เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK-บทที่10│เปิดสภาหัวใจ (1)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่คิดจะรัก EBOOK

บทที่10│เปิดสภาหัวใจ (1)

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

สิบสี่มีนาคมถือเป็นวันชี้ชะตาของบ้านพรมพินิจ

ผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังว่าที่เจ้าสาวหนีงานแต่งไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งสี่ชีวิตพยายามช่วยกันค้นหาทุกซอกทุกมุมของโพธาราม แม้ว่าการต้องออกจากบ้านไปเผชิญหน้ากับผู้คนเป็นเรื่องที่ไม่อยากทำมากก็ตามที แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว เพราะอายตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน

ทั้งสี่คนต่างรู้ว่าพศุตม์พูดจริง เขาพร้อมที่จะเฉดหัวทุกคนออกจากบ้านหากยังไม่สามารถหาตัวรติรสเจอภายในเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่นานนัก อย่างเช่นตอนนี้ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว ทว่ากลับไม่มีวี่แววที่จะหาตัวรติรสพบเลย

รจเรขเดินกระแทกเท้ามาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา หลังจากตามหาน้องสาวตัวดีมาทั้งวันแต่ก็ยังไม่เจอ “แม่ นี่เราจะต้องอยู่กันไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน หนูจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะ”

ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้น หล่อนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กับข้าวที่นำเข้าปากหาความอร่อยไม่ได้ ก่อนนอนก็หอบความวิตกกังวลเข้าห้อง ตื่นมาตอนเช้าก็หวังว่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน แต่มันไม่อาจเป็นอย่างนั้น เพราะความจริงที่ต้องตื่นมาตามหารติรสคอยตอกย้ำอยู่เสมอว่าชีวิตหล่อนถึงคราววิกฤตแล้วจริงๆ

หล่อนเครียดจนไม่เป็นอันทำอะไร ในขณะที่เวลาก็เดินหน้าอย่างไม่คิดหยุดพัก

“อีตี้มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนของมัน ทั้งพวกเรา ทั้งคนของเสี่ยคิดถึงตามหาไม่เจอสักที”

เอกภพเอ่ย “หรือจริงๆ แล้วตี้ไม่ได้อยู่ที่โพธาราม”

หล่อนมองสามีตาขวาง นึกค่อนขอดสติปัญญาอีกฝ่ายอยู่ในใจ “ถามจริงๆ เถอะว่าคนอย่างมันจะออกจากที่นี่ได้ยังไง รถก็ไม่ได้เอาไป เงินติดตัวจะมีสักกี่บาทเชียว กระเป๋าข้าวของเครื่องใช้มันก็อยู่ในห้องทั้งนั้น แปลว่ามันต้องอยู่ที่นี่นี่แหละ แค่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงไหน”

ทว่าเอกภพไม่คิดเช่นนั้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ภรรยาก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“แต่อีกไม่นานหรอก คนของเสี่ยคิดมีเป็นร้อยเป็นพัน ยังไงก็ต้องตามตัวมันเจอ”

“แล้วถ้าตี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”

“โอ๊ย! นี่ก็พูดจัง รำคาญ บอกว่าอยู่ที่นี่ก็ต้องอยู่ที่นี่ อีเด็กนั่นมันสิ้นไร้ไม้ตอกจะตาย จะเอาปัญญาที่ไหนไปอยู่ที่อื่น”

ปกติรจเรขก็อารมณ์ร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เอกภพคิดว่าอาการน่าจะหนักกว่าเก่า แต่เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ มีแต่ต้องยอมเป็นสนามอารมณ์ให้แก่คนรัก

“ก็อาจจะมีคนมาช่วยไง”

สาวเจ้าส่ายหน้าพัลวัน “ไม่มีหรอก ใครมันจะกล้ากระตุกหนวดเสืออย่างเสี่ยคิด คนโพธารามรู้ดีว่าเสี่ยเขาแน่ขนาดไหน ใครทำอะไรโง่ๆ ก็หาเรื่องตายชัดๆ”

เอกภพเงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ย “ถ้าไม่ใช่คนที่นี่ล่ะ อาจจะกล้าหรือเปล่า”

ความไม่สบอารมณ์ยังคุกรุ่นอยู่ตลอด แต่คำพูดของสามีก็คล้ายจะหันเหความสนใจในห้วงอารมณ์ของรจเรขให้เปลี่ยนทิศทาง หล่อนเริ่มฉุกคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นเช่นที่เอกภพบอกก็ได้

คนของพศุตม์มีจำนวนมาก ไหนยังชาวบ้านชาวช่องที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาอีก ทว่าก็ยังไม่มีใครได้เบาะแสของรติรสเลย

น้ำเสียงของสาวเจ้ามีความลังเลปะปนอยู่ “แต่มันไม่รู้จักใครนี่”

“แต้วไม่ได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตี้นะ” เขากล่าวเพื่อย้ำเตือน “พวกเราไม่ได้รู้จักน้องมันดีขนาดนั้นหรอก เราจะรู้ได้ไงว่าตี้รู้จักหรือไม่รู้จักกับใคร วันๆ ตี้แทบไม่ได้อยู่บ้าน เอาแต่ขลุกตัวที่ร้านสัก แล้วแต้วก็รู้นี่ว่าร้านไอ้จีนมันดัง คนจากต่างถิ่นมากันเยอะแยะ บางที...”

ชายหนุ่มละไว้ในฐานที่เข้าใจ ทำให้รจเรขเบิกตาโต

“จริงด้วย แต้วก็คิดอยู่แล้วว่ายังไง๊ยังไงไอ้จีนมันจะต้องรู้เรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่มันจะไม่รู้ว่าอีตี้จะหนีไปไหน เผลอๆ เป็นมันนั่นแหละที่ช่วยให้ไอ้เด็กนั่นหนีงานแต่ง” หลังตั้งข้อสันนิษฐานเสร็จสรรพ หล่อนก็หันไปทางมารดา “แม่คิดว่าไง”

วิภาพรเหม่อลอย จนบุตรสาวคนโตต้องเรียกย้ำถึงสองครั้งสองคราถึงจะรู้สึกตัว

“ฮะ...หา ว่า”

“อะไรของแม่เนี่ย” หล่อนว่าพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “เอาเป็นว่าหนูพอจะมีทางรอดให้บ้านเราแล้ว พวกเราจะต้องหาตัวอีตี้เจอก่อนหนึ่งเดือนแน่ๆ”

หญิงวัยกลางคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักหลังเมื่อคืนได้แอบนำจดหมายของลูกสาวคนสุดท้องมาอ่าน “บางทีพวกเราอาจจะไม่เจอตี้แล้วก็ได้”

รจเรขจิ๊ปากให้ผู้เป็นแม่ “อย่ามาพูดตัดกำลังใจกันนะ ยังไงหนูก็จะหามันให้เจอ” สิ้นประโยค สาววัยสามสิบต้นๆ ก็ยันปลายเท้าขึ้น สามีที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยปากถามว่าคนรักจะไปที่แห่งหนใดกัน “ก็ไปหาคนที่จะหาอีตี้เจอไง”

เห็นว่าเมื่อครู่พูดถึงช่างสักคนดัง เขาจึงเอิ้นถาม “ไอ้จีนน่ะเหรอ”

สาวเจ้าแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ “ถ้าเป็นพวกเราคงง้างปากไอ้จีนไม่ได้”

“...”

“แต่ถ้าเสี่ยคิด ไม่แน่”


นานแล้วที่หนุ่มๆ ไม่ได้รวมตัวกันที่ร้านเหล้า วันนี้จึงถือเป็นฤกษ์งามยามดี

พรุ่งนี้จีรกิตติ์จำเป็นต้องขับรถไปยังจังหวัดบ้านเกิด ทำให้ไม่สามารถมาสังสรรค์กับพี่ๆ ได้ หรือถึงไม่มีธุระอันใด น้องเล็กก็คงไม่กล้ามาอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่ากำแพงมีหู ประตูมีช่อง เรื่องนี้จะต้องลอยเข้าหู ‘พ่อ’ อย่างแน่นอน และคุณพ่อลูกสามคงจะเละเป็นโจ๊กหากไม่ยอมเข็ดหลาบจากครั้งที่แล้ว

ดิฐากรเป็นหนุ่มโสด ไม่มีพันธะ ซ้ำยังสิงอยู่ที่ร่ำเมรัยอยู่ทุกคืน แต่วันนี้ผู้จัดการหนุ่มกลับไม่ประจำอยู่ที่ห้องทำงาน แต่มานั่งร่วมโต๊ะกับว่าที่คุณพ่ออย่างชยางกูร และเพื่อนสนิทที่แม้จะโสดแต่ก็มีพันธะล่ามคอไว้ โดยที่เจ้าตัวเป็นฝ่ายนำโซ่นั้นคล้องคอให้ตัวเองเสร็จสรรพ

ไม่มีใครทำร้ายมัน ได้เท่ามันทำร้ายตัวเองอีกแล้ว...ไอ้เพื่อนหน้าโง่

“อยู่ดีไม่ว่าดีนะมึง”

ดิฐากรชอบคนสวย และรติรสก็เป็นคนที่สวยมาก ทว่าก็เป็นแค่ความชื่นชอบเท่านั้น อีกอย่างได้แหย่เพื่อน เขาคิดว่ามันน่าสนุกดี

อรัณย์ปรายตามองเพื่อนสนิท พรูลมหายใจออกอย่างเหนื่อยล้า “ด่ากูเยอะๆ เลยเถอะ เผื่อได้สติ”

“ก็ไม่ทันแล้วไหม ด่าไป น้องตี้ก็อยู่กับมึงแล้ว”

“...”

“คิดยังไงไปพามาอยู่ด้วยวะ”

คนถูกถามมุ่นคิ้วใส่ “วันนั้นมึงบอกให้กูช่วย”

“ก็ถูก แต่ไม่คิดว่า ‘ช่วย’ ที่ว่าคือการพามากกอยู่ที่บ้านแบบนี้ อีกอย่างกูก็ไม่คิดว่าน้องสาวเพื่อนที่มึงหมายถึงจะเป็นคนสวยโพธารามของกูด้วย”

พี่ใหญ่ที่เงียบอยู่นานเพราะมัวแต่แชทคุยกับภรรยาก็ได้ทีพูดบ้าง “เดี๋ยวพ่อโปรดของมึงก็กินหัวหรอก”

“แหย่เล่น” ผู้จัดการร่ำเมรัยไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนหันไปทางเพื่อนสนิท “กูคิดว่าแค่ช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่นี่มึงถึงกับชิงตัวเจ้าสาว กลัวอายุยืนขนาดนั้น”

อรัณย์ได้แต่หัวเราะให้กับคำพูดของเพื่อน

ว่าที่คุณพ่อยื่นมือถือมาตรงหน้าหนุ่มโสดที่มีพันธะ “ไอ้ส้มได้แม่ย่าอีกคนละ”

หนุ่มรุ่นน้องมองไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า ที่มีภาพของรติรสกำลังเกาพุงให้เฉือน้อยปรากฏแก่สายตา ก่อนที่เจ้าของเครื่องมือสื่อสารจะดึงมือกลับไป เพราะเขาทำตามคำสั่งเมียเรียบร้อยแล้ว

กุสุมาลย์เกรงว่าอรัณย์อาจจะเป็นห่วงว่า ‘น้องสาวเพื่อน’ จะอยู่ไม่ได้ หลังเขาตัดสินใจจะไปดื่มกินกับกลุ่มของตน ทว่าก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะปล่อยให้รติรสอยู่ที่บ้านหลังนั้นเพียงลำพัง ไหนๆ แล้วชยางกูรเองก็จะไปด้วย ถึงได้พาไปฝากไว้ที่กุสุมาลย์มอเตอร์ ด้านเจ้าของร้านท้องโตจึงส่งหลักฐานให้ดูว่ารติรสอยู่ได้ มิหนำซ้ำยังเล่นกับเจ้าเหมียวอย่างสนุกสนานอีกด้วย

ชยางกูรว่าอย่างหน่ายใจ “มันดีกับทุกคน เว้นกู”

“แมวส้มก็งี้ กำแหงจะตาย”

พี่ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผู้จัดการร้านเหล้า “แต่ก้านยังบอกว่ามันเป็นเด็กดี” ผู้พูดแค่นหัวเราะในลำคอ “ดี ดีแค่ไหนที่มันยังไม่วางแผนฆาตกรรมกู”

ดิฐากรพ่นเสียงหัวเราะอย่างนึกขบขัน เสมองไปทางเพื่อนสนิท “กับเด็กไอ้อาร์มมันก็ดีด้วยเหรอเฮีย”

“ดีแหละ นอนให้สาวเกาพุงสบายใจเฉิบ”

ความผิดปกติที่สองหนุ่มจับได้คืออรัณย์ไม่ยอมลุกมาแก้ต่างให้ตัวเองเหมือนอย่างทุกครั้ง ยอมให้รติรสถูกนิยามว่า ‘เด็กไอ้อาร์ม’ เสียอย่างนั้น

“อาร์ม”

“ครับ”

“ถามจริงๆ เลยนะ ไม่ได้จะล้อหรืออะไรด้วย” เขามองพี่ชายอย่างไม่คิดหลบสายตา เพื่อสื่อว่าอนุญาตให้ตั้งคำถามได้ แต่เขาจะตอบไหมนั่นก็เป็นอีกเรื่อง “ทำไมมึงถึงซื้อรถให้ตี้ แค่เพราะอยากเอาชนะที่นายปรามาสไว้”

“...”

“หรือเพราะมึงแพ้ทางเขา”

อรัณย์ได้แต่จดจ้องพี่ชาย ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะขยับเพื่อตอบคำถามโดยไม่คิดปิดบัง “แพ้ทางเขา”

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว