยไว้แน่”

คล้อยหลังสองสามีภรรยาที่มีศักดิ์เป็นถึงพ่อแม่เพื่อนสนิท พันราตรีก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักอก

“เฮ้อ เวรกรรมของแกแท้ๆ เลยตี้เอ๊ย มาเกิดอะไรในครอบครัวแบบนี้หนอ”

คนใกล้ชิดของลูกสาวอีกคนก็ไม่วายต้องถูกสองสามีภรรยาสอบปากคำ

ถิรมันยังอยู่ในชุดนอน ตอนเดินออกมาเปิดประตูให้แขกผู้มาเยือน ช่างสักชื่อดังยังเปิดปากหาววอดใหญ่ใส่ไปหนหนึ่ง

คนอายุน้อยกว่ายกมือขึ้นแนบอกเพื่อทำความเคารพ “สวัสดีครับ มาหาผมเช้าๆ แบบนี้มีอะไรหรือเปล่า นี่ผมก็ตั้งใจจะเตรียมตัวไปงานแล้ว”

หญิงวัยกลางคนหน้าเคร่งเครียด เอ่ยเรียกพี่ชายคนสนิทของลูกสาวเสียงเบา “จีน”

“ครับ?”

“เราเห็นตี้บ้างหรือเปล่า”

ใบหน้าคมคายมีความฉงนฉายชัด “เห็น? เห็นอะไรนะครับ”

“น้องตี้น่ะ เราเห็นน้องบ้างหรือเปล่า”

ถิรมันส่ายหน้าช้าๆ “ไม่เห็นนะครับ ผมยังไม่ได้ไปที่บ้านงานเลย เพิ่งจะตื่นก็ตอนที่น้ามาปลุกนี่แหละครับ”

ลมหายใจแสนหนักอึ้งถูกพ่นออกโดยหญิงวัยกลางคน “น้าจะพูดอย่างไม่อ้อมค้อมเลยนะ ตี้หายไปจากบ้านน่ะ”

ช่างสักที่ได้ฟังข่าวร้ายก็เผลอเบิกตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องถามเสียงหลง “อะไรนะครับ!?”

คู่สนทนาพยักหน้าอย่างเชื่องช้า “น้องหายไปจากบ้าน น้าไม่มั่นใจว่าไปตั้งแต่ตอนไหน แต่น้าตื่นมาตอนเกือบๆ ตีห้า น้องก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว หากันจนทั่วก็ไม่เจอ”

สีหน้าและแววตาของช่างสักเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร

วิภาพรเสริม “นี่ก็จะถึงเวลางานแล้ว ยังไม่เจอน้องเลย พวกช่างแต่งหน้าทำผมมาถึงบ้านกันสักพักแล้ว น้าก็ต้องให้กลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นคนอื่นได้รู้แน่ว่าตี้หายไป”

“เดี๋ยวผมไปช่วยหาอีกแรงครับ ถึงน้องหนีจริงๆ ผมก็มั่นใจว่าคงอยู่ละแวกบ้านนั่นแหละครับ”

“น้าก็คิดแบบนั้น ลำพังตี้คนเดียวน่าจะไปไหนไม่ได้ไกล แต่ถ้ามีคนช่วยก็ไม่แน่”

ถิรมันมุ่นคิ้ว “น้าคิดว่าใครช่วยตี้ครับ”

“จะใครเสียอีกล่ะ ก็พิ้งไง มันต้องรู้แน่ๆ ว่าตี้ไปไหน แต่ไม่ยอมบอกน้า”

ชายหนุ่มเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะโบกมือไปมา “ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ ผมว่าที่ด่วนที่สุดคือการหาตัวตี้ให้เจอ ถ้าอย่างนั้นผมจะพยายามขับรถหาแถวๆ บ้านให้นะครับ”

วิภาพรรับน้ำใจจากเด็กหนุ่มอย่างไม่อิดออด ก่อนไปยังมิวายสอบถาม “น้องไม่เคยพูดอะไรกับเราเลยเหรอจีน”

“เรื่องไหนครับ”

“เรื่องที่จะหนีงานแต่ง”

เขาส่ายหน้าประกอบคำพูด “ผมก็พอจะรู้นะครับว่าตี้ไม่อยากแต่งงานกับเสี่ยคิด แต่ไอ้เรื่องที่จะหนีเนี่ย ไม่เคยได้ยินเข้าหูเลย ที่จริงตี้ยังเคยหยอกว่าไม่ได้เข้าคอร์สเจ้าสาว กลัวว่าวันแต่งจะไม่สวย ไม่น่าจะคิดหนีได้ แต่ผมว่าเราค่อยคุยดีกว่าครับ ไปตามหาน้องให้เจอก่อนน่าจะดีกว่า”

หล่อนพยักหน้าระรัว “น้าฝากเราช่วยอีกแรงนะจีน”

“ยินดีครับ”

คล้อยหลังการไปของคนทั้งสอง ถิรมันก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน คว้าบุหรี่มาอัดควันเข้าปอดอย่างสบายอารมณ์ ก้าวแต่ละก้าวที่ใช้เดินก็หาได้เจือความเร่งรีบแต่อย่างใด เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางหาตัวเจ้าสาวเจออยู่แล้ว แม้จะต้องพลิกแผ่นดินโพธารามก็ตาม

ในเมื่อเขาเป็นคนช่วยเปิดกรงให้นกน้อยบินหนีไปเองกับมือ


“ตี้หายไป!?”

สุ้มเสียงกัมปนาทดังสะท้านไปถึงกระดูกคนฟัง

สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจปกปิดความจริงได้นาน...

เมื่อหาเท่าไรก็ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของรติรส โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และข้าวของทุกอย่างยังอยู่ดี ไม่มีการเคลื่อนย้าย เธอไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปสักอย่าง รถมอเตอร์ไซค์ก็ยังจอดอยู่ที่เดิม หากเดินเท้าก็คงไปได้ไม่ไกลนัก ทว่าหาอย่างไรก็ยังไม่เจอตัว

อีกใจก็คิดว่าใครกันจะให้การช่วยเหลือ ในเมื่อรติรสรู้จักคนไม่มากนัก และทางครอบครัวก็มั่นใจว่าคนที่นี่ย่อมต้องเกรงกลัวอำนาจของพศุตม์ ยากนักที่จะกล้าต่อกรด้วย

แม้แต่พันราตรีที่ต้องสงสัยในคราแรกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเจ้าสาว เจ้าหล่อนก็มาช่วยตามหาอีกแรง และเมื่อขบคิดดูแล้ว อีกฝ่ายคงไม่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับคนอย่างพศุตม์

พิธีวิวาห์ถูกจัดขึ้นทั้งที่บ้านหลังใหญ่ของเจ้าบ่าวและบ้านของเจ้าสาวเอง พิธีทางศาสนาช่วงเช้านั้นเรียบง่าย จึงถูกจัดที่บ้านเจ้าสาว ส่วนงานเลี้ยงในช่วงค่ำถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าบ่าว พื้นที่ภายในบ้านของเขานั้นมีเหลือเฟือ ต้อนรับแขกเหรื่อนับร้อยได้โดยไม่เดือดร้อน

ผู้คนที่ใครๆ ต่างก็ยำเกรงก้าวเดินเข้ามาด้านในด้วยใจที่ชื่นมื่น หวังได้พบรติรสในชุดไทยที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นการสั่งตัดใหม่ทั้งชุด เขาหลงใหลได้ปลื้มหญิงสาวผู้นี้เข้าเต็มเปา จึงอยากทุ่มให้หมดหน้าตัก ประเคนให้ทุกสิ่งอย่างที่สามารถมัดใจอีกฝ่ายได้

เขาไม่หวังเพียงแค่ร่างกายของเธอ แต่โลภมากถึงขั้นอยากครอบครองหัวใจ

พศุตม์ให้รติรสได้ทุกอย่าง ชื่อเสียง เงินทองหรืออำนาจ ที่หากมีไว้ ใครก็ต้องก้มหัวให้แต่โดยดี รวมไปถึงนามสกุลและทรัพย์สมบัติมากมายที่ไม่เคยคิดยกให้หญิงใด เขากลับมอบมันให้ผู้หญิงนามว่ารติรส

ผู้หญิงที่เขาหวังว่าจะมีทายาทร่วมกัน

ผู้หญิงที่บังอาจตอบแทนความทุ่มเทของเขาด้วยการหนีงานแต่ง

ผู้หญิงที่จะต้องชดใช้ที่กล้าทำแบบนี้กับเขา!

วิภาพรแทบจะหลั่งน้ำตาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับว่าที่ลูกเขย “จ้ะ น้องหายออกไปจากบ้าน พวกเราช่วยกันตามหาตั้งแต่เช้าแต่ก็ไม่เจอ”

นาทีนี้มันคงเป็นความลับไม่ได้อีกต่อไป ในเมื่อมีคนนอกที่หวังมาร่วมงานอยู่ในเหตุการณ์สำคัญด้วย และหล่อนจนปัญญาจะปิดบัง เมื่อคนที่เผชิญหน้าคือพศุตม์

หนุ่มใหญ่ตวัดตามองผู้พูดราวจะกินเลือดกินเนื้อ “หมายความว่ายังไง”

“กะ...ก็หมายความว่าน้องหายไป”

“ไม่ใช่!” พศุตม์ตวาดลั่น ทุกคนที่อยู่ทั้งนอกและในบ้านต่างก็นิ่งงันไปตามๆ กัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังไม่กล้าให้ดังกระทบหูของเจ้าบ่าว “หายไปตั้งแต่เช้า?”

หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน

“แล้วทำไมไม่บอก”

“คิดว่าจะหาเจอก่อน-”

“แล้วเจอไหม!” เขายังตะคอกใส่คู่สนทนาอย่างไม่อาจยับยั้งอารมณ์ได้ อันที่จริงอยากจับทุกคนตรงหน้ามาฉีกให้เป็นชิ้นๆ เสียมากกว่า กล้าดีอย่างไรถึงปล่อยให้รติรสหายไป นัยน์ตาดุดันตวัดไปทางเหล่าลูกน้อง เสียงทรงอำนาจดังขึ้นอีกหน “ไปตามหามันให้เจอ แล้วลากคอมาให้กู”

หากคิดจะตอบแทนกันเช่นนี้ เขาก็จะสนองให้รู้ซึ้งว่าใครกันที่แน่...เขาหรือเธอ

“ไสหัวกลับไปให้หมด”

สิ้นคำสั่งของพศุตม์ ผู้คนจำนวนหลายสิบก็ตั้งท่าจะเดินออกจากบ้าน ทว่าเสียงเย็นยะเยือกกลับดังเข้าโสตประสาทอีกหน

“งานแต่งถูกยกเลิกแล้ว แต่ถ้าจะมีงานก็คงเป็นงานศพ ถึงวันนั้นก็มาร่วมงานกันเยอะๆ ล่ะ ไอ้ตี้จะได้ไม่เหงา”

เพียงไม่กี่นาที บ้านทั้งหลังก็หลงเหลือเพียงบุคคลในครอบครัวกับพศุตม์เท่านั้น ที่นอกจากเขาแล้ว ทุกคนล้วนถูกความกลัวจู่โจมเข้าอย่างจัง มือไม้สั่นเทาจนมิอาจควบคุมได้ เหงื่อผุดขึ้นบนกรอบหน้า ซี่ฟันกระทบจนเกิดเสียง

เรื่องง่ายๆ อย่างการกลืนน้ำลายลงคอกลับเป็นยากเย็นเกินความสามารถ

ทั้งสี่ชีวิตรู้สึกราวกำลังเผชิญหน้าอยู่กับความตาย

“พวกมึง”

ไร้การเคารพนับถือ แม้ก่อนหน้านี้ชายหญิงที่อายุมากกว่าจะเป็นถึงว่าที่พ่อตาแม่ยายของตนก็ตาม แต่เมื่อเจ้าสาวที่เขาหมายตาไว้ดันทำตัวงามไส้ เห็นทีคงไม่ต้องไว้หน้ากันแล้ว

“ปล่อยให้ตี้หนีไปได้ยังไง ดูแลกันแบบไหน”

วิภาพรยังคงทำใจดีสู้เสือ “ขอโทษจ้ะ”

“กูถามว่าปล่อยมันหนีไปได้ยังไง!”

หญิงวัยกลางคนสะดุ้งโหยง “แม่ก็ไม่-”

“อย่าเผยอตัวมาเป็นแม่กูเชียว ในเมื่อลูกมึงกล้าหักหน้ากูถึงขนาดนี้”

ความเงียบเข้ามามีบทบาท ก่อนคนอารมณ์ร้ายจะทำลายมันลง

เสียงทุ้มเจือไปด้วยโทสะ ทว่าเหมือนเจ้าตัวจะพยายามสะกดมันไว้ในที เพื่อที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆ ให้ได้ความ “มันหนีไปกับใคร”

“คนเดียวจ้ะ”

“รู้ได้ไงว่าคนเดียว เห็น?”

คู่สนทนารีบส่ายหน้า “น้องตี้ไม่ได้มีเพื่อนที่ไหน พิ้งก็ไม่ได้พาหนี จีนก็ไม่รู้เรื่อง เลยคิดว่าน่าจะไปคนเดียวแล้วก็ยังไปได้ไม่ไกลน่ะจ้ะ บางทีถ้าหาอาจจะหาเจอก็ได้ ลูกน้องเสี่ยก็ออกไปช่วยกันหาแล้ว งานอาจจะยังไม่ล่ม”

พศุตม์หัวเราะลั่น แต่จับถึงความสนุกสนานในเสียงนั้นไม่ได้เลย

“นี่คิดว่ากูจะยังแต่งกับอีเด็กนั่นอีกเหรอ กูจะไม่แต่งกับมันแล้ว และมันต้องชดใช้ที่กล้าทำกับกูถึงขนาดนี้”

หัวใจของผู้ฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่อง กูก็จะไม่เลี้ยง”

“เสี่ย ใจเย็นๆ ก่อนนะ น้าว่าน้องตี้อาจจะแค่ตื่นเต้น เดี๋ยวน้องก็กลับมา”

เขารู้สึกขบขันกับผู้เป็นแม่ที่ตั้งหน้าตั้งตาประเคนลูกสาวให้จนวินาทีสุดท้าย นึกเสียว่าทำบุญ เขาจะรับข้อเสนอ “ก็ได้”

ทุกคนจึงยิ้มออก

“ภายในหนึ่งเดือน”

เครื่องหมายคำถามลอยเด่นบนใบหน้าของสมาชิกในครอบครัว

“ถ้ายังพามันกลับมาไม่ได้ พวกมึงทุกคนก็ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ แล้วเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เอาไป ใช้ให้ครบ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ากูใจร้าย”

“เสี่ย” หญิงวัยกลางคนอดจะโอดครวญไม่ได้ เพราะเงินที่ได้รับมาจากพศุตม์นั้นไม่ใช่น้อยๆ และต่างก็ถูกนำไปแปลงเป็นสินทรัพย์อย่างอื่นเสียมาก ทั้งรถ ทั้งทอง การจะให้ชดใช้คืนนั่นถือเป็นฝันร้ายชัดๆ และที่น่าหนักใจที่สุดคงไม่พ้นที่ซุกหัวนอน ที่ ณ เวลานี้เป็นชื่อของพศุตม์

เพราะคิดว่าอย่างไรเสียรติรสก็ได้ตบแต่งกับอีกฝ่าย จึงเลินเล่อจนเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ หล่อนปรามาสความคิดความอ่านของลูกสาวคนสุดท้องเกินไป สุดท้ายจึงเป็นภัยแก่ตน

“แต่ถ้ามันกลับมาภายในหนึ่งเดือน ก็ถือเป็นโมฆะ”

“พวกเราจะยังอยู่ที่นี่ได้ใช่ไหมจ้ะเสี่ย”

ชายผู้เต็มไปด้วยโทสะพยักหน้ารับ “แต่ถ้าถึงวันนั้นมันจะไม่มีงานแต่ง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส ไม่มีอะไรเลย มีแค่อีตี้ที่ต้องมาเป็นเมียกูโดยที่มันจะไม่ได้อะไรสักอย่าง แม้แต่จะเลิกก็ไม่มีสิทธิ์”

รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของคนในครอบครัว เหมือนอย่างที่มันไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าคร้ามคมแสนดุดันของผู้มีอิทธิพล

“ชีวิตของมันจะเป็นของกู จะอยู่หรือตายก็เลือกไม่ได้ เพราะกูจะเลือกให้เอง”

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว