เธอ...ที่ไม่เข้าตา-ไม่เข้าตาที่สิบ : ทิวเขาและเราสอง (4)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่เข้าตา

ไม่เข้าตาที่สิบ : ทิวเขาและเราสอง (4)

ภายในห้องโดยสารมีเสียงผิวปากสบายอารมณ์จากสารถี มือข้างขวาจับยึดไว้ที่พวงมาลัย มือข้างซ้ายตบลงบนหน้าขาของตัวเองตามจังหวะเพลง ‘แต่งครับ’ ที่เขาเป็นฝ่ายเปิด

เขาเหลือบตามองเธอบ่อยครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามคม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาคาดโทษจากแฟนสาว ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นว่าเขาจะสะทกสะท้านแต่อย่างใด ยังคงปั้นหน้าระรื่นฮัมเพลงต่อ

“ผมไม่เคยพูดเล่นครับ ผมรักจริงกะแต่งครับ”

เธอกลั้นยิ้มที่ถูกหยอกเอิน ทว่ายังทำตาขวางใส่ศิลปินจำเป็น ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากใจอ่อนให้คนนิสัยไม่ดี เขารังแกเธอจนหมดเรี่ยวหมดแรง แม้แต่แรงจะเดินกลับมาที่รถยังไม่มี หากเขาไม่ให้ขี่หลังเห็นทีจะลำบาก และการที่เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะเขาทั้งนั้น

ในขณะที่เธอแทบสลบ เขากลับฮึกเหิม ยิ่งเห็นท่าทีสบายอารมณ์เช่นนั้นก็ยิ่งโมโห

กุสุมาลย์หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า เขาสูบวิญญาณเธอไปตามใจปรารถนา บอกว่าต้องใช้ให้หมดกล่องก็หมดจริงๆ กว่าจะเสร็จกามกิจขาเธอสั่นจนยืนไม่ไหว แรงจะตวัดขาในน้ำตอนกลับฝั่งยังไม่มี เช่นนั้นแล้วตอนนี้จึงอยากพักผ่อนเป็นอย่างมาก

ชื่อของเธอถูกเปล่งออกจากปากชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย กุสุมาลย์ขานรับทั้งๆ ที่เปลือกตายังคงปิดสนิท “อือ ว่า”

“ที่บอกว่าให้ไปต่อที่บ้านยังไม่เปลี่ยนใจนะ”

ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลง แห้วเสียงใส่อย่างกับพวกเจ้าอารมณ์ “เฮีย!”

เขายังคงใจเย็น ในสายตากุสุมาลย์นั่นคือที่สุดของความน่าโมโห

“อะไร ก็ก้านบอกเอง จำไม่ได้เหรอ”

“ใช่ ถ้าเฮียทำที่น้ำตกแค่หนึ่งซอง ไม่ใช่หนึ่งกล่องน่ะ”

เขาไหวไหล่ราวไม่ยี่หระกับคำพูดของเธอ “ไม่สนอะ ก็พูดเองทำไมล่ะ”

ไฟราคะจบลง หลงเหลือเพียงไฟโทสะที่แทบเผาผลาญทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลอง

“ถ้ามีแรงเหลือเยอะนักก็ลงไปเดินไป ออกกำลังกาย เดี๋ยวรถนี่ก้านขับกลับเอง” ว่าพร้อมกระแทกลมหายใจใส่หนึ่งครั้ง “เจอกันที่บ้านนะ”

คนโดนไล่หัวเราะอย่างนึกขบขัน “ไม่ชอบออกแบบนี้อะดิ ชอบออกอีกอย่างมากกว่า”

“ออกนี่ออกแบบไหนอ่า...” กุสุมาลย์แกล้งเย้าเสียงหวาน อารมณ์ที่เปลี่ยนไวกว่าสีจิ้งจกทำให้คนฟังมุ่นคิ้ว “ออกไปนอนนอกห้องหรือเปล่าน้า”

ในขณะที่สาวเจ้าหัวเราะ เขากลับยิ้มไม่ออก

“ก้าน อย่าล้อเล่น”

“ไม่ล้อเล่น” เสียงคุ้นหูของคนรักมีความจริงจังบรรจุไว้ทุกส่วน “ก้านไม่ไหวนะ ถ้ายังจะรังแกกันอีกจะฟ้องแม่แล้ว จะให้แม่ไล่เฮียไปนอนตบยุงหน้าทีวี”

เขารู้จักถอย พยายามปั้นหน้ายิ้ม “เฮียก็แค่หยอก ใครจะไปคึกขนาดนั้นเล่า”

กุสุมาลย์แค่นเสียงขึ้นจมูก “ไม่ เฮียไม่ได้หยอก”

“...”

“...”

“ขอโทษครับ สำนึกผิดแล้ว”

ท้ายที่สุดแล้วกุสุมาลย์ก็ได้พักผ่อนโดยไม่มีการรบกวนใดๆ เกิดขึ้น


แพลนไว้ว่าจะกลับวันพฤหัสบดี เพราะต้องไปน้ำตกทีลอซูต่อ แต่หลังประสบพบเจอ ‘เหตุการณ์สูบวิญญาณ’ ในน้ำตกไปนั้น เธอสารภาพว่ารู้สึกเข็ดหลาบ สุดท้ายจึงปักหลักอยู่ที่บ้านของเขาต่ออีกหนึ่งวัน แล้ววันศุกร์ค่อยเดินทางกลับนครนายก วันนี้เธอจึงถือโอกาสไปเยือนร้านกาแฟของมริศาตามคำเชิญชวนของอีกฝ่าย

ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงที่หมาย ลูกค้ามีพอประมาณ ไม่ถึงกับหนาตา

เจ้าของร้านที่เห็นลูกค้าวีไอพีเดินเข้ามาในร้านก็รีบโบกมือทักทาย “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว”

กุสุมาลย์ยิ้มรับ “ที่จริงจะมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่ติดธุระ เลยมาวันนี้แทน”

“อ้อ แต่นี่จะกลับกันแล้วใช่ไหม”

เธอส่ายหน้า “กลับพรุ่งนี้ค่ะ” เจ้าของร้านยังถามกลับเพราะจำได้ว่าคู่รักจะเดินทางวันพฤหัสบดี เพื่อไปต่อยังสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด กุสุมาลย์เพียงตอบสั้นๆ ว่าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว แต่ไม่คิดจะลงรายละเอียดอันใด ใครจะกล้าเล่าว่าไยเธอจึงขยาดน้ำตก

น้ำตกน่ะไม่เท่าไร แต่น้ำอย่างอื่นนี่สิ เล่นเอาหมดแรง

“ถ้างั้นจะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ชงให้อร่อยที่สุดเลย ไม่ติดใจทีลอซู ติดใจกาแฟพี่ก็ยังดี ก้านจะได้มาอีกบ่อยๆ”

หลังสั่งเสร็จสรรพ ทั้งเธอและเขาก็เดินไปนั่งโต๊ะริมสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว ระหว่างรอ กุสุมาลย์ก็คว้าเครื่องมือสื่อสารมาเลื่อนดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย ด้านชยางกูรก็ไม่ต่าง ตั้งแต่มาที่นี่เขาไม่ค่อยได้จับมือถือสักเท่าไรนัก ด้วยรู้ว่าไม่มีงานอะไรสำคัญเข้ามาอย่างแน่นอน งานที่รีสอร์ทก็มีรองผู้จัดการคอยดูแล ปราชญาธิปเองก็อนุมัติวันลาโดยไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ

เพียงแค่เขาขอลาหยุดเพื่อพากุสุมาลย์มาที่บ้าน เจ้านายก็อนุญาตโดยไม่ถามสักคำว่าจะลากี่วัน พอเขาบอกไปว่าลาหนึ่งสัปดาห์ ถึงได้ถาม ‘พอเหรอ’ เป็นเจ้านายที่ประเสริฐยิ่งกว่าใคร อาจจะเพราะปราชญาธิปเป็นคนติดเมีย อัสมาไปไหน เจ้านายเขาเป็นต้องอยู่ที่นั่น ห่างกันไม่ได้ พอเขาลาเพราะพาเมียกลับบ้าน เจ้านายถึงไม่คัดค้านอะไร

ทว่าข้อความที่ถูกส่งมาจากปราชญาธิปเป็นเหตุให้เผลอมุ่นคิ้ว กุสุมาลย์ที่เหลือบตามามองพอดียังไม่วายทำแบบเดียวกัน “มีอะไรหรือเปล่าเฮีย”

นิ้วโป้งแตะไปที่ห้องแชทของปราชญาธิป ปากก็เอ่ยบอกกับคนตรงหน้า “นายไลน์มา”

“เรียกตัวกลับกะทันหันเหรอ”

ชยางกูรส่ายหน้า “เปล่า แค่บอกว่าถ้ากลับมาแล้วให้เตรียมจัดงานวันเกิดให้คุณอัสด้วย ปีนี้นายจะจัดให้ที่รีสอร์ท”

คนฟังพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงถามต่อ “ใกล้จะถึงวันเกิดพี่อัสแล้วสิ”

“ยี่สิบสาม”

กุสุมาลย์นับนิ้ว วันนี้วันที่สิบห้า ก่อนจะชูนิ้วทั้งแปดให้แฟนหนุ่ม “ก็ใกล้อยู่นะ อีกสัปดาห์ได้”

“เดือนหน้า”

“ฮะ”

“ยี่สิบสามเดือนหน้า” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ต่อให้เป็นเดือนนี้ก็ยังมีเวลาจัดเตรียมงานอย่างสบายๆ แต่พอเป็นเดือนหน้ามันออกจะมีเวลาเหลือเฟือเกินไปสักหน่อย ชยางกูรแค่นหัวเราะคล้ายระอา “ถ้าจะขนาดนี้ ไม่ให้เตรียมตั้งแต่ปีใหม่ไปเลยล่ะ”

เธอไม่ได้ออกความคิดเห็น แค่ยิ้มให้กับประโยคประชดประชันของเขาก็เท่านั้น พอดีกับที่ออเดอร์ถูกเสิร์ฟโดยเจ้าของร้าน มริศาอยู่คุยกับเธอพักหนึ่ง แต่ต้องผละออกไปเมื่อมีลูกค้าเข้าร้าน เท่าที่เห็น แม่ค้ากาแฟคุยกับเธอมากกว่าชยางกูรด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน แต่กับชยางกูรที่รู้จักกันมานานนั้นไม่ยักจะพูดอะไรมากนัก อันที่จริงหล่อนแค่ทักทายเขาพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่รู้ทำไมเธอถึงนึกขำ เพียงแค่คิดว่าหากเธอไม่เดินหน้าจีบเขา และเขาเลือกที่จะรวบรวมความกล้ามาจีบมริศาแทน อาจจะแห้วก็ได้

กุสุมาลย์โน้มหน้าไปกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน “พี่มัดเขารู้ไหมว่าเฮียเคยชอบ”

“ทำไมต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว”

“ไม่ๆ ไม่ได้พูดเพราะน้อยใจหรือชวนทะเลาะ แค่อยากรู้”

เขาหรี่ตาแคบ แต่ก็ยอมตอบ “ไม่รู้หรอก ไม่ค่อยได้คุยหรือเจอกัน แล้วถามทำไม”

“มันฮาไง แค่คิดว่าถ้าเฮียจีบเขามันก็น่าจะไม่ติดอะ”

คิ้วเข้มขมวดเป็นปม

“ก็เฮียไม่เก่ง มีหวังต้องกลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแหงๆ แก่แล้วด้วย น่าเห็นใจออก”

เขายังคงเงียบงันให้กับมุกตลกของสาวน้อย เธอจึงไหวไหล่แล้วหันมาสนใจเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ แต่แล้วเสียงของเขาก็เรียกความสนใจจากเธอจนได้

“เฮียไม่เก่ง?”

ชายหนุ่มถามย้ำ เธอเข้าใจว่าเป็นเรื่องการจีบหญิงจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ

“เฮียแก่?”

หนนี้จำต้องเปิดปากอธิบาย “ก็ไม่เชิง ก้านแค่พูดในมุมของก้าน เป็นสิบปีเลยนะที่เฮียเกิดก่อน มันก็แก่ไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าพูดในมุมมองทั่วๆ ไป สามสิบห้ายังไม่แก่หรอก แบบ ไม่ได้จะตายตอนสี่สิบสักหน่อย”

ชยางกูรมองแฟนสาวที่พูดด้วยสีหน้ากลั้นยิ้มอย่างนึกหมั่นไส้ ความอวดดีของเธอมันเป็นภัยกับตัวเอง เขาคงต้องสั่งสอนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมให้รู้เสียบ้างว่ากำลังพูดอยู่กับใคร

“คิดงั้นก็ไม่ว่ากัน”

เธอยังคงไม่สำนึก “ใช่ เฮียจะมาว่าอะไรก้านล่ะ”

เขายกยิ้มที่ยากจะคาดเดา “แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี”

“...?”

“คนแก่คนนี้ทำคนเก่งก้าวขาไม่รอดมาแล้ว”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว