เธอ...ที่ไม่เข้าตา-ไม่เข้าตาที่หก : ฤทธิ์เดชไอ้ก้าน (1)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่เข้าตา

ไม่เข้าตาที่หก : ฤทธิ์เดชไอ้ก้าน (1)

มื้อเย็นของวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นต่างจากทุกวัน เนื่องจากขวัญเรือนตั้งใจจะปิดปากกุสุมาลย์ หากลูกสาวคนรองขออะไรก็จำต้องจัดให้ เจ้าตัวขอหมูกระทะ เจ้าภาพก็ไม่ขัด วันนี้หล่อนออกไปซื้อวัตถุดิบเองทั้งๆ ที่ปกติเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน เตรียมอะไรเสร็จสรรพก็ได้แต่รอการมาของตัวตั้งตัวตีและว่าที่ลูกเขย

ขวัญเรือนและเรวัชต่างก็พึงพอใจในตัวลูกเขยคนนี้ มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่สำคัญเลยคงไม่พ้นจัดการกุสุมาลย์ได้อยู่หมัด ลูกคนนี้พูดยากยิ่งกว่าอะไร บอกซ้ายมันขวาทันที แต่หากเป็นคำพูดของชยางกูร กุสุมาลย์มักจะทำตามเหมือนพวกว่านอนสอนง่าย แล้วถ้าไม่ใช่เขยคนนี้ จะเป็นคนไหนที่ทำได้ ไม่มีอีกแล้ว

“ม้า วันเสาร์หน้าน้องมันก็แข่งแล้วใช่ไหม หรือว่าเสาร์หน้าอีกทีนะ หนูจะได้จัดการเรื่องเวรถูก”

ขวัญเรือนหันไปตอบลูกสาวคนโต “เสาร์ที่จะถึงนี่แหละ”

“ก้านมันก็เก่งเนอะ กล้าลงแข่งอะไรแบบนี้ หนูนี่แค่เวลาขี่มอ’ไซต์ธรรมดายังไม่กล้าบิดเยอะเลย กลัวล้ม” กินรีคือบุคคลขั้วตรงข้ามกับกุสุมาลย์ทุกอย่าง เธอกลัวความเร็วขึ้นสมอง ในขณะที่น้องสาวนั้นเหาะได้เหาะไปแล้ว ก่อนจะหันไปมองยังน้องชายที่นั่งกดอะไรยิกๆ ลงบนมือถือ “ช่วงนี้แกก็พอตัวนะผู้หมวด”

เลปกรเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ “ครับ?”

“แน่ะ คุยสาวเหรอ”

ช่วงนี้เขาง่วนอยู่ทั้งกับงานราษฎร์และงานหลวง งานที่สน. ก็รัดตัว เลิกงานก็ต้องไปจัดการเรื่องปรับที่ดิน ติดต่อเดินเรื่องเกี่ยวกับการสร้างฟิตเนส เพราะพ่อและแม่ช่วยออกเงินทุนให้แล้ว ที่เหลือเขาจึงอยากลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งยอมรับว่าแนวคิดนี้มีที่มาจากพี่สาวคนรองที่พยายามก่อร่างสร้างฝันของตนด้วยสองมือ ถึงยังไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เขานับถือในความตั้งใจของพี่สาวคนนี้เสมอ

ที่แชทอยู่ก็เป็นเรื่องงาน หาใช่อย่างที่พี่สาวคนโตกล่าวหาไม่

“ไม่ใช่ครับ งานทั้งนั้น”

“ใครจะไปรู้ ช่วงนี้แกออกจะเท่” น้องชายมุ่นคิ้วใส่พี่สาว “ก็ขี่รถที่ก้านซื้อให้ไง วันนั้นเจ๊ออกมาซื้อข้าวร้านหน้าโรง’บาลกับเพื่อน เห็นแกผ่านไปพอดี เพื่อนเจ๊มองเหลียวหลังเลย จนต้องบอกว่านั้นหมวดใบเองแหละ”

ตำรวจหนุ่มอมยิ้มอย่างพึงพอใจ ช่วงนี้เขาดูดีขึ้นจริงๆ คนรอบตัวก็บอก สิ่งที่ขับออร่าให้เปล่งประกายได้คงหนีไม่พ้นของขวัญจากพี่สาวที่สะดุดตาผู้คนที่พบเห็น

เรื่องรถนี่ต้องยกให้กุสุมาลย์เป็นที่หนึ่งจริงๆ ตาถึงกว่าใคร

“แต่ขี่ไวอยู่นะ ระวังด้วย อย่าเอาอย่างเจ๊ก้านของแกมาก รายนั้นมันแมวเก้าชีวิต”

“ผมก็ไม่คิดจะเล่นไล่จับกับยมบาลหรอกน่า” เลปกรบอกปัดๆ “แล้วเมื่อไรเจ๊กับเฮียเฉื่อยจะมา ผมหิ้วท้องรอตั้งแต่เที่ยง”

เพราะมารดาแจ้งไว้ว่าเย็นนี้จะทำหมูกระทะกินภายในครอบครัว มื้อเที่ยงเขาก็ทานไปไม่มาก กลัวกระเพาะเต็มแล้วจะเขมือบของอร่อยไม่ได้ กุสุมาลย์ขอกุ้งตัวใหญ่ๆ ผู้เป็นแม่ก็จัดให้เป็นกุ้งแม่น้ำเผาเกือบสิบตัว ที่เขาเดาไว้ว่าอย่างไรก็ทานกันไม่หมด ต้องเก็บไว้ทานพรุ่งนี้ด้วยแน่นอน ไหนยังเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย แต่เจ้าภาพไม่มาเสียที จนเขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

“วันนี้เจ๊เขาทำงาน รอหน่อยนะ” เป็นเรวัชที่เอ่ยกับลูกชายอย่างใจเย็น

เมื่อได้ยินสามีพูดถึงงานของลูกสาว หล่อนก็นึกถึงเรื่องวันนี้ขึ้นมาได้ “ตอนไปซื้อของที่ห้างม้าเจอเจ๊อ้อมด้วย” ขวัญเรือนหมายถึงอรอุมา ภรรยาของสมหมายที่เปิดคาร์แคร์อยู่ข้างๆ อู่ที่กุสุมาลย์ทำงาน “พอเจอหน้าม้า เขาก็ถามม้าเลยว่าที่บ้านมีแพลนจะไปเที่ยวกันเหรอ”

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก เพราะนอกจากข้าราชการทั้งสามแล้ว ตัวเขยคนโตก็ไม่ได้ว่างบ่อยๆ ต้องคอยประสานงานและคุมลูกน้องอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ค่อยว่างไปเที่ยวกันเท่าไรนัก และหากจำไม่ผิดช่วงนี้เพียรกุลยังไม่มีแพลนจะไปไหนกันเลยด้วยซ้ำ เหตุใดถึงมีคนทักเช่นนั้น

คนอายุน้อยสุดเอ่ย “แล้วพวกเราจะไปไหนกัน ก็ไม่มีนิ หรือผมลืม”

“ก็ไม่ได้ไปไหน แต่เจ๊อ้อมเขาทักเพราะรู้ว่าเจ๊เราจะลาไปตากสักสัปดาห์”

คำกล่าวอ้างของหญิงวัยกลางคนยิ่งทำให้สมาชิกคนอื่นๆ เกิดความฉงนเข้าไปใหญ่ คนบ้างานอย่างกุสุมาลย์น่ะหรือจะลางานตั้งหนึ่งอาทิตย์ นี่มันผิดปกติไปกันใหญ่แล้ว

“แต่ม้าจำที่เคยคุยกับเฉื่อยเขาได้ เป็นคนตากน่ะ ก็คงน่าจะพายายก้านไปบ้านตัวเองล่ะมั้ง”

กินรีลอบยิ้ม “ตั้งแต่มีแฟนน้องมันเปลี่ยนไปมากเลยนะ อย่างกับคนละคน”

“เปลี่ยนสิครับ” เลปกรได้ทีกัดพี่สาวสักเขี้ยว “เดี๋ยวนี้เป็นคนได้แล้ว แต่ก่อนอยู่เหมือนลิงเหมือนค่าง”

จบประโยคนั้นซีดานสีดำก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน พร้อมกับหนุ่มสาวที่ทุกคนรออยู่ กุสุมาลย์เดินเคียงข้างไปกับชยางกูร ก่อนนั่งลงยังที่ว่างที่ถูกเว้นไว้ให้สำหรับสองคน

“สวัสดีครับป๊า ม้า” ชายหนุ่มพนมมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ โดยไม่ลืมเผื่อแผ่ความนอบน้อมไปยังลูกเขยคนโตที่อายุมากกว่าตน “ขอโทษที่มาช้าครับ”

เรวัชส่ายหน้าน้อยๆ “ช้าอะไรกัน เพิ่งเตรียมของเสร็จเมื่อกี้เอง”

ชยางกูรประเมินดูแล้วก็พบว่าสถานการณ์นี้ห่างไกลกับคำว่า ‘เพิ่งเตรียมของเสร็จเมื่อกี้เอง’ แต่ก็ยอมตามน้ำไปกับความใจดีของนายแพทย์ ในขณะที่เขาทักทายและพูดคุยกับพวกผู้ใหญ่อยู่นั้น คนข้างกายก็ให้ความสนอกสนใจแต่กับกุ้งแม่น้ำตรงหน้า ได้ยินเสียงตบตีอะไรกับเลปกรไปตามเรื่องตามราว

“ไม่ๆ เจ๊จองตัวนั้น เอามาเลย”

ตำรวจหนุ่มรีบยกกุ้งตัวใหญ่สุดมาวางลงบนจานของตัวเองก่อนจะถูกแย่ง “ผมจองก่อน”

“แต่เจ๊เป็นคนสั่ง”

“ไม่สน ใครหยิบก่อนคนนั้นก็ได้ ตามคิว”

กุสุมาลย์คร้านจะเถียง เพ่งเลือกตัวที่คิดว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาตัวที่ยังไม่ถูกจับจอง เมื่อเจอแล้วก็ยกมันมาใส่จานของชยางกูร ส่วนของเธอนั้นหยิบๆ มาสักตัว ไม่ได้สนใจขนาดนัก การกระทำนั้นเรียกรอยยิ้มล้อเลียนจากสมาชิกในบ้านได้อย่างดี กลิ่นเนื้อที่ถูกย่างด้วยเตาอั้งโล่หรือก็หอมไม่สู้กลิ่นความรักของลูกสาวคนกลางและแฟนหนุ่ม

ขวัญเรือนเดาว่าตัวที่ถูกเลปกรตัดหน้าไปก่อนก็น่าจะหวังเอาไปให้ชยางกูรนั่นแล ทีกับแม่มันไม่เคยตักให้สักคำ แต่กับผู้ชายยกกุ้งแม่น้ำให้ทั้งตัว หล่อนเลี้ยงลูกสาวมาอย่างดีจริงๆ

คนตัวใหญ่ที่ถูกเอาใจต่อหน้าครอบครัวแฟนสาวก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอันใด เขาเขินจนความเห่อร้อนกระจายทั่วใบหน้าคร้ามคม เขาเลือกที่จะแก้เก้อด้วยการตักเนื้อย่างไปวางในจานของเธอ ที่ยิ่งแก้ ยิ่งเก้อ

“หวานมาก” กินรีที่ปกติไม่ค่อยชอบแกล้งยังอดปากแซวไม่ได้ “ม้าทำหมูกระทะได้หวานสุดๆ ไปเลยนะวันนี้ มดจะไต่อยู่แล้ว”

เลปกรก็เห็นสิ่งที่คู่รักทำ แล้วเขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าในนี้อยู่กันเป็นคู่หมดเลย ทั้งบิดามารดา พี่สาวคนโตและสามี พี่สาวคนรองและแฟนหนุ่ม มีเขาคนเดียวหรือที่ไม่มีใคร คนโสดต้องมานั่งในดงคู่รักเช่นนี้ จิตใจต้องแกร่งระดับไหนหนอ

เฮ้อ อยากมีเมียบ้างจัง...

เขาเหลือบตามองพี่สาวคนรอง “เจ๊”

กุสุมาลย์ส่งสามชั้นเข้าปากก่อนหันไปเลิกคิ้วใส่น้องชาย

“จะไปเที่ยวเหรอ”

“หือ”

“เมียเฮียหมายบอกกับม้าว่าเจ๊จะลาไปตากหนึ่งอาทิตย์”

เธอไม่คิดปิดบัง แต่จำเป็นต้องแก้ความเข้าใจผิด “ไม่ได้ไปเที่ยว ไปฝากตัวเป็นสะใภ้เมืองตาก”

เขาอยากรู้จริงๆ ว่าพี่สาวไวไฟได้ใคร ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้


ช่วงปลายปีที่แล้วมีข่าวว่าผู้จัดการรุ่งรัดชาจะลาออก พนักงานตัวเล็กตัวน้อยก็รู้สึกใจหายเพราะอยู่กันมานาน แต่ทันทีที่เห็น ‘ผู้จัดการคนใหม่’ ใจที่เคยหายก็กลับมาประทับร่าง มิหนำซ้ำยังเต้นในอัตราที่เร็วกว่าปกติเสียด้วย ก็ความหล่อของชยางกูรเล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างฝันหวานกันได้ไม่ยาก

เวลาจับกลุ่มคุยกัน เรื่องความหล่อและสถานะที่ไม่มีใครล่วงรู้ของผู้จัดการมักจะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจ เพราะนอกจากจะหล่อลากไส้แล้ว ชยางกูรก็ยังเป็นถึงลูกน้องคนสนิทของปราชญาธิปซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทร่วมกับสองพ่อลูกนักการเมือง ดีกรีขนาดนี้ใครจะไม่แล

ด้วยประการฉะนี้ ชยางกูรจึงเป็นที่หมายตาของใครต่อใครไปโดยปริยาย

รวมถึงสาวน้อยหน้ามนคนสวยแห่งแผนกต้อนรับอย่างวราลี ที่ก็เผลอไปตกหลุมรักผู้จัดการเข้าอย่างจัง

เมื่อเช้ามีฝนหลงฤดู แต่ก็หยุดไปตั้งแต่ช่วงสาย ไม่คิดว่าพอตกเย็นแล้วฝนก็ยังเทมาอีกหน คนที่เลิกงานแล้วก็ยังกลับบ้านไม่ได้ “ตกขนาดนี้ไม่ท่วมเลยล่ะ”

เสียงของเพื่อนสนิทเรียกให้พิมพ์พิศาหันไปมองแล้วหัวเราะน้อยๆ “ไปปักตะไคร้สิ”

วราลีหลุดยิ้ม “คนมีแฟนก็ชอบแกล้งคนโสดจังเลย”

“ไม่อยากโดนแกล้งก็รีบสละโสดจ้ะ”

หญิงสาวผ่อนลมหายใจ เธอเองก็อยากสละโสดเต็มแก่ แต่เพราะคนที่ไปแอบชอบดันเป็นถึงผู้จัดการ แค่จะเข้าหายังรู้สึกเกร็งเพราะตนเป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆ เท่านั้น ไม่น่าไปหมายตาเดือนเลย กระต่ายน้อยอย่างเธอจะปีนไปหาได้อย่างไรกัน สูงส่งออกปานนั้น

แม้ว่าชยางกูรจะวางตัวดี ไม่ค่อยดุ แต่ก็น่าเกรงขามในแบบฉบับที่ผู้จัดการพึงมี เจอหน้ากันทีๆ เธอกล้าทำเพียงสวัสดี สวัสดีมาแล้วเกือบห้าเดือน ไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่าง

“แกพูดเหมือนการหาแฟนมันง่ายอะผิง”

พิมพ์พิศายกยิ้มล้อเลียน “ฉันรู้นะว่าแกชอบใคร”

วราลีพยายามเก็บพิรุธ แม้จะรู้ว่าใครๆ ก็ชอบชยางกูร แต่ส่วนมากเป็นการปลาบปลื้มเท่านั้น ต่างกับเธอที่หลงรักเข้าเต็มเปา

“ฉันไม่เคยเห็นเขายุ่งกับผู้หญิงคนไหน พนันได้เลยว่าต้องไม่มีแฟน ถ้าจำไม่ผิดลูกน้องคุณโปรดที่มีเมียก็แค่คุณจัดคนเดียว คนอื่นๆ โสดหมด คนนี้ก็ต้องโสด เพราะงั้นนะควีน...” พิมพ์พิศาผงกหัวขึ้นลง “คงต้องลองดูสักตั้ง”

พูดยังไม่ทันขาดคำชยางกูรก็เดินออกมาจากส่วนของออฟฟิศ คนที่เห็นคนแรกคือพิมพ์พิศา หล่อนรีบสะกิดเพื่อนสนิทให้หันไปมองทางชายหนุ่ม

“ขอเขาติดรถกลับบ้านดิ มันทางผ่านเขาอยู่แล้ว”

“บ้า! ใครจะกล้า” มือเล็กๆ ฟาดลงไปที่ต้นแขนของเพื่อนอย่างหาที่ลง

คนมีแฟนหัวเราะน้อยๆ “เขาใจดีจะตาย ยังไงก็ต้องให้” ในจังหวะที่ชยางกูรจะเดินผ่านไปโดยที่เจ้าตัวก้มหน้าพิมพ์อะไรไปด้วย พนักงานต้อนรับสาวสวยก็ร้องเรียกพร้อมทำความเคารพ “สวัสดีค่ะผู้จัดการ”

ชายหนุ่มชะงักเท้า เงยหน้าจากแชทของกุสุมาลย์แล้วหันไปทางต้นเสียง “สวัสดีครับ”

“จะกลับแล้วเหรอคะ”

เขาเพียงพยักหน้าให้เป็นการรับคำ ชำเลืองไปยังพนักงานอีกคนที่ยกมือไหว้แล้วจึงค้อมศีรษะตามมารยาท

กุสุมาลย์บอกว่าในตัวเมืองฝนไม่ตก แต่ฟ้าครึ้มพอสมควร อากาศก็เริ่มเย็น เดาว่าคืนนี้ฝนคงกระหน่ำลงมาซ้ำเติมอีกเป็นแน่ สาวเจ้าก็เกิดอยากทานกระเพาะปลาร้อนๆ ขึ้นมาเสียดื้อๆ บอกว่าอากาศเหมาะกับทานของร้อน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฝ่าห่าฝนไปหาเธอ

“ฝนตกหนักมากเลยค่ะ”

ชายหนุ่มผินหน้าไปด้านนอกก่อนกลับมามองคู่สนทนา “อิทธิพลจากพายุ...” ขณะที่เขาพูด วราลีก็ลอบมองเสี้ยวหน้าผู้จัดการหนุ่มอยู่ตลอด จนกระทั่งหางตาคมตวัดมองมา ทำเอาคนแอบมองสะดุ้งโหยง “...ครับ?”

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”

“ผู้จัดการคะ” เสียงของพนักงานอีกคนเรียกความสนใจของเขา ใบหน้าคร้ามคมเคลื่อนไปตามเสียง คิ้วเข้มถูกเลิกขึ้นสูงแทนการเอื้อนเอ่ยวาจา “ถ้าจะให้ยายควีนติดรถกลับไปด้วยคนจะได้ไหมคะ”

คนที่ทุกคนมองว่าใจดีก็โค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “ไม่ได้ครับ”

ใจร้ายมาก!

“ถ้าแฟนผมรู้ว่าให้คนอื่นขึ้นรถคงจะไม่สบายใจ ยังไงคุณกับเพื่อนก็รอฝนซาแล้วค่อยกลับบ้านนะ เดินทางปลอดภัยครับ”

แล้วชยางกูรก็เดินกางร่มออกไปยังซีดานคันหรู ทิ้งให้สองสาวยืนมองกันตาปริบๆ

คนหล่อของรุ่งรัดชาไม่โสดเสียแล้ว สาวน้อยสาวใหญ่คงได้อกหักกันทั้งรีสอร์ทเป็นแน่!

ด้านผู้จัดการเมื่อสอดตัวเข้าไปในรถได้สำเร็จก็ไม่รอช้าที่จะตรงเข้าไปยังตัวเมือง เขาเองก็เพิ่งเข้าใจไอ้ความรู้สึกที่ว่า หากนัดกันห้าโมง พอสี่โมงครึ่งก็เริ่มดีใจที่จะได้เจอกันแล้ว ทั้งๆ ที่ก็เจอกันอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังอยากเจออยู่เรื่อยๆ ไม่เรียกความรักจะให้เรียกอะไร

‘กำลังจะออกจากรีสอร์ทนะ ฝนตกหนัก อาจถึงช้าหน่อย’

‘จะขับขี่ปลอดภัยครับ ไม่ต้องห่วง’

หลังส่งข้อความไปแล้วก็ไม่คิดจะจับมือถือเพราะต้องการเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับท้องถนน ด้วยปริมาณของฝนที่หล่นลงจากฟากฟ้านั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย ที่ปัดน้ำฝนจึงต้องทำงานตลอดทางตั้งแต่รุ่งรัดชาจนกระทั่งเริ่มเข้าตัวเมือง ฝนไม่ตกอย่างที่กุสุมาลย์บอกไว้จริงๆ ด้วย ทว่าท้องฟ้าก็ไม่โปร่งใส วันนี้เธอคงอดไปซ้อมวิบากกระมัง ทั้งๆ ที่อีกสามวันจะถึงวันแข่งอยู่แล้ว

แต่อย่างไรเขาก็มั่นใจว่าแฟนเขาจะคว้าแชมป์ได้แน่นอน เพราะเธอน่ะเก่งที่สุดแล้ว

เมื่อมาถึงที่หมายก็เจอเข้ากับกุสุมาลย์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าอู่ เมื่อรับรู้ถึงการมาของเขา คนตัวเล็กก็หันไปลาพี่ๆ ที่นั่งจับกลุ่มกันแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กมาขึ้นรถ เขาคงจะอาการหนักมากที่เพียงแค่เห็นเธอวิ่ง ก็นึกเอ็นดู ทันทีที่ประตูรถปิดลงจึงแกล้งโน้มหน้าไปที่แก้มนุ่มฟูแล้วฟัดจนจมูกโด่งจมไปกับแก้ม

คนเก่งนิ่งงันไปเมื่อโดนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อสติกลับเข้าร่าง เธอก็หันไปหอมแก้มแฟนหนุ่มเป็นการเอาคืน

“แล้วยังไม่ได้อาบน้ำกันทั้งคู่” เธอบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย

เขาจึงสวนขึ้นว่า “หอมอยู่ดี”

“เหรอ แก้มเฮียก็หอม”

ห้องโดยสารถูกความเงียบปกคลุม ต่างก็ได้แต่ยิ้มเขินอายให้กับการหยอดกันคนละเล็กละน้อยอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเขาเก็บอาการมันเขี้ยวไม่ได้ ต้องยื่นมือไปยีผมคนตัวเล็กที่แม้จะโดนแกล้งจนผมเสียทรง แต่กุสุมาลย์ไม่นึกเคือง ไม่นึกไม่คิดจะจัดผมตัวเองให้ดีด้วยซ้ำ นี่มันคนประเภทไหนกัน

คนอื่นต้องห่วงสวย แต่ความสวยต้องห่วงกุสุมาลย์เอง เพราะเธอไม่ห่วงมันสักนิด...โธ่ แม่เจ้าประคุณของเฮียเฉื่อย

เช่นนั้นแล้วพอถึงร้านกระเพาะปลา เขาถึงต้องเป็นคนจัดผมเธอให้เป็นทรงถึงจะได้พากันลงไปทานอาหาร

เขาไม่เคยคิดว่าการมีแฟนจะทำให้เขาชอบทำอะไรแบบนี้ ชอบดูแลความเรียบร้อย หรือเรียกอีกอย่างว่าจัดแจงชีวิตให้อีกฝ่าย ชอบที่ได้แต่งตัว หวีผม ผูกเชือกรองเท้า ชอบทำทุกอย่างให้กุสุมาลย์เลย

“เมื่อกี้มีคนขอติดรถกลับบ้านด้วย”

คนตัวเล็กหันมามองแล้วผงกหัวรับคำ “ฝนตกหนักมากเลยสิ”

“เป็นผู้หญิง” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่เลือกที่จะพูดสิ่งที่ต้องการสื่อสาร “พนักงานในรีสอร์ท เขามาขอติดรถกลับ”

กุสุมาลย์แค่มองนิ่งๆ “...เหรอ”

เขาคิดว่าเธอจะโวยวาย แต่แค่ ‘เหรอ’ ก็ทำให้รู้สึกถึงความผิดปกติของสุ่มเสียง

“ใช่”

“แต่ไม่ได้ให้ติดรถมาใช่ไหม”

เป็นเขาเองที่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ทำไมรู้”

“ไม่ได้กลิ่นคนอื่น”

คุณพระ! นี่เขาไปคว้าหมาตำรวจที่ไหนมาเป็นแฟนกัน

จริงๆ กุสุมาลย์แค่หยั่งเชิง เธอไม่ได้จมูกดีถึงขั้นนั้น แต่เห็นเขาทำหน้าราวทึ่งกับความสามารถพิเศษปลอมๆ ก็รู้สึกชอบใจ อยากเย้าต่อ

“ก้านรู้หมดนะถ้ามีอะไรผิดปกติ ระวังตัวไว้เถอะ”

“มีอะไรให้ระวังก่อน เฮียทำตัวดี” เขามั่นใจว่าแม่พริกขี้หนูจะเล่นงานเขาไม่ได้ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แต่ไม่ใช่กับเขาที่ไม่มีคำว่าพลาดในพจนานุกรม “ที่คนมาขอติดรถก็ไม่ให้ไป บอกว่ากลัวแฟนไม่สบายใจ ให้รอฝนซาค่อยกลับกันเอง หรือนี่ไม่ใช่แฟนที่ดีที่สุดในโลกครับคุณก้าน บอกผมหน่อยซิ?”

กุสุมาลย์ยิ้มให้กับความไม่ใจดีของแฟนที่แสนดี เพราะหากเขามัวแต่เกรงใจคนอื่น เธออาจจะไม่สบายใจจริงๆ นั่นแล ฝนตกๆ เช่นนี้ใครจะปล่อยให้แฟนไปอยู่ใกล้ชิดกับสาวที่ไหน สาวคนเดียวที่อยู่ใกล้ๆ ได้ต้องเป็นเธอเท่านั้น

“ตอบมาก่อน เฮียดีที่สุดเปล่า”

เธอพยักหน้ารับ “ที่สุด สุดยอด ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด ยอดไปเลย เฮียเฉื่อยคนดีที่หนึ่ง” พูดจบก็หัวเราะอย่างนึกสนุก ต่างจากคนถูกชมที่ทำหน้าบึ้งใส่อย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา

เขาหรืออุตส่าห์อยากให้เมียชม แต่ลืมไปว่าเมียเขามันเป็นคนกวนประสาท

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว