เธอ...ที่ไม่เข้าตา-ไม่เข้าตาที่แปด : ฝากตัวเมืองตาก (2)

โดย  BVMEOW

เธอ...ที่ไม่เข้าตา

ไม่เข้าตาที่แปด : ฝากตัวเมืองตาก (2)

คุยงานแบบไม่รบกวนนาย ได้เวลาเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังผู้จัดการร่ำเมรัยดวงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ไม่กี่วันก่อนที่ไปทานมื้อเย็นกับอรัณย์ มีแม่ค้าลอตเตอรี่เข้ามาขายตรงถึงที่ เขาจึงช่วยอุดหนุนไปสองใบ เช่นเดียวกับเพื่อนสนิทที่ซื้อในจำนวนเท่ากัน ผลคืออรัณย์ไม่เฉียดเลยสักรางวัล แต่ดิฐากรกลับถูกสองตัวท้ายสองรางวัล

ได้เงินมากินขนมสี่พันบาท ไม่มากนัก แต่เพราะทั้งชีวิตไม่เคยยักจะถูกหวยกับเขา ครึ่งหนึ่งถูกส่งไปให้ที่บ้าน เงินเดือนเดือนแรกในชีวิตยังให้มาแล้ว เงินจากหวยครั้งแรกในชีวิตก็อยากให้ อีกครึ่งอุทิศให้เพื่อนพี่น้อง

‘คืนนี้มาเจอกันที่ร้านหน่อยพวกเสือทั้งหลาย’

อรัณย์ที่เห็นข้อความนั้นจึงไม่รอช้าที่จะตอบด้วยความประจบประแจง

‘ครับเสี่ย’

‘อะไรกันครับเฮีย’

‘เสี่ยดินเขาเป็นเศรษฐีแล้ว’

ด้วยเป็นวันที่หนึ่ง คุณพ่อลูกสามเช่นจีรกิตติ์จึงนึกออกได้เพียงเรื่องเดียว

‘ถูกหวย?’

‘สี่พัน’

คนดวงดีระบุจำนวนเงินที่ตนได้รับ ซึ่งนั้นทำให้น้องเล็กของกลุ่มหลุดหัวเราะจนวรัสยาที่นั่งข้างกันต้องหันมามอง

สามีแสนดีไม่รอให้เธอถาม “เฮียดินถูกหวย”

สาวเจ้าตาโต “อิจฉาอะ หนูก็ซื้อนะ ถูกรับประทานอีกตามเคย อุตส่าห์จะเอามาลุ้นเผื่อได้จ่ายค่ารับขวัญหลาน”

นึกถึงเรื่องนี้เขาก็นึกขำ ภรรยาคนสวยดันไปรับคำท้าเจ้านายเขาว่าจะรับขวัญลูกทุกคนที่เกิดจากอัสมาและปราชญาธิปคนละหนึ่งแสน ด้านว่าที่คุณพ่อก็อยากมีถึงสี่คน แบบนี้เมียเขาได้เสียเกือบครึ่งล้านเป็นแน่ และหากท้องไหนเกิดเป็นแฝดขึ้นมา วรัสยาได้เสียครึ่งล้านจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วฝาแฝดไม่ต้องมา

เขานึกเห็นใจภรรยาอยู่ไม่น้อยเพราะปราชญาธิปกำชับว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเงินของเธอ เขาห้ามช่วย

“ถูกสี่พันหรอก เลยชวนไปที่ร้าน” ตอบเสร็จก็ก้มลงไปพิมพ์ข้อความต่ออีกครั้ง

‘รวยเกิ๊น กลัวใช้ไม่หมดจังเลยครับ’

‘ให้แม่ไปแล้วด้วยสองพัน งบคืนนี้เหลือสองพัน’

‘นอนอยู่บ้านเถอะมั้ง ไปก็ได้กินแค่น้ำเปล่า’

‘สรุปมึงจะมาไม่มา’

‘ผมขอถามผักกาดก่อน’

ดิฐากรรีบแก้ข้อความของรุ่นน้อง

‘*ขอขอผักกาดก่อน’

‘กูไป’

‘แล้ว ‘คนนั้น’ ล่ะ’

แม้จะถูกพาดพิงถึง ทว่าข้อความกลับไม่ถูกอ่านจากสมาชิกทั้งหมด ดิฐากรรอการมาของพี่ใหญ่ของกลุ่มอยู่นาน จนน้องเล็กให้คำตอบว่าไปได้ แค่จะขอกลับไวหน่อยเพราะไม่อยากปล่อยให้วรัสยาเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะดื่มสังสรรค์กันนานนัก แค่อยากรวมตัวกันบ้าง เพราะปกติมีแค่อรัณย์ที่ยังเห็นหน้าค่าตา

อรัณย์ไม่ได้ดูแลธุรกิจอะไรให้เจ้านาย แค่คอยรอรับคำสั่งจากปราชญาธิปเวลาต้องการให้พาไปไหนมาไหน งานสบายที่สุด แต่เขายอมลำบากหากต้องทำเช่นนั้น ปราชญาธิปก็ดีแค่กับเมียรักอยู่คนเดียว กับคนอื่นยังเป็นคนเดิมๆ กินหัวได้ กิน

จีรกิตติ์ดูแลเต็นท์รถ เลิกงานกลับบ้านไปอยู่กับลูกกับเมีย เขาเข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือชยางกูรที่เดี๋ยวนี้ ‘สาย’ รายงานว่าชอบกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทั้งๆ ที่เลิกงานที่รีสอร์ทตั้งแต่ช่วงเย็น ใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่พัก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าตัวจะกลับถึงบ้านสามทุ่มสี่ทุ่มทุกวัน

ค่อนข้างมีพิรุธชัดเจน เวลานี้ก็น่าจะถึงแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับไม่อยู่ที่บ้าน ไลน์น้องๆ ก็ไม่อ่าน

‘จะว่างเรอะ ช่วงนี้เฮียมีธุระทุกวัน’

อรัณย์เป็นฝ่ายตอบ อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ เขายังไม่ค่อยได้เจอหน้าอีกฝ่ายเลย ครั้นถามถึงเหตุผลที่กลับบ้านค่ำมืดก็ตีมึนใส่ ไม่ตอบ วันหยุดที่ผ่านมาก็สร้างความแปลกใจให้ไม่น้อย ปกติเอาแต่นอนหลับอุตุอยู่แต่ในห้อง แต่อยู่ดีๆ ก็ออกไปตั้งแต่เช้า กลับเข้ามาด้วยชุดที่อรัณย์มั่นใจว่าไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่พี่ชายใส่ออกจากบ้าน

แต่พอถาม ชยางกูรไม่ตอบ

‘นายให้เฮียทำงานอะไรเพิ่มเหรอ ผมไม่เห็นรู้’

‘กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานราษฎร์หรืองานหลวง’

ด้านคนถูกนินทาไม่รู้ตัวเลยสักนิดเพราะไม่ได้จับโทรศัพท์ เขามาตามนัดของกุสุมาลย์ มาถึงก็เห็นคนตัวเล็กโลดแล่นอยู่ในสนามกับวิบากคู่ใจ ที่ทำเอาใจของเขาหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มหลายต่อหลายครั้ง

แม่พริกขี้หนูของเขาเหตุใดจึงเผ็ดเข็ดฟันปานนั้น

สนามวิบากที่ว่าเป็นเพียงสนามว่างๆ มีเนินจำนวนมากไว้เพื่อให้ขี่รถในการแข่งขัน ไม่มีที่นั่งหรืออะไร รวมถึงไม่มีมนุษย์คนไหนนอกจากเขาและเธอ ทำให้อดหวนคิดไปไม่ได้ว่าแล้วเมื่อคืนกุสุมาลย์อยู่ที่นี่คนเดียวจนค่ำมืดดึกดื่นเลยหรือ คนตัวใหญ่อดจะรู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ได้เมื่อคิดว่าต้องให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่ในสถานที่เช่นนี้คนเดียว

ที่เธอได้อยู่คนเดียวเพราะเขาไม่รู้ หลังรู้แล้วเธอจะไม่ได้อยู่คนเดียวอีก

เขายืนพิงตัวรถ ทอดสายตามองไปตามคนตัวเล็กที่ทำตัวเป็นพวกไม่กลัวตาย แต่ว่าไม่ได้ เขายอมรับว่าเธอเก่ง เก่งกว่าเขาด้วยซ้ำ อันที่จริงเขาเทียบไม่ติดเลยกับทักษะการขี่รถเช่นนั้น และทั้งๆ ที่ปกติไม่มีความชื่นชอบการแข่งขันประเภทนี้ ทว่าตอนนี้กลับละสายตาจากเธอไม่ได้เลย

ความไวเป็นเรื่องของปีศาจสาวนามว่ากุสุมาลย์จริงๆ

และที่เขาตะลึงที่สุดคงไม่พ้นการที่แม่เจ้าประคุณหมุนตัวตีลังกากลางอากาศไปกับตัวรถ นัยน์ตาคมเข้มเบิกโพลงด้วยความตกใจ ความบ้าดีเดือดของสาวเจ้าเป็นเหตุให้เขาอยากได้ยาดมมาอัดจมูกสักหน่อย

ผ่านไปครู่ใหญ่รถมอเตอร์ไซค์วิบากก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่ใกล้ๆ ตัวเขา เธอตวัดขาที่ความยาวของมันค่อนข้างน่าเอ็นดูในความรู้สึกเขามาก ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกออกจนเผยให้เห็นดวงหน้าหวานที่เจือไปด้วยความเห่อร้อนจนขึ้นสีระเรื่อ

“ร้อนเหรอ”

“มากๆ”

เขาก็ไม่แปลกใจกับคำตอบนั้น เพราะหลักฐานประจักษ์แก่สายตา “จะกลับเลยไหมล่ะ ไปอาบน้ำให้สดชื่น หรือว่ายังอยากซ้อมต่อ”

“งั้นกลับเลยก็ได้ วันนี้พอแล้ว” พูดจบก็ยิงคำถามใส่ “ว่าแต่ก้านเก่งไหม”

ชยางกูรไม่คิดจะปิดบังความรู้สึก “เก่ง มากด้วย” คำชมนั้นเป็นเหตุให้คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น เขาละสายตาจากเธอมาสนใจเครื่องมือสื่อสารที่เพิ่งล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลังมีคนติดต่อมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่บ้านเดียวกันจึงกดรับ “มีไร”

(สรุปว่าไปเปล่า)

คนถูกถามมุ่นคิ้วใส่ “ไปไหนของมึง”

(อ้าว เฮียไม่ได้อ่านจริงๆ เหรอ) เขาแค่เงียบ เริ่มเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องหมายถึงข้อความเป็นแน่ แต่เพราะไม่ได้จับมือถือจึงไม่ทราบถึงเรื่องที่อรัณย์พูดถึง (วันนี้ไอ้ดินมันถูกหวยสี่พัน เลยจะเลี้ยงเหล้าที่ร้านนั่นแหละ ไอ้จัดก็ขอเมียมันออกมาได้ ไปกันครบทุกครบ)

“ไม่ว่าง”

เสียงกระแทกลมหายใจดังเข้ามาให้เขาได้ยิน (ได้ไง นานๆ ทีจะรวมตัวกันครบ นี่ผมกำลังจะออกแล้ว เฮียกลับมาอาบน้ำอะไรเสร็จก็ตามไปนะ รออยู่ที่นู่นแหละ)

“มึงเข้าใจภาษาไทยไหมอาร์ม”

(ไม่อะ เป็นลูกครึ่ง) คำตอบแสนกวนประสาททำให้ชยางกูรรู้สึกคับยุบยิบที่ส้นเท้า (รีบๆ ตามมาแล้วกัน)

อรัณย์วางสายไปแล้ว ไม่รอให้เขาได้ปฏิเสธแต่อย่างใด กุสุมาลย์ที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นได้ยินเสียงของปลายสาย ทว่าจับใจความไม่ได้จนต้องเอ่ยถาม จะว่าเสียมารยาทก็ไม่เชิง เธอก็ไม่ใช่คนมารยาทดีเสียด้วย “มีอะไรหรือเปล่าพี่”

“น้องๆ นัดไปกินเหล้า” ตอบเสร็จก็ก้มหน้าไปมองโทรศัพท์ มือก็กดพิมพ์ข้อความ ปากก็พูดต่อ “รู้จักไหม ร่ำเมรัยน่ะ”

‘กูไม่ไป’

“คือไร”

“ร้านเหล้า”

อดีตขี้เมากะพริบตาปริบๆ ความเงียบของเธอทำให้เขาละสายตาจากหน้าจอขึ้นมามอง “อยู่ที่ไหน”

“แถวนี้นี่แหละ ไม่เคยไปเลยรึ”

เธอครางรับในลำคอ “ม่าย แล้วน้องๆ ที่ว่านั่นคือคนที่ตามนายมาทำงานด้วยกันอะเหรอ”

ใบหน้าคร้ามคมพยักขึ้นลง กุสุมาลย์จึงถามต่อ “แล้วทำไมไม่ไปกินเหล้ากับพวกเขา”

“ไม่อยากไป”

“ทำไม หรือไม่ชอบกินเหล้า อร่อยออก”

นัยน์ตาคมหรี่แคบ “อร่อยตรงไหน ขม”

“ขมเป็นยา”

ชยางกูรถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับเหตุผลข้างๆ คูๆ เห็นข้อความของน้องๆ ถูกส่งมาโดยส่วนมากพูดถึงเรื่องที่เขาไม่ไปรวมตัวกับพวกมัน ก่อนจะสอดโทรศัพท์เข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม แล้วจึงตวัดสายตามามองคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า

“กลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวไปส่ง”

สาวเจ้ามุ่ยหน้าใส่ “หิวข้าวอ่า ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย นี่จะสองทุ่มแล้ว” พูดจบก็พยักพเยิดหน้ามาทางเขา “พี่กินมายัง”

“ก็ยัง”

เธอยิ้มออก “งั้นเข้าไปส่งก้านที่บ้านก่อน อยากอาบน้ำ แล้วค่อยออกมาหาอะไรกินกัน” เพราะเธอรู้สึกเหนียวตัวเป็นอย่างมากจึงได้เสนอไปเช่นนั้น “พี่ไปรอก้านที่บ้านแป๊บหนึ่งได้ไหม อาบน้ำแป๊บเดียว”

สนามแห่งนี้มีขนาดใหญ่ อยู่นอกตัวเมืองพอสมควรเพราะจำเป็นต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก ถ้าหากให้เทียบกันแล้ว ระหว่างสนามแห่งนี้ไปบ้านของกุสุมาลย์ที่อยู่ในตัวเมือง กับไปบ้านพักของเขาที่อยู่รอบนอก อย่างหลังจะใกล้กว่า

“ไปอาบที่บ้านฉันไหม”

กุสุมาลย์นิ่งเป็นหุ่น ลมหายใจชะงักงัน

“ใส่ชุดผู้หมวดก็ได้ ซักไว้แล้ว”

“...”

“...”

“ไปค่ะ!”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว