“พี่อุตส่าห์ตามหานายมาตั้งนาน กว่าจะพบตัวไม่ง่ายเลยนะ” ชายหนุ่มบ่นเสียงดังก่อนจะเพิ่มความเร็วเข้าไปอีกด้วยความโกรธเด็กหนุ่มที่ไม่เคยจะเห็นความดีของเขาบ้างเลย
เขาออกตามหาโอมนานถึงสี่ปี รู้ไหมว่าเขาทุ่มเททั้งเงินทั้งแรงกายไปมากตั้งเท่าไหร่กว่าจะตามหาตัวเด็กหนุ่มพบ แต่เมื่อพบแล้วโอมกลับไม่เคยคิดจะเห็นเขาเป็นคนที่ดีในสายตา แถมยังเย็นชาใส่
โอมขึ้นเสียง น้ำตาคลอ “ผมมีพี่ชายแค่คนเดียว คุณไม่ใช่พี่ผม เราสองคนก็แค่คนรู้จักกัน”
เอี๊ยดดดดดด !
เสียงล้อรถครูดไปกับถนนเพราะคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน
ฟาฮ์เดลหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทาง เมื่อรถนิ่งสนิทแล้ว เขาจึงหันมาจ้องเด็กหนุ่มตาขวาง
“แค่คนรู้จักเหรอ ลืมไปแล้วเหรอว่านายเป็นของฉันแล้ว”
โอมยกมือขึ้นปิดปิดตัวเองไว้ “หยุดพูดเรื่องนี้ผมไม่อยากฟัง”
ฟาฮ์เดลดึงมือเด็กหนุ่มออก “...ต่อให้นายหนีไปจนสุดขอบฟ้า ตราที่ฉันประทับเอาไว้มันก็ไม่มีทางลบเลือนได้”
”บอกให้หยุดไงเล่า”
โอมแทบจะกรีดร้องออกมา เพราะตราบาปที่ฟาฮ์เดลประทับไว้ในตัวเขา จึงทำให้เขาต้องถูกพ่อแท้ ๆ ขับไล่ออกจากบ้าน ด่าว่าเขาเป็นตัวประหลาด ที่ถูกลิขิตให้สืบทอดสายเลือดโอเมก้า เป็นมนุษย์เพศผู้ที่ต้องสมสู่กับเพศเดียวกันจนตั้งครรภ์
“ฉันจะพูดจนกว่านายจะยอมรับตัวนายเอง ฟังนะ...โอม” ฟาฮ์เดลน้ำเสียงอ่อนลง “สิ่งที่เราทั้งคู่เป็น... ไม่ใช่ตัวประหลาด แต่พวกเราเป็นมนุษย์พิเศษที่สวรรค์เลือก และรอยตราประทับที่ฉันทำกับนาย ไม่ใช่ตราบาป แต่มันคือ พันธสัญญารักระหว่างเรา เป็นเครื่องหมายที่แสดงว่านายเป็นของฉันเท่านั้น”
“........”
เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไม่พูดจาตอบโต้ใดใด
ฟาฮ์เดลยกมือขึ้นเสยผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคม “ฉันรู้... ให้นายยอมรับตอนนี้คงเป็นเรื่องยาก แต่ขอได้ไหม... กลับบ้านกับฉันเถอะ พี่ชายนายกำลังรอนายกลับไปหาเขา”
โอมยังคงนิ่ง คล้ายกับกำลังตัดสินใจ ฟาฮ์เดลจึงกล่าวย้ำไปอีกว่า
“พ่อกับแม่นายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของนายก็คือเบส ไม่คิดถึงพี่ชายนายบ้างหรือไง”
“ตกลง... ผมจะกลับไปกับคุณ”
ฟาฮ์เดลได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มฉันพลัน เมื่อโอมเอ่ยประโยคต่อมาว่า
“...แต่ผมแค่ไปเยี่ยมพี่ชายเท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นตลอดไป”
“ก็ได้... ตามนั้น”
ฟาฮ์เดลพยักหน้ารับทราบ คิดในใจว่า อย่างน้อยก็หาตัวเจอแล้ว นับจากนี้ เขาจะไม่ปล่อยโอมให้ไปไกลจากเขาอีกแม้แต่ก้าวเดียว