กลับมาง้อคุณสามีในยุค 80 [จบ]-บทที่ 28 เลือดสูบฉีดด้วยอารมณ์เร่าร้อน

โดย  Enjoybook

กลับมาง้อคุณสามีในยุค 80 [จบ]

บทที่ 28 เลือดสูบฉีดด้วยอารมณ์เร่าร้อน

บทที่ 21

แปลกประหลาด


ความสำคัญของความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ผู้ที่สร้างคัมภีร์โบราณสีทองนี้ ต้องเข้าใจยากาศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างไม่ต้องสงสัย และหากได้รับสิ่งนี้ สำหรับฉู่ซิวผู้มีความรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ในอนาคตอาจจะช่วยลดเวลาในการก้าวข้ามขอบเขตได้มาก


คาถาเก้าอักขระ หรือที่เรียกว่าอักขระลับทั้งเก้า เป็นวิชาลับที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์และโลก แต่หากอักขระลับทั้งเก้าแยกกันอาจจะไม่เท่ากับวิชาลับที่แข็งแกร่งที่สุดที่สร้างโดยขอบเขตจักรพรรดิ แต่หากอักขระลับทั้งเก้ารวมกันจะแข็งแกร่งกว่าวิชาลับส่วนใหญ่ที่สร้างโดยขอบเขตจักรพรรดิ


วิชาอักขระลับสิงจื่อมีความเร็วสูงสุด เป็นวิชาลับที่เร็วที่สุดในโลก ฝึกฝนจนถึงขีดสุดสามารถสัมผัสได้ถึงห้วงเวลา และสามารถข้ามผ่านการปิดกั้นของอาณาเขตส่วนใหญ่ได้โดยไม่ถูกจำกัด แต่ข้อเสียคือยากที่จะเข้าใจ ผู้บำเพ็ญต้องมีพรสวรรค์และความเข้าใจที่แข็งแกร่งมาก


ตามตำนาน วิชาลับนี้หายสาบสูญไปจากทวีปต้าเทียนฉงเมื่อหมื่นปีก่อน ไม่มีใครฝึกฝนอีกต่อไป ไม่คิดว่าในหอเทพสถิตยังมีหยกฉวนกงที่ใช้สำหรับถ่ายทอดวิชาอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะขอบเขตจักรพรรดิของแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซูทิ้งไว้ตั้งแต่คราวนั้น เพื่อเป็นรางวัลแก่ลูกศิษย์ในยุคหลัง ที่สามารถทำลายขีดจำกัดโบราณได้


ฉู่ซิวน้ำลายไหลเป็นสายเพื่ออธิบายความปรารถนาของเขาที่มีต่อ ‘วิชาอักขระลับสิงจื่อ’ เขากำลังขาดวิชาลับที่เร็วถึงขีดสุดเช่นนี้ ส่วนเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ? เขาก็ต้องการความเข้าใจสูงมาก?


เฮอะ ! แต่ฉู่ซิวเป็นใคร? เขาคือคนหัวไวที่มีความเข้าใจเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า


ผลเพลิงเหมันต์ คุณภาพเทวะ สมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์และโลก นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉู่ซิว ต้องการอย่างยิ่ง เพราะสมบัติประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดหรือใช้บำเพ็ญกายาศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมีประโยชน์อย่างมาก


ฉู่ซิวคิดไปมา สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก ‘วิชาอักขระลับสิงจื่อ’


ถึงแม้จะไม่ได้สมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์และโลก เขาก็สามารถหามันได้อีก และตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในโลกนี้ได้กำเนิดกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณขึ้นมามากมาย ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการ ต่อไปก็ยังสามารถหาข้อมูลการบำเพ็ญที่เกี่ยวกับกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณได้อีก


และถึงแม้จะหาไม่เจอ แล้วยังไง? ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรมากมาย ก็แค่ค้นคว้าและตั้งใจบำเพ็ญด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีความมั่นใจแม้แต่เรื่องนี้! จะพูดถึงการมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร จะพูดถึงการไร้เทียมทานได้อย่างไร ?


วิชาอักขระลับสิงจื่อนั้นแตกต่างออกไป การที่จะได้พวกวิชาลับเช่นนี้มาครองนั้น ภายนอกหอเทพสถิตแทบจะหาไม่ได้เลย หรือบางทีอาจจะเป็นฉบับเดียวในโลกนี้ก็ได้


เมื่อคิดได้เช่นนนั้น เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป


ฉู่ซิว ยื่นมือออกไปคว้าวิชาอักขระลับสิงจื่อเอาไว้


กริ๊ก~


อื้ออออ~


ลวดลายลึกลับนับไม่ถ้วนไหลเข้าสู่จิตสำนึกของฉู่ซิว วิชานั้นราวกับวิชาลับที่สมบูรณ์แบบไปตามกฎของธรรมชาติ บรรจุหลักการใหญ่ของเต๋าไว้ จารึกลงในส่วนลึกของจิตสำนึกเขา และจะไม่มีวันถูกลบเลือน ราวกับจะคงอยู่เช่นนั้นชั่วกาลนาน


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด


หยกฉวนกงที่ช่วยถ่ายทอดวิชาได้แตกสลายเป็นผงธุลีไป ไม่เหลือความวิเศษเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


ประกายสีทองที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็เริ่มจางลงเช่นกัน และไม่นานนัก



..


.


ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ บัดนี้ฉู่ซิวยืนอยู่กลางลานกว้างไท่ซู รอบตัวเขามีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันแน่นขนัด ศิษย์ฝ่ายใน ศิษย์สืบทอด ศิษย์สายตรง และเหล่าผู้สูงส่งจากยอดเขาต่าง ๆ


ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อนและตื่นเต้นยิ่งนัก


‘อ้าว นี่มัน…’


ฉู่ซิวคิดและเข้าใจได้ในทันที เขาได้ปีนไปจนถึงระดับที่หนึ่งของเสาศิลากงล้อสมุทร แน่นอนว่าทุกคนต้องมองมาที่เขาเป็นธรรมดา


“ฉู่ซิว…”


“ฉู่ซิว…”


ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มเรียกชื่อของเขา บรรดาศิษย์นับหมื่นบนลานกว้างต่างพากันร้องตาม ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นในใจ จนไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร ราวกับว่าการร้องเรียกชื่อนี้เท่านั้น จึงจะทำให้พวกเขาได้ระบายความรู้สึกออกมา


นอกกลุ่มคน เฉียวหมิง สาวหน้าสิว เซียวอี้เฟิง เหรินหงอิง ฉู่เซียวหราน มองดูเหตุการณ์นี้จากที่ไกล ๆ ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน...


เซียวอี้เฟิงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เฉียวหมิงรู้สึกประหลาดใจและสงสัย ส่วนสาวหน้าสิวนั้นหน้าตาไม่สู้ดีนัก การถูกชะตาล้อเล่นและตลบหลังเช่นนี้ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เหรินหงอิงก้มหน้าลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ฉู่เซียวหรานอารมณ์ดี ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส


“ฉู่ซิว~”


“ฉู่ซิว~”


เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วลานกว้าง บางทีอาจจะเสียงสะเทือนถึงเก้าชั้นฟ้า! เหตุใดคนเหล่านี้จึงตื่นเต้นน่ะหรือ?


ในฐานะศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างก็มั่นอกมั่นใจในตนเองและเกิดมาเพื่อดูถูกคนอื่นที่ด้อยกว่า


แล้วนี่เป็นเพราะอะไร? อะไรที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นจนตะโกนออกมา


สาเหตุหลักคือพลังอันแข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ต่างหาก แดนศักดิ์สิทธิ์นี้เคยมีขอบเขตจักรพรรดิ ตราบใดที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่อันยิ่งใหญ่ยืนหยัดอยู่เบื้องหลังพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับใคร ก็จะไม่เกรงกลัว


ความแข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นความพยายามร่วมกันของเหล่าผู้แข็งแกร่งสุดยอดหลายท่าน


ฉู่ซิวตอนนี้อาจเป็นเพียงขอบเขตกงล้อสมุทรเท่านั้น ยังไม่นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอะไร


แต่พวกเขาเชื่อว่าฉู่ซิวผู้ทำลายขีดจำกัดโบราณ ขึ้นไปถึงชั้น 99 ได้ ในอนาคตจะต้องเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งสุดยอดอย่างแน่นอน สามารถเป็นหนึ่งในเสาหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ปกป้องพวกเขาจากลมและฝน


ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาจึงตื่นเต้นที่ดินแดนนี้กำเนิดอัจฉริยะขึ้นแล้ว แต่แน่นอนว่าก็มีพวกอิจฉาเช่นกัน


ฉู่ซิวรู้สึกถึงความแปลกประหลาด…


นึกถึงในชาติก่อน เหล่าศิษย์ของสำนักใหญ่ทั้งหลายพอเห็นเขาก็ไม่แยแส มองเขาเป็นปีศาจที่น่ารังเกียจด้วยซ้ำ


พอเจอหน้าก็จะทักทายว่า ‘ไอ้ปีศาจฉู่’


‘ไอ้ปีศาจฉู่มาแล้ว รีบหนีเร็ว’


‘ไอ้ปีศาจฉู่ไปตายซะ อะไรประมาณนั้น’


พอคิดถึงเรื่องเก่า ๆ แล้ว ก็ทำให้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ฉู่ซิวถอนหายใจในใจ มุมปากเผยรอยยิ้มอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว อบอุ่นยิ่งกว่าแสงอาทิตย์


ในขณะนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาเมื่อก่อนเป็นตัวร้ายที่หยาบคายเกินไป ถ้าตอนนั้นเขาแสร้งทำเป็นคนดีมีคุณธรรมภายนอก แต่ลับหลังทำเรื่องชั่วช้าอย่างเจ้าเล่ห์ ใครจะตามมาล้อมสังหาร


‘สงสัยตอนนั้นจะเด็กไปหน่อย ?’


“ว้าว! ดูสิศิษย์พี่ยิ้มแล้วหล่อจัง” ศิษย์ฝ่ายในหญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเต้นมากไป!หรือเพราะฉู่ซิวหล่อจนเคลิ้มไป


เมื่อเห็นภาพนี้ ฉู่ซิวรู้สึกยินดียิ่งนักแสงสีดำและสีแดงสองแสงพุ่งมา ในพริบตาก็ร่อนลงตรงหน้าฉู่ซิว ปรากฎร่างของผู้เฒ่าหวงและโม่เฟยเหยียน ลูกศิษย์โดยรอบรีบคารวะ ปากก็เอ่ยทักทายสองท่านผู้เฒ่า


ท่านผู้เฒ่าหวงมองดูฉู่ซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มบนใบหน้าซ่อนไม่มิด


“ฉู่ซิว...อืม!เจ้าไม่เลวเลย ไม่เลวเลยจริงๆ” แม้แต่โม่เฟยเหยียน ผู้มีนิสัยเย็นชาก็ยังแย้มยิ้มเล็กน้อย


“ฉู่ซิว! ตามข้ามาเถอะ” ว่าแล้วก็โบกมือ หยิบเรือบิน สีแดงฉานคุณภาพสวรรค์ออกมา ฉู่ซิวผงกศีรษะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเท่าไหร่


แต่ก่อนจะขึ้นเรือบินเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน โบกมือให้บรรดาศิษย์รอบกาย เปล่งเสียงกังวานว่า


“ขอบคุณเพื่อนร่วมสำนักทุกคนที่ให้กำลังใจข้าในวันนี้! ข้าจะพยายามบำเพ็ญต่อไป ไม่ทำให้สำนักต้องเสียชื่อ” พูดจบก็กระโดดขึ้นเรือบินของโม่เฟยเหยียน


เรือบินกลายเป็นแสงโค้งในพริบตา มุ่งหน้าบินไปยังยอดเขาไท่ซู่


ส่วนที่ลานกว้างไท่ซู่ก็เกิดเสียงซุบซิบขึ้นทันที


“ศิษย์พี่ฉู่ซิว เป็นคนใจดีจริง ๆ”


“ใช่แล้ว ๆ ถ่อมตนยิ่งนัก”


“ข้าชอบรอยยิ้มของศิษย์พี่ฉู่ซิว ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นดั่งแสงตะวัน”


“ยิ่งไปกว่านั้นฉู่ซิวยังเป็นคนที่ถ่อมตนมาก หากเป็นคนอื่นที่ทำได้ถึงขั้นนี้ กลัวว่าจะโอ้อวดไปยันไหนต่อไหนแล้ว”


“จริงที่สุด จริงที่สุด…”


“หวังว่าศิษย์พี่ฉู่ซิวจะได้เป็นบุตรศักดิ์ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ของพวกเรา”


ก้อง~


เวลานี้มีเสียงระฆังดังออกมาจากหอศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป สีหน้าเป็นปกติ ที่แท้ก็แค่มีคนเข้าไปในสิบอันดับแรกของเสาศิลาเสินเฉียว


เย่ฝานเดินออกมาด้วยใบหน้าตื่นเต้น


“ไม่เลว! ข้าได้อันดับแปดบนเสาศิลาขอบเขตเสินเฉียว”


“เคล็ดวิชาคุณภาพสวรรค์หนึ่งเล่ม พอใช้ได้!”


เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้าเคร่งขรึม อยากจะพูดประโยคหนึ่งว่า


‘ทุกคนล้อมเข้ามาเร็ว ข้าพร้อมจะสาธยายถึงความเก่งกาจของข้าแล้ว!’


กริบ~~


‘เสียงโห่ร้องล่ะ?’


‘โห่ร้องขึ้นมาสิ!’


เย่ฝานหันหน้ามองไปรอบ ๆ พบว่าศิษย์น้องรอบข้างกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอย่างเอาจริงเอาจัง


“พวกเจ้ากำลังนินทาข้าหรือ?” เขาเอียงหูฟัง


จึงรู้ว่า พวกเขากำลังนินทาฉู่ซิว หลังจากรู้ความจริงแล้ว อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด


“ข้า...ข้าติดอันดับแปดในสิบแล้วนะ เหตุใดถึงไม่มีใครสนใจข้าเลย?”


“มองข้าสิ!”


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว