กลับมาง้อคุณสามีในยุค 80 [จบ]-บทที่ 1 หวนกลับมาก่อนช่วงที่จะละทิ้งสามีและลูก

โดย  Enjoybook

กลับมาง้อคุณสามีในยุค 80 [จบ]

บทที่ 1 หวนกลับมาก่อนช่วงที่จะละทิ้งสามีและลูก

บทที่ 1

การเกิดใหม่ การวางแผน


ทวีปต้าเทียนฉง ณ ดินแดนไร้โศก


“เจ้าปีศาจฉู่ จงตายเสียเถอะ!”


“ฮาฮ่า เจ้าปีศาจฉู่! เจ้ามันสารเลว!! ใช้ชีวิตด้วยการเข่นฆ่าบุรุษและข่มเหงสตรี ประพฤติตนชั่วร้ายยิ่งนัก แต่เจ้าเคยคาดคิดบ้างหรือไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เจ้าจะต้องชดใช้!! ชีวิตของเจ้าจะต้องจบลงวันนี้”


“วันนี้! ข้าต้องแก้แค้นให้ลูกศิษย์ของข้า”


“ฉู่ซิว! ในอดีตเจ้าหลอกลวงพี่สาวของข้า ไม่เพียงแต่หลอกกายเท่านั้น ยังทำให้นางต้องสิ้นลมหายใจ วันนี้ข้าเซี่ยกวางเหริน! จะทำลายเจ้ามิให้เหลือซาก… สังหารเจ้าสักพันครั้งจึงจะสาสม!”


“ไล่ล่าเจ้ามาสามปี! ในที่สุดก็ไม่มีทางหนีแล้วสินะ!”


“เสวี่ยเอ๋อร์! วันนี้พ่อจะแก้แค้นให้เจ้าเอง”


บนยอดผาวิญญาณที่สูงนับหมื่นลี้ ชายหนุ่มรูปงาม ดูนวลราวกับหยกอ่อน ดวงตาระยับเหมือนดาว ผิวขาวราวกับหิมะ เส้นผมดำเงางามพลิ้วไหวตามสายลมอย่างเป็นธรรมชาติ เสื้อคลุมสีแดงอาบไปด้วยเลือดจนแนบร่ายกาย เผยให้เห็นรูปร่างที่เด่นชัดขึ้นมา


มือขวาของเขากำดาบ เอียงชี้ลงพื้น หยดเลือดไหลรินตามปลายดาบ สายตาสำรวจไปทั่วทุกทิศ ดวงตาสีเข้มยังคงเผยแววความเรียบเฉยดังเดิม


‘ตู้ม!’ เสียงดังกระหึ่มพัดไปทั่วทุกบริเวณ!


เหนือศีรษะในอากาศ จิตจำแลงของพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์กวนอิมปรากฏกายนั่งสมาธิ


พลังอับคมกริบถูกปล่อยออกมาจากอาวุธนับร้อยพัน ปรากฎร่องรอยไปทั่วทุกหนแห่ง


หิมะโปรยปรายหลายหมื่นลี้เยือกแข็งทั่วทั้งพื้นที่


เปลวไฟแห่งเทพส่องแสงในท้องนภา


บรรดาตัวตนที่สูงส่งราวมหาเทพนับสิบจากตระกูลโบราณ เหล่านิกายต่าง ๆ และสำนักใหญ่มารวมตัวกันปราบปรามภัยร้ายขนานเอก จนแม้แต่พื้นที่รอบด้านก็ยังบิดเบี้ยวและถูกปิดตาย


ในยามนี้ ฉู่ซิวผู้ถูกไล่ล่าและถูกติดตามมาสามปี ก็ไม่มีที่ให้หนีไปอีกแล้ว


สตรีนางหนึ่งในชุดขาวเงิน งดงามด้วยรัศมี ก้าวย่างมาบนคมดาบที่ลอยอยู่เหนือขึ้นไปในท้องนภา


ดวงตาอันบริสุทธิ์จับจ้องมองฉู่ซิว ริมฝีปากสีชมพูเอ่ยถามอีกฝ่าย “ฉู่ซิว รู้สึกผิดบ้างหรือไม่?”


ฉู่ซิวเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างเยาะหยัน “เฉียวเหมิงเตี๋ย ข้าไม่เคยล่วงละเมิดแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ของพวกเจ้า เจ้ามาตามล่าข้าทำไม?”


“เจ้าได้กระทำการอันชั่วร้ายมากมาย ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง? เจ้าเคยรู้สึกผิดบ้างหรือไม่?” เฉียวเหมิงเตี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา


“รู้สึกผิด?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!”


ฉู่ซิวเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าฉู่ซิวได้บำเพ็ญตนมาไม่ถึงร้อยปี ชีวิตนี้ล้วนต่อสู้และทำสงครามจนเลือดกระจายไปทั่วฟากฟ้า! ในบรรดาผู้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนอกจากข้าแล้ว ใครจะกล้าอ้างว่าตนเองไร้พ่าย? ใครอีกจะกล้าพูดว่าตนไม่มีวันแพ้?”


“พวกผู้เฒ่าไร้ยางอายที่ไม่แม้แต่จะรักษาหน้าตนเอง รวมตัวกันในฐานะตัวแทนฝ่ายธรรมะตามล่าข้าถึงสามปี แต่กลับมาถามข้าว่าเสียใจหรือไม่งั้นรึ?”


“ข้าเพียงแค่เสียใจว่าเวลาช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย หากข้ามีเวลาอีกพันปี ย่อมไม่มีผู้ใดในใต้ล่านี้เอาชนะข้าได้อีก!”


ถ้อยคำอันอหังการ แผ่ก้องไปทั่วดินแดนแดนใต้ ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายต่างก็สะเทือนใจ


ครู่ต่อมา


เขาประสานมืออย่างรวดเร็วจนเกิดรอยประทับอันลึกลับ พลันนั้นท้องฟ้าก็ปั่นป่วน ลมหมุนเร็ว เมฆเคลื่อนไหว!


“ท่าไม่ดีแล้ว!”


“เจ้าปีศาจชั่วนี่คิดจะใช้วิชาลับ พวกเราต้องร่วมมือกันหยุดยั้งมัน!”


หลวงจีนจากสำนักสงฆ์โบราณแห่งแดนตะวันตก ชูตราประทับพระโพธิสัตว์ขึ้นทำให้แสงธรรมอันไพศาลแผ่ซ่านเข้าห่อหุ้มเสียงสวดมนตร์ ก่อนนำหน้าโจมตีฉู่ซิวเป็นคนแรก


เหล่าผู้บำเพ็ญที่เหลือเมื่อตั้งสติได้ พวกเขาก็ต่างพากันลงมือ


สุดจะประมาณได้ว่ามีเคล็ดวิชาและของวิเศษกี่ชนิดที่อัดแน่นแผ่นฟ้าและผืนดิน เหล่าผู้กล้าแกร่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายถึงเพียงนี้ เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน บารมีอันน่าสะพรึงกลัวย่อมยิ่งใหญ่ไพศาล สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน อากาศโดยรอบยุบตัวลงฉับไว ลมหายใจแห่งความโกลาหลพัดกระหน่ำ ผาสูญสิ้นที่สูงเสียดฟ้าเปล่งเสียงโหยหวนระงม ก่อนจะเริ่มแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ


คลื่นพลังอภินิหารยังไม่ทันปะทะเป้าหมาย


ร่างของฉู่ซิวก็ระเบิดแหลกเป็นกลุ่มเมฆเลือด และกระจายหายไปในห้วงสุญญะ เหลือไว้เพียงเสียงถอนหายใจในความว่างเปล่า


“ทำลายความเป็นอมตะ เพื่อค้นหาชีวิตนิรันดร์ ขอบเขตจักรพรรดิ ข้าเสียใจแต่ไม่เสียดาย”


“ในที่สุดก็พ่ายแพ้ เฮ้อ…”


เหล่าผู้กล้าแกร่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สิบกว่าคน มองเหม่อไปยังทิศทางที่ร่างของฉู่ซิวเคยยืนอยู่อย่างเงียบงัน


พวกเขาเหล่านั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก


เจ้าหนุ่มนั่นได้จากไปแล้ว


“คนแบบนี้ ถ้าหากยินยอมไปที่กำแพงเทียนหยวนเพื่อฆ่าพวกเถื่อนต่างเผ่า คงจะเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของพวกเรา”


“แต่น่าเสียดายยิ่งนัก… น่าเศร้าจริง ๆ”


———————


หนึ่งเดือนต่อมา


ณ แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่


ในยุคที่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอันเป็นตำนานเล่าขาน และตัวตนขอบเขตกึ่งจักรพรรดิยังไม่ปรากฏ


สถานที่ที่จะได้รับการขนานนามว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น อย่างน้อยต้องมีผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตราชันศักดิ์สิทธิ์คอยปกครองและควบคุมทุกสิ่ง


แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่มีภูเขาแห่งจิตวิญญาณรวมสิบแปดแห่ง


สามอันดับแรก ได้แก่ ยอดเขาอาญา ยอดเขาอวิ๋นเซี่ย และยอดเขาเทียนเจี้ยน ซึ่งเจ้าขุนเขาทั้งสามยอดล้วนเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งกล้าสามารถ


ส่วนอีกสิบสี่แห่ง เจ้าขุนเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ที่กล้าแกร่งลดหลั่นลงมา


ขณะที่ยอดเขาไท่ซู่แห่งสุดท้าย เป็นสถานที่ที่เหล่าตัวตนแสนยิ่งใหญ่อยู่อาศัย และยังเป็นสถานที่ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ที่ใช้สำหรับปรึกษาหารือเรื่องสำคัญอีกด้วย


สถานะของเหล่าศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่นี้เป็นในลักษณะของทรงพีระมิด โดยเรียงจากจากต่ำไปสูง ได้แก่…


ศิษย์ฝ่ายนอกนับล้าน ศิษย์ฝ่ายในนับแสน ศิษย์สืบทอดหลายหมื่น ผู้อาวุโสแห่งยอดเขาต่าง ๆ ศิษย์สายตรงหลายร้อย เจ้าขุนเขาทั้งสิบสี่ และยอดเขาใหญ่สามยอดที่มีตัวตนสูงส่งเยี่ยงผู้ละทางโลก เหล่าบรรดาผู้เป็นอมตะ!


ณ ยอดเขาอวิ๋นเซี่ย


ในถ้ำฝึกตนของศิษย์สืบทอด


บนพรมปูลาด มีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ เป็นหนุ่มร่างผอมสวมชุดคลุมดำผมสีเดียวกัน เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นเส้นแสงอสนีที่แลบผ่านในดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว


ใบหน้างดงามของอีกฝ่าย เต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย เผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา


“ต้องยอมรับว่าบางครั้ง ความล้มเหลวก็เป็นหนทางหนึ่งที่ไปถึงจุดหมายได้”


“เห็นทีกลับมารอบนี้ ข้าคงจะไร้เทียมทานในมนุษย์โลกแล้วล่ะ”


“พวกแก่ ๆ อย่างพวกเจ้า เตรียมตัวรอข้าได้เลย สามปีที่เคยพากันล้อมฆ่าข้า ข้าจะทวงคืนให้สิ้น!”


“ตอนนี้ต้องดูความทรงจำของเจ้าของร่างนี่ก่อน”


“โอ้โฮ ดูท่าข้าจะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่สินะ”


ฉู่ซิวลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากร่างกาย


“เพื่อวันนี้ ข้าเตรียมแผนสำรองไว้ถึงสามพันเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดอย่าง วิธีการฟื้นคืนชีพหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบเอ็ดอย่าง สุดท้ายก็ยังต้องลงเอยที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ ดูเหมือนว่าข้ากับที่นี่คงมีวาสนาต่อกัน!”


ฮะฮ่า ๆ


ชายผู้หัวเราะอย่างน่าขนลุกผู้นี้ชื่อฉู่ซิว เดิมทีเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดา ๆ บนดาวสีน้ำเงิน ระหว่างกลับบ้านเกิดในช่วงปิดเทอม เผลอตกลงไปในบ่อน้ำโบราณและเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในทวีปต้าเทียนฉงเสียแล้ว


เช่นเดียวกับเหล่าตัวเอกในนิยาย เขาก็มี ‘นิ้วทอง’ อย่างระบบด้วยเช่นกัน


แต่ระบบนี้ไม่ธรรมดา ชื่อว่าระบบปฏิปักษ์แห่งสวรรค์


หากก่อกรรมชั่วร้ายมากพอ ก็จะทำให้ตัวเขามีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากพยายามหาหนทางมาเก้าปี เขาที่ปฏิเสธในตอนแรก แต่เพราะโลกนี้ ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ หากไม่สู้ก็ต้องตาย ชายหนุ่มจึงต้องยอมจำนนต่อสิ่งนั้น


หลังสู้รบตลอดหนึ่งร้อยปี เขาก็ก้าวขึ้นมาจากตัวตนเล็กจ้อย ฆ่าฟันจนอยู่ในขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาได้รับความเกลียดชังจากเหล่าผู้มีอำนาจในทวีปต้าเทียนฉง ดินแดนมนุษย์ทั้งหมด


ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถูกล้อมฆ่า แน่นอนว่าฉู่ซิวได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าวันนี้จะมาถึง ดังนั้นเขาจึงได้วางแผนการไว้ล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง


ในตอนนี้เขาสามารถฟื้นคืนชีพได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการรองรับหลายๆอย่างที่เขาเตรียมไว้สำหรับตนเอง


[ระบบ: ตรวจพบว่าท่านได้ฟื้นคืนชีพ ฟังก์ชันของระบบจึงเปลี่ยนแปลงไป กรุณาเลือกหนึ่งจากสองตัวเลือกต่อไปนี้]


[ปฏิปักษ์แห่งสวรรค์: หากท่านก่อกรรมชั่วอย่างต่อเนื่อง ท่านจะได้รับรางวัลจากระบบ]


[จอมวายร้ายแฝงตน: หลังจากที่ท่านได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ท่านจะรู้สึกเจ็บปวดและจำต้องหลบหนีไปก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่มพลังให้แข็งแกร่งก่อนที่จะไปก่อกรรมชั่วอีกครั้ง]


[หมายเหตุ: หากท่านเลือกเป็นจอมวายร้ายแฝงตน ท่านจะได้รับรางวัลพิเศษทุกครั้งที่ท่านก้าวข้ามขีดจำกัด]


แววตาของฉู่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่ลูบไล้คางของตนเอง


ลึก ๆ แล้วฉู่ซิวก็คิดว่าตนเองมิได้เป็นคนดี แต่ชีวิตที่ตกต่ำจนผู้คนรุมประณามด่าทอนั้น ช่างแสนยากลำบากยิ่งนัก ชาติภพนี้เห็นทีตัวเขาคงต้อง ‘แฝงกาย’ แทน เฝ้าแอบฝึกฝนความแข็งแกร่ง และลำลายแผ่นดินใต้หล้านี่ซะ ผลลัพธ์เช่นนี้ย่อมน่าสนุกไม่หยอก!


หากสามารถฝังตัวเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนนี้ได้ จากนั้นตัวข้าก็… ฮะฮ่า!


“เร่งความเร็วในการฝึกฝนหรือ? ชอบใจยิ่งนัก!!”


“ข้าเลือกข้อที่ 2”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว