เธอ...ที่ไม่เข้าตา-ไม่เข้าตาที่เจ็ด : เฉือหย่าย (1)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่เข้าตา

ไม่เข้าตาที่เจ็ด : เฉือหย่าย (1)

ช่วงเช้ากุสุมาลย์ไม่มาทำงานเพราะติดธุระของที่บ้าน จังหวะนี้นับว่าทางสะดวก ความลับขั้นสุดยอดไม่มีทางรั่วไหลไปถึงหูผู้หญิงคนเดียวของอู่อย่างแน่นอน

คีรวันวางมือจากประแจที่ถืออยู่แล้วตรงไปยังวีรากรที่ง่วนอยู่กับเครื่องยนต์ของรถ ชายหนุ่มเมียหนึ่งหยุดเท้าบริเวณหน้ารถ สายตาตกกระทบที่หนุ่มรุ่นน้องเพื่อบอกว่าธุระของตนไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายให้ความสนใจอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เป็นตัวช่างเสียเอง

“มีอะไรหรือเปล่าพี่” หลังถามจบประโยคหนุ่มโสดก็หันกลับมาที่เดิม ทว่าเสียงที่เบากว่าปกติของคนมาใหม่ทำให้เขานึกแปลกใจไม่น้อย

“มากับกูหน่อย”

วีรากรเลิกคิ้วขึ้นสูง เริ่มมั่นใจว่าหนุ่มรุ่นพี่มีอะไรบางอย่างอยากคุยกับตนเป็นแน่ จึงหยั่งเชิง “ทำไม ผมยังซ่อมรถไม่เสร็จ”

“เออน่า มาเหอะ แป๊บเดียว”

สุดท้ายก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายไปยังหลังร้าน ระหว่างนั้นมีสายตาจากเตชิตมองตามจนทั้งสองหายลับในระยะที่ตนจะมองเห็น ความอยากรู้อยากเห็นตีตื้นมาเต็มอก แต่เพราะอย่างไรเสียวีรากรก็ถือเป็นเพื่อนสนิท เขาจึงไม่คิดจะตามไปแอบฟังและเลือกที่จะรอถามอีกฝ่ายมากกว่า

“มีอะไรพี่ เรื่องนี้คนอื่นรู้ไม่ได้เหรอ”

“ได้ไม่ได้มึงตัดสินใจเอาเองเถอะ”

เขายิ่งฉงนหนักกว่าเดิม “ยังไง”

“วี” คีรวันไม่ใช่คนดุ อายุมากกว่าเขาอยู่สามปี นับถือเหมือนพี่คนหนึ่ง แม้จะสนิทสนมแต่ไม่เคยก้าวล่วงเกินงาม ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจเพียงแค่ถูกเรียกขานชื่อจากปากคนตรงหน้า ความผิดตั้งแต่อนุบาลหลั่งไหลเข้าหัวไม่ขาดสาย พยายามคิดว่าตนไปทำอะไรให้โดนเล่นงานกัน หรือจะเป็นตอนที่เมาแล้วเผลอพูดจาแย่ๆ ออกไป หากแบบนั้นเขาน้อมรับความผิดอย่างไม่อิดออด เหล้าเข้าปากก็ชอบทำตัวเรื้อน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งนั้น เนื้อแท้เขานับถือคีรวันจากใจจริง “มึง-”

“พี่อย่าเพิ่ง” วีรากรรีบยกมือห้าม “ให้ผมทำใจแป๊บหนึ่ง”

คีรวันลอบถอนหายใจ “ทำใจอะไรของมึง”

“ก็แล้วพี่จะพูดเรื่องอะไรเล่า” เขาตอบพร้อมลมหายใจที่หมุนเวียนได้ไม่ทั่วท้อง “พี่ขุน มันเรื่องดีไม่ดีวะ”

“บอกไม่ถูก”

“เอ้า”

“มึง” ฝ่ามือหนาถูกยกมากุมขมับโดยไม่สนว่ามันจะเลอะหรือไม่อย่างไร แต่ตอนนี้พี่ชายอย่างเขารู้สึกเครียดไม่น้อย “ไอ้ก้าน”

ชื่อของเขาที่อยู่คู่กับกุสุมาลย์ในประโยคเดียวกันนั้นมีอิทธิพลต่อใจหนุ่มโสดที่ไม่ค่อยอยากโสด จนเขารู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างกับเด็กเพิ่งหัดมีความรัก แต่มากกว่านั้นคือความระแวง หลังประเมินสถานการณ์แล้วคิดว่าน่าจะเป็นเรื่อง ‘ไม่ดี’ มากกว่า ‘ดี’

“ชอบมัน?”

วีรากรราวถูกตีแสกหน้าด้วยไม้หน้าสามจนยืนนิ่งขยับตัวไม่ถูก เขากะพริบตามองพี่ชาย ไร้ประโยคจะเอื้อนเอ่ย ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เหมือนคนใบ้กิน

“แม่งเอ๊ย!” คีรวันสบถออกมาทันที “มึงนะมึง ผู้หญิงมีเป็นล้าน ไม่ชอบ มาชอบลิงลพบุรี ไอ้เวร ใช้ตาตุ่มมองเหรอวะ”

“ผมก็ไม่รู้ว่ามองน้องมันน่ารักตอนไหน” เขาสารภาพเสียงอ่อย เห็นทีปิดอย่างไรก็คงไม่มิดในเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาเช่นนี้ ได้ทีปรับทุกข์ไปด้วยเลย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะบอกใครสักคนด้วยกลัวความสัมพันธ์อันดีจะถึงคราวสิ้นสุด เขาไม่รู้ว่ากุสุมาลย์คิดเช่นไร หมายถึงว่า เขารู้นั่นแหละว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเกินคำว่าพี่ชาย แต่เพราะเขาคิดเลยอดจะหวังลมๆ แล้งๆ ไม่ได้ “รู้ตัวอีกทีใจแม่งก็ไปหมดละ จะให้ทำไง ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“เออ เรื่องหัวใจมันอยู่นอกเหนือการควบคุม และกูก็ไม่ได้คิดจะมาว่าหรือห้ามอะไร”

“อ้าว พี่ไม่ได้จะด่าผมเหรอ”

คนอายุมากกว่าส่ายหน้า “จะด่าทำไม ใจจริงกูเชียร์มึงมากกว่าไอ้หน้าหล่อนั่นอีก”

วีรากรอดถามไม่ได้ว่าอีกฝ่ายรู้ตั้งแต่ตอนไหน คีรวันก็ไม่คิดปิดบัง “อ้อ วันนั้นเองเรอะ ชัดขนาดนั้น?”

“มาก”

เขาแค่นหัวเราะให้กับตัวเอง “ที่ผ่านมาก้านไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ไง ผมเลินเล่อด้วยแหละ พอคิดว่าน้องมันจะอยู่อย่างนี้ไปนานๆ ก็เลยไม่ได้ทำอะไร ค่อยเป็นค่อยไป เพราะน้องมันคงมองผมเป็นพี่ ไปทำไรโจ่งแจ้งกลัวมองหน้ากันไม่ติด ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ น้องมันจะไปชอบคนอื่นเข้า”

ในฐานะพี่เขาย่อมต้องเชียร์น้องตัวเองอยู่แล้ว รู้จักกับวีรากรมานานนม ต่างกับไอ้หน้าหล่อที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ

“น่า ก้านมันไม่เคยชอบใคร มันจะไปจริงจังอะไรวะ เดี๋ยวก็เลิกเห่อ”

“ผมไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้น”

“เชื่อกูเถอะ ฝั่งนั้นก็คงไม่ชอบอะไรก้านด้วย คนแบบไอ้ก้านอะมึง ใครจะชอบ”

“ผมชอบ”

“อ่า ใช่ มึงชอบอยู่คนเดียวทั้งโลกนั่นแหละ”

เขาลอบถอนลมหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ “ฝั่งนั้นอาจจะชอบด้วยก็ได้” คำพูดนั้นทำให้คีรวันมุ่นคิ้ว “ก็คุยกันอยู่นานสองนาน ถ้าไม่ชอบ เสร็จธุระก็คงกลับเลย ใครมันจะทนคุยกับคนที่ตัวเองไม่ชอบวะพี่”

“แล้วมึงคิดว่าไอ้ก้านมันจะจีบหมอนั่นติดไหมล่ะ”

“มะ...ไม่รู้”

“ก่อนไอ้ก้านจะจีบมันติด มึงก็ชิงจีบไอ้ก้านให้ติดก่อนสิวะ โง่จริง!”


เหล้าไม่ถูกกุสุมาลย์ยกซดแม้แต่หยดเดียว!

แปลก แปลกมาก

บวรรัชทนเก็บความสงสัยไว้กับตัวไม่ได้ โพล่งขึ้นว่า “ทำไมไม่กิน”

กุสุมาลย์กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดในการหาเหตุผล “วันนี้หนูเอามอ’ไซค์มาเลยว่าจะขี่กลับเอง ถ้าดื่มเดี๋ยวพาลูกกลับบ้านไม่ได้”

“อย่าแถ ปกติมึงก็จอดรถทิ้งๆ ขว้างๆ ไว้ที่อู่ประจำ”

“คันนี้ลูกรักพี่” เธอยังคงเถียง “เอาน่า หนูก็กินกับแกล้มไง”

“มึงไม่-”

กุสุมาลย์รีบแทรกขึ้นเพื่อเป็นการปิดปากพี่ชาย “พรุ่งนี้หนูเป็นเจ้ามือ ถ้าพอใจก็กิน ถ้าถามมากไม่เป็นละ”

บวรรัชหุบปากเสียสนิท หันไปสนใจกับแกล้มและเหล้าที่อยู่ตรงหน้าแทน เสียงที่เปล่งออกมาก็มีแต่เสียงร้องเพลงเท่านั้น ด้านวีรากรที่ได้ยินไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เขารู้ว่ากุสุมาลย์มาจากครอบครัวเศรษฐี แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ถึงกับร่วง

“ไม่ต้องเลี้ยงหรอกก้าน เราเองก็เก็บเงินอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“อ้าวไอ้วี มึงจะทุบหม้อข้าวกูทำไมเนี่ย”

เขามุ่นคิ้วใส่หนุ่มรุ่นพี่อย่างบวรรัช “น้องมันเก็บเงินซื้อที่อยู่อะพี่ อย่าไปยุ่งกับเงินน้องมันเลย”

“ไม่ๆ หนูออกได้”

เธอรีบออกตัวว่าสะดวกที่จะเป็นเจ้ามือ ก่อนที่พี่ชายทั้งสองจะผิดใจกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

กุสุมาลย์เก็บเงินซื้อที่ดิน...ใครๆก็รู้ เก็บมาสี่ปีมีไม่ถึงห้าแสน ราคาที่ดินตีกลมๆ สองล้านเจ็ด ฝันนี้ยังอีกยาวไกลเหลือเกินแม่สาวน้อย

เธออยากเปิดร้านขายรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ทับเส้นกับอู่เฮียหมายที่เป็นจุดกำเนิดของช่างก้าน และยังได้ทำตามฝันอีกด้วย ที่ดินที่ว่าอยู่ในตัวเมือง ทำเลทองเสียยิ่งกว่าอะไร ปัจจุบันเป็นเพียงพื้นที่รกร้างให้จ่ายภาษีที่ดินเล่นๆ เพราะไม่มีลูกหลานคนไหนมาสานต่อ เจ้าของคือลุงของเพื่อนสนิทที่ย้ายถิ่นฐานเข้าเมืองหลวงไปอยู่กับลูกหลาน

ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมที่เล็งเห็นว่าตรงนี้เหมาะที่จะทำมาหากิน ในอนาคตคงจะเจริญเป็นอย่างมาก สี่ปีที่แล้วจึงได้แสร้งเอิ้นกับอีกฝ่ายว่าตนจะเป็นคนซื้อ ไม่อยากให้ขายตัดหน้าให้คนอื่นเสียก่อน ด้วยทางนั้นเห็นกุสุมาลย์เป็นเหมือนหลานคนหนึ่งจึงตกปากรับคำ จ่ายภาษีที่ดินมาถึงทุกวันนี้โดยไม่มีวี่แววว่าจะได้ขายสักที

สองล้านเจ็ดเชียวหนา ไม่ใช่หลักร้อยหลักพัน

ไม่รวมงบก่อสร้างที่น่าจะบานจนกระเป๋าฉีก ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหาเท่าตอนนี้ที่มันยังไม่มีให้ฉีกด้วยซ้ำ เพราะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้วว่าจะลงทุนทั้งหมดด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ขอเงินที่บ้านแม้สักสตางค์เดียว เพราะหากขอจริงๆ ฝันนั้นมันก็สำเร็จไปแล้ว แต่เพราะทำงานหาเงินเองตั้งแต่สมัยเรียน ซ้ำยังได้เริ่มงานก่อนใครเพื่อนเพราะเรียนสายอาชีพ ยอมรับว่าที่เงินเก็บมีไม่มากเพราะชอบเอาไปลงกับเรื่องเหล้า เดือนๆ หนึ่งหมดมากกว่าครึ่งของเงินเดือน ถึงกระนั้นก็ยังพยายามเก็บเงินในส่วนนี้มาตลอด

ฝันของเธอ เธอย่อมอยากสร้างมันด้วยสองมือเล็กๆ นี้

“หนูไม่ได้ตะบี้ตะบันเก็บอย่างเดียวหรอก ชีวิตยังมีมันก็ต้องใช้ซื้อความสุขความผ่อนคลายกันบ้าง”

“เออ เก็บได้เมื่อไรเดี๋ยวพี่เลี้ยงไม่อั้น” พ่อลูกสองอย่างภาคภูมิเอ่ยอย่างใจป้ำ ทำเอาน้องๆ ตาเป็นประกายกันเป็นแถบ แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงก็คงอีกนานโข ตอนนี้ยังเก็บได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาทั้งหมดด้วยซ้ำ “วันนี้เห็นที่มีคนแท็กมาในเฟส แต่งตัวซะสวย”

กุสุมาลย์ไม่ถ่อมตัว แกล้งยืดอกรับคำทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ “ก็คนมันสวย” ซ้ำยังหันไปหาแนวร่วมที่นั่งข้างกันอย่าวีรากร แถมเป็นพี่คนเดียวในกลุ่มที่อ่อนโยนกับเธอมากที่สุด “เนอะพี่”

วีรากรนิ่งไปชั่วครู่ “อะ...อื้อ สวย ในนี้ก้านสวยที่สุดแล้ว”

แม้จะประหม่าในทีแรก แต่วินาทีถัดมาเขาก็ปกปิดพิรุธได้อย่างแนบเนียน มีเพียงคนเดียวนอกเหนือจากตนเองที่จับได้ ซึ่งก็เป็นคนที่จับติดมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว วีรากรลอบถอนหายใจเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทุกคนล้วนรวมหัวแกล้งกุสุมาลย์ที่มั่นใจในหน้าตาของตัวเอง

ในความคิดของเขานั้น กุสุมาลย์ก็สวยจริงๆ

จี่หอยดังขึ้น การกลั่นแกล้งน้องเล็กจึงหยุดลง วงเหล้าหันเหความสนใจไปที่สุราและดนตรี

กุสุมาลย์ที่ไม่ได้ดื่มก็คว้าสมาร์ตโฟนมากดอะไรยิกๆ

‘วันนี้ไม่ต้องมารับ ไม่เมา กินแค่กับแกล้ม’

ไม่นานนักข้อความของเธอก็ถูกอ่าน ก่อนน้องชายจะตอบกลับในทันที

‘เป็นอะไร’

พี่สาวดื่มเป็นปกติ หากไม่ดื่มถือว่าผิดแปลกไปจากเดิม อาการน่าเป็นห่วง

วันนี้เลปกรจำเป็นต้องดีกับพี่สาวคนรองพอสมควรเพราะได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากเธอ หลังกลับจากโรงเรียนเขาแทบช็อกเมื่อเห็น Harley-Davidson Fat Bob 114 ที่ค่าตัวของน้องคันนี้นั้นมีมูลค่ามากถึงเจ็ดหลัก และมันจอดอยู่ที่บ้านพร้อมคำพูดของพี่สาวที่บอกกับเขาว่า ‘สุขสันต์วันเกิดนะผู้หมวด’ ทำเอาน้ำตาแทบไหล และน้ำตาเขาตกในทันทีเมื่อทราบว่าตัวเองต้องเป็นคนผ่อน เพราะกุสุมาลย์จ่ายได้แค่เงินดาวน์

ไม่รู้จะขอบคุณด้วยส้นตีนข้างไหนเลยล่ะครับคุณเจ๊ก้าน!

ดีที่ได้เงินทุนก้อนใหญ่จากบิดามารดามาปลอบใจไม่ให้ต้องคอยผ่อนรถจากเงินเดือนข้าราชการ แถมยังได้เดินหน้าเปิดฟิตเนสอย่างที่ตนหวังอีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเงินทุนสำหรับธุรกิจที่เขาอยากทำ แต่ต้องมาเจียดจ่ายค่าของขวัญของพี่สาว มีที่ไหน ซื้อรถให้แต่เจ้าของวันเกิดต้องผ่อนเอง

‘แค่ไม่ได้กินเฉยๆ’

‘นั่นแหละ เป็นอะไร’

‘ก็ไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่ได้กินเหล้าอะ’

‘เป็นอะไรก็บอกน้องบอกนุ่งบ้าง รอสมน้ำหน้าอยู่ครับ’

คนสวยประจำวงเหล้าเหลือบสายตาจากข้อความที่เจือความห่วงใยของน้องชายไปยังเวลาที่แสดงอยู่ใกล้ๆ ช่องตัวอักษร อีกไม่กี่นาทีก็จะสามทุ่มครึ่งแล้ว คนที่รออยู่ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย คืนนี้เธอจะหลับลงหรือ

เครื่องมือสื่อสารถูกวางไว้ตรงหน้า ข้อความของน้องชายไม่ถูกตอบกลับ มือบางเอื้อมไปหยิบถั่วโยนใส่ปากอย่างหมดอาลัยตายอยาก คนที่นั่งข้างกันอย่างวีรากรรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวของหญิงสาวเพราะมองดูอยู่ตลอด ถึงกระนั้นเขาก็คาดเดาไม่ได้เช่นกันว่าคนตัวเล็กเป็นอะไร ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนอ่านง่ายแท้ๆ ชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลานึกคิดก็รู้หมดไส้หมดพุงว่ากุสุมาลย์เป็นอะไร

“มีเรื่องเครียดเหรอ”

“เปล่า หนูจะไปเครียดอะไรเล่า” ว่าขำๆ ก่อนส่งถั่วเข้าปากอีกครั้ง ยังไม่ทันที่วีรากรจะได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อสาวเจ้าอีกสักประโยค เสียงเรียกเข้าจากมือถือของเธอก็ดังขึ้นเรียกความสนใจทั้งเจ้าของเครื่องและคนที่นั่งข้างๆ กัน เบอร์แปลกทำให้นึกสงสัยไม่น้อย ทว่าคนตัวเล็กก็กดรับอย่างไม่อิดออด “ฮัล-”

(ออกมา)

เพียงเท่านั้นสายก็ถูกตัดไป กุสุมาลย์นิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนพยายามประเมินสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนไปหมาดๆ เสียงที่ดังออกจากลำโพงเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว แม้จะเป็นคำสั้นๆ แต่กลับจำได้ขึ้นใจ

พี่เฉื่อย!

กุสุมาลย์เบิกตาโต กวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดกับรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทางก่อนถึงปากทางเข้าอู่ ร่างเล็กหยัดยืนขึ้นด้วยความรวดเร็วจนขี้เมาที่เหลือโวยวาย แต่นั่นไม่เข้าหูผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มแม้แต่น้อย มือบางเอื้อมไปคว้าแก้วเหล้าที่สัทธาภัคกำลังจะยกซดมาถือไว้แล้วกระดกรวดเดียวหมด

“หนูกินเหล้าซะแล้วล่ะพี่ๆ ขี่รถกลับบ้านไม่ได้แล้ว”

เตชิตแนะ “ผู้หมวด”

“ผู้หมวดหลับแล้ว” ปากก็พูดกับพี่ๆ มือก็คว้ากระเป๋าสะพายใบเก่ามาพาดไหล่ “แต่ผู้ชายมาแทน”

ทุกสายตาหันไปยังจุดเดียวกับที่กุสุมาลย์มองอยู่ เธอไม่รอช้ารีบโบกมือลาเหล่าช่างยนต์แล้วสับขาสั้นๆ ของตนไปยังรถคันที่ว่า ด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายรอนาน กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ

ประตูถูกเปิดออกโดยคนมาใหม่ ก่อนจะค้อมหัวเพื่อขออนุญาตแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ “ก้านยังไม่ได้อาบน้ำ ขึ้นรถได้ไหมคะ”

“ขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ ยังจะถาม”

เธอหัวเราะพลางใช้สายตาสำรวจคนที่นั่งหลังพวงมาลัย “ชุดนอนนี่ พี่จะนอนแล้วเหรอ”

เขาเงียบ ทำทีเป็นไม่สนใจเสียงของอีกฝ่ายและขับรถออกไปยังที่หมาย

“จะนอนแล้วยังมีธุระอะไรให้ต้องออกมาอีก”

นัยน์ตาคมเหลือบมองสาวน้อยในชุดช่างประจำอู่สมหมายแล้วผ่อนลมหายใจให้กับความปากมาก แค่เขามาก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่า

“มาหาอะไรกิน ดึกๆ มันหิว”

“อ้อ เลยมารับก้านไปเป็นเพื่อนน่ะเหรอ” ถามเขาไปเช่นนั้นก่อนจะพยักหน้าสนับสนุนคำพูดตัวเอง พร้อมตอบเองเสร็จสรรพ “ก้านจะไปเป็นเพื่อนพี่เอง เมื่อวานพี่บอกว่าตามนายมาทำงานที่นี่ คงจะไม่ค่อยมีเพื่อนแหละเนอะ อีกอย่างถึงมีเพื่อน ดึกๆ บางคนเขาก็เคร่ง ไม่กินกัน กลัวอ้วนบ้าง กรดไหลย้อนบ้าง สารพัด แต่พี่เลือกถูกคนแล้ว ก้านไม่กลัวอะไรเลย”

ขณะเดียวกันนั้น ข้อความจากหนุ่มรุ่นน้องอย่างอรัณย์ก็ถูกส่งไปยังพี่ใหญ่ในกลุ่มที่รีบร้อนออกจากบ้าน พอถามก็ได้ใจความว่าจะไปหาอะไรกิน ทว่าพอจะขอไปด้วยดันไม่รอกันเสียอย่างนั้น ไปนั่งคนเดียวจะไม่เหงาหรือ เมื่อก่อนตอนที่เจ้านายอย่างปราชญาธิปยังไม่มีเมีย เวลาไปกินมื้อดึกยังหนีบเขาไปตลอดเลย

สิ่งที่ขาดไม่ได้ของมื้อดึกคือเพื่อนร่วมโต๊ะ แล้วพี่เขาคิดอะไรอยู่ถึงไปคนเดียว

‘ถ้างั้นเฮียซื้อก๋วยเตี๋ยวหมูเส้นหมี่เหลืองมาเผื่อผมสักถุงแล้วกัน’

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว