ตอนที่ 20 ร่วมมือกัน
นางรู้สึกแปลกใจ แต่นางยังคงยิ้มและเอ่ยชื่อของตน “หลิงซานฉิง” น้ำเสียงไพเราะ สีหน้าราบเรียบ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนออะไร ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นประโยชน์สำหรับนาง
วินาทีนั้นนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าปิดบังเอาไว้น่าจะดีกว่า แต่คงใช้ไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อค้าหน้าเลือดอย่างซือหงหยวน
ความแปลกใจแวบผ่านแววตาของเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาส่ายพัดใบตาลไปมาไม่หยุด และกล่าวด้วยรอยยิ้มแจ่มใสที่แฝงไปด้วยความกระตือรือร้น “บอกตามตรง ข้าผู้นี้ก็คิดว่าภัตตาคารนี้ดูจืดชืดไปหน่อย เมื่อได้ฟังคำพูดของแม่นางหลิงเมื่อครู่ ก็คิดได้ทันทีว่าควรปรับเปลี่ยนภัตตาคารแห่งนี้เสียใหม่ หากแม่นางหลิงมีความเห็นใด บอกมาได้เต็มที่เลย ข้าจะรับฟังอย่างตั้งใจ"
หลิงซานฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของอีกฝ่ายดูจริงจัง แววตาแฝงไปด้วยความอยากรู้ปนเปไปกับความสนใจอย่างแรงกล้าประหนึ่งคนที่กำลังเรียนหนังสือ อีกทั้งน้ำเสียงยังเจือไปด้วยความขี้เล่น
ไม่นึกเลยว่าจะยังมีคนที่มีความคิดล้ำหน้าเช่นนี้อยู่ในยุคโบราณ นางรู้สึกชื่นชมซ้ำ ๆ แต่ไม่แสดงสีหน้าออกมามากนัก “คุณชายซือ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยปรึกษากับเจ้าหรอกนะ ข้ามีสูตรสูตรหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณชายซือจะสนใจหรือไม่”
จุดประสงค์ที่นางมาในครั้งนี้คือการขายสูตรนี้ คำพูดเหล่านั้นที่นางพูดเมื่อครู่ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่านางมีค่าก็เท่านั้น หากนางโง่และพูดความต้องการที่แท้จริงออกมาโดยตรง มันคงไม่ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
นางไม่ได้พูดต่อ แต่สีหน้าของซือหงหยวนมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่นานมันก็สว่างขึ้นอีกครั้ง และเอ่ยอย่างร้อนอกร้อนใจ “แม่นางหลิง เจ้าพูดมาเลยว่ามันคือสูตรอะไร?”
สูตรอาหารที่นางคิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และไม่เคยมีในโลกมาก่อนหรือเปล่านะ?
ด้วยเหตุนี้นางจึงโล่งใจ หยิบสูตรออกมาจากแขนเสื้อ “คุณชายซือ ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ข้าจะไม่อธิบายสิ่งใดมาก นี่คือสูตรหมั่นโถวของตระกูลฉา คุณชายซือกล้ารับไว้หรือไม่?”
ซือหงหยวนยังคงยิ้มต่อไป เขาหุบพัด พลางกล่าวด้วยสายตาขี้เล่น “ก็แค่สูตร เหตุใดต้องพูดว่ากล้ารับหรือไม่ด้วย แม่นางหลิงเสนอราคามาเถอะ” เขาอดไม่ได้ที่จะมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในอำเภอหรงอินมาบ้าง ครั้นได้ยินชื่อนางเมื่อครู่ เขารู้สึกว่าความเห็นอันโดดเด่นเหล่านั้นสมเหตุสมผล และนางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา
พูดง่าย ๆ ว่าสถานะของตระกูลซือในอำเภอหรงอินนั้นมิอาจดูแคลนได้ อย่างน้อยตระกูลซือก็ไม่หลีกเลี่ยงตระกูลอวี๋
ครั้นเห็นท่าทางของเขา นางก็ถอนหายใจออกมาพลางฉีกยิ้มขึ้น "สามสิบตำลึง ว่าอย่างไร?" นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวอีกว่า "แม้สูตรนี้จะไม่มีเพียงแค่ฉบับเดียว แต่ก็ยังมีราคาของมัน"
ซือหงหยวนตะลึงเล็กน้อย ดวงตาของเขาดูขี้เล่นและเต็มไปด้วยความสนใจ “เหตุใดเแม่นางหลิงถึงเตือนข้าว่าสูตรนี้ไม่ใช่สูตรฉบับเดียว” รู้หรือไม่ว่าหากนางยืนยันว่ามีฉบับเดียว เขาจะไม่สืบสาวแน่นอน ก็แค่สูตรเท่านั้น จะแพงเท่าไหร่กันเชียว
หลิงซานฉิงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ สายตาที่เต็มไปด้วยความคิดของนางเจือไปด้วยความขี้เล่นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดกันที่คุณชายซือหลอกง่ายเช่นนี้” แม้ว่านางจะไม่พูด เขาก็คงรู้แล้ว
ซือหงหยวนตะลึงเล็กน้อย เขาหัวเราะเสียงดังออกมาทันที น่าสนใจ น่าสนใจมาก ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
ระหว่างที่กำลังหัวเราะนั้น เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกอาหารเข้ามา อาหารมีทั้งหมดแปดอย่าง หนึ่งน้ำแกง และแต่ละอย่างดูประณีตงดงาม หลิงซานฉิงกวาดสายตามอง ท้องก็ร้องออกมาไม่หยุด
ซือหงหยวนทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงท้องร้องของนาง เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา “เแม่นางหลิงรีบลองชิมดู ข้าไม่รู้ว่าอาหารอื่น ๆ ในภัตตาคารจะถูกใจเจ้าหรือไม่” เขาอมยิ้ม น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขี้เล่น
หลิงซานฉิงรู้สึกดีขึ้นอย่างมาก นางคีบอาหารสองสามอย่างและกลืนลงท้อง หลังจากนั้นไม่นานนางก็พบเรื่องแปลกใหม่
แค่ดูก็รู้แล้วว่าอาหารประณีตงดงามแต่ละอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ใช่คนทั่วไปสามารถทานได้ แต่เห็ดหูหนูขาวราคาถูกบนจานที่อยู่ตรงกลางนี่คืออะไร?
หลิงซานฉิงคิดว่ามันเป็นการตกแต่งจานในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเขาทานอย่างมีความสุข นางก็ลังเล
ซือหงหยวนวางตะเกียบลง ก่อนจะจิบน้ำสะอาดอย่างสง่างามแล้วเลิกคิ้วขึ้น “แม่นางหลิงไม่ชอบ ‘ห่อเงิน’ นี้หรือ?” อาหารจานนี้เป็นของหายากและเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ มากที่สุด เห็ดหูหนูขาวนี้เนียนลื่นชุ่มชื่นอร่อยมาก ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนแรกที่ดูไม่ชอบ
“ห่อเงิน?” น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย นางชำเลืองมองเห็ดหูหนูขาวธรรมดานี้ และไม่คิดว่ามันจะใช้ชื่อนี้ได้
นางคิดสิ่งใดอยู่ก็แทบแสดงออกมาบนใบหน้า และไม่อาจหลุดรอดสายตาของพ่อค้าได้ ซือหงหยวนเหลือบมองห่อเงินนั้นแล้วมองไปที่นางอีกครั้ง พลางหันข้างยิ้มออกมา “แม่นางหลิง นี่เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของภัตตาคารซือเจิ้ง เดิมทีคิดว่าสตรีจะชอบ ไม่นึกเลยว่าข้าจะคิดผิด”
หลิงซานฉิงประหลาดใจมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ อะไรนะ? อาหารขึ้นชื่อ? มันไม่ใช่แค่เห็ดหูหนูขาวจานหนึ่งหรอกรึ? หลังจากนางตั้งใจฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วก็รู้ว่านี่คือเห็ดหูหนูขาวธรรมดา แต่ในสมัยโบราณ ราคาของเห็ดต่าง ๆ นั้นสูงกว่าในสมัยปัจจุบันหลายเท่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเห็ดหูหนูขาวจึงถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่
หลิงซานฉิงคิดในใจ การเพาะเห็ดไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่างในชาติก่อนนี้พ่อของนางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเชื้อรา นางจึงชินหูชินตามาตั้งแต่เด็ก การเพาะเห็ดจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
เมื่อมีแผนในใจ นางก็คลายมือที่กำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ไม่นึกเลยว่าการที่นางมาขายสูตรที่ภัตตาคารแห่งนี้จะได้พบเส้นทางหาเงินอีกทางหนึ่งด้วย
นางมีท่าทางกระปรี้กระเปร่า พลางยกยิ้มมุมปาก “คุณชายซือ เจ้ารับสูตรนี้ไปก่อน ในอนาคตโอกาสที่พวกเราจะร่วมมือกันยังมีอีกมาก” น้ำเสียงของนางผ่อนคลายและมีแผนในใจ
ซือหงหยวนยังคาดหวังว่านางจะเสนอความเห็นมากกว่านี้อีกหน่อย และเนื่องจากนางเป็นคนที่น่าสนใจ เขาจึงตอบตกลง
ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระกันพอสมควร
หัวหน้าหมู่บ้านเป็นกังวลและเดินไปรอบ ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ในบ้านของเขา
เหยียนเอ๋อร์ตัวใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับเพื่อนบ้าน เมื่อกลับถึงบ้านก็เห็นเขามีท่าทางไม่สบายใจจึงเดินเข้าไปถาม “เป็นอะไร ถูกคุณชายรองตระกูลอวี๋ตำหนิมารึ?”
นางได้ยินจากเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในศาลาว่าการ หลิงซานฉิงช่วยฉาจื่ออัน และทั้งสองคนก็กลับบ้านไปอย่างสบายหายห่วง แต่กลับทำให้พวกเขาลำบาก
หลี่ฉางชะงักฝีเท้า และถอนหายใจออกมา “จะไม่ใช่เรื่องของสะใภ้สามตระกูลฉาคนนั้นได้อย่างไร หากครั้งนี้ข้าทำให้นางไปจวนตระกูลอวี๋ได้ คุณชายรองคงไม่ตำหนิข้าเช่นนี้หรอก” เขาถอนหายใจอีกครั้ง
เหยียนเอ๋อร์ตัวใจร้อนทันที นางเอามือเท้าเอวแล้วกล่าวว่า “ขบคิดอยู่ที่แห่งนี้จะมีประโยชน์อันใด จะหลบเลี่ยงการตำหนิจากคุณชายรองได้รึ?” ไม่ผิดที่นางจะโกรธมากขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงกังวลเรื่องนี้เช่นกัน
เดิมทีหัวหน้าหมู่บ้านก็วิตกกังวลอยู่แล้ว แต่ความหงุดหงิดของนางทำให้อารมณ์ของเขาตามมาด้วย “เจ้าจะไปรู้อะไร แค่ประโยคธรรมดา ๆ ของคุณชายรองก็มากพอที่เราจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตามมา!”
เหยียนเอ๋อร์ตัวไม่สนว่าเขาจะรำคาญหรือไม่ นางยืนนิ่ง สายตาล่อกแล่กไปมาเหมือนกำลังคิดสิ่งใด ทันใดนั้นนางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้พลางตบขาฉาดใหญ่จนทำให้หลี่ฉางตกใจ
นางเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะกระซิบอย่างลึกลับ “ครั้งก่อนที่เจ้ากลับมา ไม่ใช่บอกว่าตระกูลฉามีบางอย่างผิดปกติหรอกรึ ครั้งนี้เจ้าไปคุยกับคุณชายรอง ไม่แน่ว่าอาจจะดึงความสนใจและทำให้คุณชายรองสนใจเรื่องนี้ได้”
ครั้งก่อนหลี่ฉางพูดบางอย่างแปลก ๆ แต่เขากลับไม่ได้อธิบายว่ามันคืออะไร หากเขาบอกเหยียนเอ๋อร์ตัวเพียงคนเดียว ทุกคนในที่แห่งนี้จะต้องรู้แน่
หัวหน้าหมู่บ้านได้รับการชี้แนะจากนาง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตบที่ลำต้นของต้นไม้ “ได้ เอาตามนี้แหละ!”
เสียงนั้นไม่ดังไม่เบา แต่ทว่าเหยียนเอ๋อร์ตัวกลับตกใจ นางเอามือเท้าเอวทั้งสองข้าง พลางกระทืบเท้า “เจ้า! ไอ้แก่ตายยาก...”
หัวหน้าหมู่บ้านปล่อยให้นางดุด่าต่อไป และเดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว
ณ บริเวณหน้าประตูจวนตระกูลอวี๋
หัวหน้าหมู่บ้านเอามือไพล่หลัง มองดูกลุ่มคนเดินไปมาอยู่หน้าประตูจวนตระกูลอวี๋ ครั้นนึกถึงเรื่องที่ตัวเองจะพูดก็ยืดหลังขึ้นทันที พลางมองคนรับใช้เฝ้าประตูด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง “ไปบอกแก่คุณชายรองว่ามีชายหัวหน้าหมู่บ้านมาขอเข้าพบ”
คนรับใช้ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะมีคนหนึ่งเดินออกมากล่าวว่า “คุณชายรองกล่าวว่า หากมีหัวหน้าหมู่บ้านมา ให้ไปหาท่านที่ลานบ้าน”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกประหม่าทันที คุณชายรองกำลังรอให้เขามาหารึ? คุณชายรองโกรธเขาจริง ๆ รึ?
หัวหน้าหมู่บ้านไปที่ลานบ้านของอวี๋ซิ่งเหวิน เมื่อมาถึงก็เห็นอีกฝ่ายเอามือไพล่หลังยืนอยู่ใต้ต้นฮว๋าย มองไม่ออกว่าเขามีอารมณ์แบบไหน แต่ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หนาวเหน็บเป็นอย่างมาก
หลี่ฉางกระแอมเบา ๆ แต่เมื่อเห็นว่าอวี๋ซิ่งเหวินไม่สนใจตัวเอง เขาก็ก้มตัวลงเล็กน้อย “คุณชายรอง…”
อวี๋ซิ่งเหวินมีสีหน้าเคร่งขรึม แม้แต่น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่คนเดียว คนที่ข้าต้องการอยู่ที่ไหน?” เพียงประโยคเดียวก็กดดันจนทำให้เขาเหงื่อออก
ประโยคนี้คือการตำหนิเขาที่ทำงานไม่สำเร็จ หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจเช็ดเหงื่อ เขารู้สึกประหม่า แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ได้สติกลับมา “คุณชายรอง เรื่องครั้งนี้ข้าน้อยทำไม่สำเร็จจริง แต่หลิงซานฉิงคนนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป แม้แต่เฉินเตาปาก็ถูกนางคิดบัญชีไปด้วย”
ในขณะที่ปกป้องตัวเองเขาก็ไม่ลืมลากเฉินเตาปาที่พ่ายแพ้ต่อผู้หญิงคนนั้นเข้ามาด้วย เพื่อแบ่งเบาความโกรธของอวี๋ซิ่งเหวิน
อวี๋ซิ่งเหวินพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “หากนางไม่มีฝีมือขนาดนี้ ข้าจะสนใจนางรึ?” แม้สีหน้าจะยังเคร่งขรึม ทว่าน้ำเสียงที่เยือกเย็นก็ถือว่าลดลงอยู่บ้าง
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ประมาท เขามองไปรอบ ๆ พลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และกระซิบว่า “คุณชายรอง แม้ข้าจะทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ แต่ข้าพบความลับยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง”
อวี๋ซิ่งเหวินมัวแต่นึกถึงเรื่องของหลิงซานฉิง จึงไม่ได้สนใจคำพูดของเขา แถมยังถามแบบขอไปที “หืม? ชายแก่อย่างเจ้าเจอเรื่องอะไรเข้าล่ะ?”
คำพูดที่ไม่จริงจังนี้ราวกับจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญอะไร คุณชายรองก็หาไม่พบ แต่ชายชราที่ทำอะไรไม่สำเร็จอย่างเขากลับค้นพบความลับนั้น?
หัวหน้าหมู่บ้านถึงกับแสดงสีหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขาไม่มีเวลาไปสนใจมากนัก ดังนั้นเพื่อปกป้องตัวเอง เขาจึงเอ่ยเสียงเบาออกไปว่า “คุณชายรอง ข้าสงสัยว่าภาพวาดที่หลิงซานฉิงนำออกมามีบางอย่างผิดปกติ”
สีหน้าอวี๋ซิ่งเหวินเปลี่ยนไป และหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชาทันที “เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของอาจารย์สวี หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหลที่นี่!”
หากไม่มีหลักฐานก็อย่าได้มาพูดจาเหลวไหลงั้นหรือ จะให้เขานำหลักฐานออกมางั้นรึ?
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว