ท่านสามี อย่าโอหัง -ตอนที่ 38 ขอฝน

โดย  Enjoybook

ท่านสามี อย่าโอหัง

ตอนที่ 38 ขอฝน

ความเสียหายกระจายไปทั่ว พื้นสนามรบพังพินาศ ชิ้นส่วนอวัยวะปลิวว่อน ละอองเลือดฟุ้งไปบนอากาศ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง เปลวเพลิงโหมไหม้ สะเก็ดไฟบินไปมาราวกับมีชีวิต หิมะละลายกลางอากาศ น้ำขังระเหยเป็นไอ อุณหภูมิร้อนสูงจนหายใจลำบาก มีเสียงโหยหวนขอความช่วยเหลือดังขึ้นไม่หยุด


สนามรบแถบนี้กลายเป็นนรกในพริบตา


*****


โวแคนตื่นตะลึงกับภาพสุดสายตาตรงหน้า ถ้าเป็นบอสมอนสเตอร์ในชั้นลึกๆ เขาพอเข้าใจได้


แต่ถ้าเป็นอสูรที่ได้รับรายงานว่าพึ่งค้นพบได้ไม่นานทำได้ถึงขนาดนี้มันก็อันตรายเกินไป


แบบนี้ไม่รูปแบบกลายพันธุ์ก็กระหาย ยิ่งปล่อยให้มันรอดได้นานมันจะยิ่งวิวัฒนาการไม่หยุด


อันตรายเกินไปที่จะปล่อยไว้ ในอนาคตสกิลดาวตกของข้าอาจเป็นแค่ลูกบอลสำหรับมัน


อยากยิงซ้ำไปอีกสักสองสามลูกให้แน่ใจ แต่เพราะไม่รู้ว่ามีอัศวินอยู่ในพื้นที่ด้วยไหม


ถ้าอัศวินได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ถึงจะเป็น [แรงค์ A] ก็ต้องรับผิดชอบหนัก


ยังไม่อยากเป็นหมาที่อาณาจักรล่ามโซ่ไว้ใช้งานแบบชี้เป็นชี้ตาย


ข้าจึงหันไปสั่งลูกกิลแทน


“ระดมกำลังไปยังจุดที่ข้ายิงล่าสุด ขอกำลังเสริมตามทางไปด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องฆ่าอสูรปลาตัวนั้นให้ได้”


*****


อสูรปลาเกล็ดใบมีดพลังงาน


ครั้งนี้ตัวข้าได้รับความเสียหายหนักสุดเท่าที่เคยได้รับมา


เกล็ดรอบตัวฉีกขาดเสียหายไปเกินครึ่ง เลือดไหลท่วมตัว หัวไหล่ขวาฉีกขาดจนแขนห้อยต่องแต่ง หน้าซีกซ้ายไปจนถึงปากแหว่งหาย


หางทั้งสี่เหลือแค่หางเดียว เท้าขวาขาดจนถึงเข่า


ข้าจึงต้องคลานไปทั่วสนามรบเหมือนอาหารขยะสองตัวนั่น


ต้องกินเพื่อวิวัฒนาการ


ข้าไล่กินอาหารทุกตัวที่ข้าเห็น โดยใช้หางอันสุดท้ายช่วยจิ้มเศษชิ้นส่วนที่อยู่ไกลมือมาป้อนใส่ปาก


แม้แต่คราบเลือดที่ซึมลงไปแล้วข้าก็กำดินส่วนนั้นกลืนลงไป


ไม่เลือกกิน ไม่มีวันตาย


โชคดีอีกอย่างที่อาหารมันกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด ข้าจึงไม่ต้องเสียเวลาหาเอง


ครั้งนี้ข้าต้องกินเยอะกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่าตัว เสียงในหัวเอาแต่พร่ำบอกว่ามันยังไม่พอ


เสียงโหยหวนในสนามรบค่อยๆ เงียบไป มีทั้งที่โดนข้ากินและกลัวข้าเจอตัวจนปิดปากเงียบและซ่อนตัว


ข้ามองไปยังตำแหน่งของเพื่อนต่างพันธุ์ ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นเหลือเพียงหลุมลึกกับเปลวเพลิงขนาดใหญ่


ไม่รอดสินะ อุตส่าห์ว่าจะชวนไปหาที่อยู่ในป่าใกล้ๆ กันหลังหนีออกไปได้


ข้าหันไปมองอีกตำแหน่งโดยแอบหวังเล็กน้อย แต่ก็ต้องผิดหวัง


เพราะเจ้าอาหารชั้นสูงตัวนั้นไร้รอยขีดข่วน มันเดินชิลอย่างไม่สะทกสะท้านผ่านเปลวเพลิงหน้าตาเฉย ที่มือขวาจิกหัวบอสอดีตเพื่อนลากไปแนวหลังกับมัน


ส่วนบอสอดีตเพื่อนอาการร่อแร่จนขัดขืนอะไรไม่ได้ บาดแผลสาหัสยิ่งกว่าข้าหลายเท่าตัว จากฝีมือของอาหารชั้นสูงกับเศษหินติดไฟ ยกเว้นแค่ใบหน้าที่เดียวที่ไม่เป็นอะไรเลย


แล้วข้าก็เสียวสันหลังไปทั้งตัว ความหวาดกลัวทำข้าหายใจไม่ออก เมื่ออาหารชั้นสูงตัวนั้นหยุดเดินแล้วหันมามองข้า


มันยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังทิศทางนึง ข้ามองตามมือมันไปอย่างเชื่อฟัง


ตรงที่มันชี้ไปค่อนข้างไกล ตรงนั้นมีอาหารนอนกองกันมากมาย


แต่ที่อาหารชั้นสูงหมายถึงคงเป็นอาหารขยะสองตัว


ตัวนึงแน่นิ่งไม่ขยับ ส่วนอีกตัวเป็นอาหารสัตว์ที่เลือดท่วมตัว สภาพสาหัส กำลังพยายามตะโกนไม่หยุด แต่ไม่มีอาหารตัวไหนสนใจพวกมัน


กลับกันอาหารตัวอื่นรอบตัวมัน รวมทั้งอาหารน่ารำคาญที่ช่วยพาพวกอาหารขยะหนีไปจากข้า ถูกช่วยอย่างรวดเร็ว


ข้าหันกลับไปพยักหน้าไม่หยุดแล้วรีบคลานไปยังทิศนั้นทันที


คลานไปได้สักพักก็แอบเหลือบมองกลับไป อาหารชั้นสูงตัวนั้นไม่สนใจข้าแล้วลากหัวบอสอดีตเพื่อนต่อไปอย่างอารมณ์ดี


ข้าจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบคลานไปให้เร็วที่สุด แม้แต่ชิ้นส่วนอาหารที่ต้องอ้อมนิดหน่อยก็ไม่ไป


คลานไปได้สักพักข้าก็มองสำรวจสถานการณ์ในตอนนี้


ฝั่งอดีตเพื่อนเพราะแถวนี้อุณหภูมิร้อนสูงเกินไปจึงเลี่ยงอ้อมไปฆ่าพวกอาหารเส้นทางอื่น พวกอาหารจึงรับมือได้ง่ายขึ้น


แต่มีพวกอดีตเพื่อนจากชั้นลึกชั้นนึงกำลังฉีดพ่นน้ำใส่เพื่อสร้างพื้นที่ได้เปรียบอีกครั้ง


ส่วนพวกอาหารสายซัพพอร์ตเริ่มเข้าพื้นที่มาช่วยเหลือพวกของมัน ทั้งรักษากับเก็บกู้ซากร่างเท่าที่ทำได้ แต่พวกมันไม่สนใจพวกอาหารขยะแม้แต่ตัวเดียว ปล่อยให้พวกอาหารขยะเอาตัวรอดกันเอง


ข้าคลานไปอีกสักพัก ประสาทสัมผัสกับลางสังหรณ์ก็เตือนข้าว่ามีอาหารหลายตัวกำลังเพ่งเล็งมาที่ข้า


มันมาจากปลายทางอีกด้านหนึ่ง ตรงนั้นมีพวกอาหารกลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาในพื้นที่ พวกนี้เป็นอาหารชั้นกลางสายต่อสู้ มันควานหาบางอย่างไปทั่ว


ข้าโชคดีที่สายตามองได้ไกลกว่าและพื้นที่ตอนนี้มีแต่เปลวไฟลุกไหม้ทำให้พวกมันมองหาตัวข้ายาก


ข้าเกิดความกลัวขึ้นมาจนตัดสินใจไม่ได้


หากข้าทำตามคำสั่งอาหารชั้นสูง ข้าอาจวิวัฒนาการไม่ทัน


แต่ถ้าไม่ทำตาม ข้าต้องถูกอาหารชั้นสูงฆ่าทิ้งแน่


ในสภาพแบบนี้เลือกทำตามคำสั่งที่ให้กินอาหารขยะสองตัวนั้นคงจะดีกว่า


ข้ามองกลับไปยังอาหารขยะที่เป็นเป้าหมายอีกครั้ง


นี่ก็ผ่านมานานแล้ว มีอาหารวิ่งผ่านมันไปมากมาย แต่ไม่ว่าอาหารสัตว์จะกราบขอร้องหรือตะโกนจนสำลักเลือดออกมาแค่ไหน ก็ไม่มีอาหารแม้แต่ตัวเดียวจะสนใจพวกมัน


ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาช่วย งั้นข้าก็มีเวลาเหลือเฟือน่ะสิ


ข้าเปลี่ยนเส้นทางทันทีแล้วเริ่มไล่กินอาหารทุกอย่างที่หาได้


และหลังจากนั้นไม่นาน ข้าก็กินจนสามารถวิวัฒนาการได้


ความต้องการของข้านั้นแรงกล้า อยากแข็งแกร่งเหมือนอาหารชั้นสูงตัวนั้น


สติข้าหายไป ร่างกายทุกส่วนถูกบดย่อยเป็นของเหลวแล้วทำการสร้างขึ้นใหม่


*****


“มันต้องบาดเจ็บอยู่แน่ เพราะงั้นไม่ต้องกลัว!”

“นี่คือโอกาสที่จะได้เฉิดฉายของคนตัวเล็กอย่างพวกนาย!”

“ใครอยากมีประวัติเคยฆ่าอสูรติดตัวไปตลอดชีวิตก็รีบตามมา!”

“เกียรติยศ! เงินทอง! ชื่อเสียง! รอพวกแกอยู่!”

“สักวันพวกแกจะได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าเคยล่าอสูรมาแล้ว”

“ใครอยากดังจนกิลใหญ่ต้องมาเชิญตัวก็ไปล่าด้วยกัน!”

“โอกาสเนื้อหอมในหมู่สาวๆ หนุ่มๆ มาแล้วนะเว้ย!”

“พวกเราหลายคนจะช่วยกันฆ่ามัน!”

“ใครอยากไปตามพวกเรามา!”


ระหว่างทางมีหลายคนพูดปลุกใจจนดึงดูดหลายคนเข้ามาร่วมด้วยกันเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่


ซึ่งเป็นแผนของรองหัวหน้ากิล [ผู้พิชิต] เธอทำการว่าจ้างพวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจเก่งจากแนวหลังหลายคน


มาช่วยขายฝันเพื่อระดมพวกแรงค์ต่ำไปเป็นแนวหน้าให้เยอะที่สุด


ต่อให้อสูรจะบาดเจ็บยังไงมันก็ยังเป็นอสูร ยังมีความอันตรายอยู่ดี


เพราะงั้นการเสียเงินเล็กน้อยเพื่อให้คนของกิลตัวเองปลอดภัยจึงคุ้มค่านัก


พวก [แรงค์ F] กับ [แรงค์ E] จึงติดกับแล้วมารวมตัวกันยังกับแมลงวัน มีกระทั่งพวกสายซัพพอทแต่หวังอยากดังตามมาด้วย


[แรงค์ D] ที่ยังไม่มีกิล ส่วนใหญ่เลือกเข้าร่วมหมด มี [แรงค์ C] บ้างประปราย


[แรงค์ B] มีแค่คนของกิลผู้พิชิตกับกิลพันธมิตรส่งมาช่วย นอกนั้นต้องไปช่วย [แรงค์ A]


ส่วน [แรงค์ A] นอกจากคนที่ไม่สามารถสู้ต่อได้กับไจเกียที่อยู่ใกล้อสูรที่สุดแต่ไม่สนใจ ก็ไม่มีใครว่างเลยสักคน


ลาสวินกับรองหัวหน้ากิล [เวทย์กังวาน] ที่ฟื้นพลังได้ก็เริ่มสู้ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเอง


เนื่องจากมอนสเตอร์ชั้นลึกลงไปออกมาไม่หยุด แต่ละชั้นก็ยิ่งทวีจำนวนกับความโหดร้ายป่าเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ


พวกเขาแต่ละคนแค่จัดการมอนสเตอร์ในพื้นที่ที่พวกเขารับผิดชอบไม่ให้หลุดออกจากกำแพงกับเข้าไปในเมืองก็แทบไม่ว่างแล้ว


เรื่องอสูรพวกเขาส่วนใหญ่จึงต้องบอกปัดให้แรงค์ต่ำกว่านั้นช่วยจัดการ


เมื่อถึงพื้นที่ความเสียหาย พวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจก็ถอนตัวออกไป


“กระจายไปให้ทั่ว! เจอตัวอะไรแปลกๆ ฆ่าให้หมด!”


ทุกคนส่งเสียงเฮก่อนกระจายตัวกันออกไป


*****


คาลิก้า เนฮิว


เหตุการณ์ก่อนหน้า หลังกำแพงเมืองแตกจากการโจมตีของบอสนางเงือก


เมื่อวิ่งเต็มฝีเท้าไม่นานก็ถึงประตูเมือง


ประตูเมืองตอนนี้ปิดไปแล้ว ด้านหน้าประตูมีทหารยืนเรียงล้อมประตูเป็นครึ่งวงกลมถึงหลักพัน


พวกเขาตั้งกำแพงโล่กับหอกเตรียมพร้อมรับการโจมตีตลอดเวลา


เมื่อถึงแถวหลังสุดชั้นก็เข้าไปคุยกับทหารคนนึง


“ขอโทษนะคะ ขอผ่านเข้าเมืองได้มั้ย”


ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน ทหารหลายคนที่ได้ยินเสียงต่างหันมามองชั้น


“ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ”


“ดาเนียค่ะ เอ๊ย... ดาเนียนั่นแหละค่ะ”


หทารทำหน้างงที่ชั้นไม่แน่ใจชื่อตัวเอง ชั้นคงรีบร้อนเกินไป รู้งี้น่าจะอ้างชื่อฟอร์ซิเทียซะก็ดี


“ขอทราบตระกูลด้วยครับ”


“ไม่มีค่ะ”


“เป็นประชาชนหรือนักผจญภัยครับ”


“นักผจญภัยค่ะ ชั้นต้องรีบเข้าไปในสลัม ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ”


“ขอดูบัตรนักผจญภัยด้วยครับ”


ชั้นทำเป็นค้นหารอบตัว


“น่าจะทำหายในดันเจี้ยนค่ะ”


ทหารต่างมองหน้ากันก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา


“จริงๆ มีคำสั่งไม่ให้ใครเข้าออกแล้วครับ แต่เดี๋ยวจะลองไปถามหัวหน้าดูให้ครับ”


“ขอบคุณมากค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ”


สำหรับชั้นตอนนี้แม้แต่วินาทีเดียวก็ยาวนานเหมือน 1 วัน


ทหารน้ำแข็งครึ่งนึงที่ส่งไปพาเอลด้ากลับมาก็หายไปเลย ชั้นจึงยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม


ผ่านไป 5 นาที ทหารคนนั้นถึงเดินกลับมา


“ท่านบอกว่า ถ้าไม่มีคำสั่งของอัศวินหรือบัตรนักผจญภัยยืนยันว่าเป็นคนของกิลใหญ่หรือ [แรงค์ C] ขึ้นไป ก็ไม่สามารถให้ผ่านได้ครับ ถ้าอยากเข้าสลัมให้เข้าตรงนู้นแทนครับ”


แล้วทหารก็ชี้ไปที่สนามรบตรงที่กำแพงเมืองพัง


ตรงนั้นไม่ใช่แค่ไกล แต่ชั้นต้องเสียเวลาฝ่าพวกมอนสเตอร์เข้าไปอีก


“แต่...!”


จังหวะที่จะเถียงกลับไป ประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกน


“ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!”


“ย้ำคำสั่งท่านอัศวิน! ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!”


เสียงคำสั่งมาจากชายผมสีเงิน หน้าตาดีที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเหนือประตู เขาสวมชุดเกราะหรูหราต่างกับคนอื่นลิบลับ ก่อนที่ทหารส่วนตัวของเขาจะทวนคำสั่งเสียงดังอีกรอบ


“รับทราบคำสั่ง! ทุกหน่วยแปรขบวน! เสริมกำลังที่นอกกำแพงเมืองตามคำสั่งท่านอัศวิน!”


คำสั่งของอัศวินคนนั้นเพียงประโยคเดียว ทำให้หัวหน้ากองทหารต่างขานรับและรีบสั่งให้ทหารแปรขบวนแล้วเดินทัพทันที


ชั้นจึงฉวยโอกาสวิ่งอ้อมแถวเพื่อรีบเข้าไปในประตู


แต่พอประตูเปิดออกจนสุดทหารจำนวนมหาศาลก็เดินทัพออกมาไม่หยุด จนไม่มีช่องว่างให้แทรกเข้าไป


“ขอโทษนะคะ ขอทางสักเล็กน้อยให้ชั้นเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ”


มีคนมอง แต่ไม่มีใครหยุดให้ ชั้นลองรวบรวมพลังดูแล้วมองที่ทางเข้าออกประตูเมืองอีกครั้ง


น่าจะไหว คงไหวแหละ


ชั้นก้าวถอยหลังเพื่อสร้างระยะก่อนออกวิ่งเต็มฝีเท้า ทุกเท้าที่เหยียบลงไปจมลงไปในดิน ฝุ่นฟุ้งกระจาย


เสียงตึงตังทำให้ทหารแถวนั้นหันมามอง


จนใกล้จะชนกับทหารที่ออกมา ชั้นก็ออกแรงถีบพื้นลอยข้ามหัวพวกทหารไปที่ประตูเมือง


เมื่อถึงประตูชั้นก็ถีบเท้าใส่อีกครั้งจนพุ่งเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ


แต่พอเท้าชั้นถึงพื้น ยังไม่ทันออกวิ่ง อัศวินผมสีเงินที่อยู่บนกำแพงคนนั้นก็ลอยตัวลงมาขวางทางหน้าชั้นด้วยเวทย์ลม


“หยุด จงบอกชื่อกับตระกูลของเธอมา”


แล้วทหารส่วนตัวของเขาก็ลอยตามลงมาล้อมรอบชั้นกว่าสามสิบคน ทั้งหมดเป็นทหารหญิงที่ท่าทางดูแข็งแกร่ง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว