“ทำอะไรหรือขอรับ “
“หาวิธีทำให้แท่งหยกของข้ามันฟื้นคืนชีพ เพื่อผลิตทายาทน่ะสิ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูจวนพอดี แจ็คสันเห็นป้ายเหนือประตูจวนเขียนด้วยลายอักษรวิจิตร
- จวนตระกูลหวังเฉา -
เขาแค่นเสียงในลำคอว่า “หวังเฉาหรอ ใครอยากจะหวังให้แท่งหยกอับเฉากัน” แค่เห็นป้ายชื่อก็รู้สึกแสลงใจขึ้นมา “ป้ายชื่อนี้ช่างอับมงคลยิ่งนัก “
ด้วยเหตุนี้ แจ็คสันจึงก้มลงเก็บเอาก้อนหิน แล้วกวักมือเรียกผางซื่อให้มายืนตรงตำแหน่งใต้ป้ายจวน
“นั่งลง”
แจ็คสันสั่ง
“ขอรับคุณชาย”
ผางซื่อไม่ถามมากความ เมื่อเจ้านายสั่งเขาก็นั่งยอง ๆ ยอมให้เจ้านายขึ้นขี่คอจากนั้นก็ลุกขึ้นตามคำสั่ง
“เอาละเจ้าอยู่นิ่ง ๆ ห้ามขยับเข้าใจหรือไม่ “
ผางซื่อรับคำ “ขอรับ” ร่างบอบบางของคุณชายซั้นซั้นเบากว่าเขามาก ผางซื่อจึงยืนขึ้นได้โดยไม่เอนเอียง
แจ็คสันใช้ก้อนหินขีดเขียนตัวอักษรเพิ่มเติมในป้ายชื่อตะกูล เมื่อเขียนคำเป็นที่พอใจแล้ว เขาจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ “เอาละ.. วางข้าลงได้”
“ขอรับ”
ผางซื่อย่อตัวให้เจ้านายลงจากคอ จากนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองที่ป้ายชื่อหน้าจวน ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้าง
ชื่อจวนถูกเปลี่ยนจาก – จวนตระกูลหวังเฉา- กลายเป็น – จวนตระกูลหวังสี่เจา -
เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจว่า “คุณชายทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ นี่เป็นป้ายชื่อตระกูลที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้ หากมีใครรู้เข้า ท่านกับข้าวต้องถูกตัดหัวแน่ ๆ “
แจ็คสันหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด แล้วใครเลยจะรู้ อีกอย่างเจ้าไม่คิดหรือว่า ตระกูลหวังสี่เจา ฟังแล้วรู้สึกคึกคักกว่าตระกูลหวังเฉาเป็นไหน ๆ”
ผางซื่อแทบจะร้องไห้ออกมา “คุณชาย.... “
แจ็คสันเชิดหน้า ตบอกตนเองแล้วประกาศว่า “ข้าคือ โอฬาร แห่งตระกูล หวังสี่เจา !”