3
ธุระส่วนตัว
ขวับ!
คำพูดของเขาทำให้เฟรย่าฉุนกึก เธอหันหน้ากลับมาทางที่ร่างสูงยืน มองเขาตาเขียวปั๊ด นึกอยากแว้ดใส่คนที่บอกว่าตัวเองเป็นสามีซะเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าอยากจะแว้ดใส่คนตรงหน้าสักที แต่สถานที่ตรงนี้ไม่เอื้ออำอวยสักนิด เนื่องจากบริเวณที่เธอกับเขายืนอยู่นั้นยังคงมีผู้คน และคนพวกนั้นยังคงจ้องมองมาที่ทั้งคู่อย่างให้ความสนใจอีกด้วย
เฟรย่าพยายามข่มอารมณ์เดือดดาล ด้วยการพูดประชดกลับ “นี่เฮียยังเห็นเฟรเป็นภรรยาอยู่เหรอคะ”
ตูมตามถามเสียงอ่อน “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ”
พอได้ยินเขาถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนและเห็นท่าทางไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ก็พาให้อารมณ์โมโหของเธอปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็แล้วมันไม่จริงหรือไง เฮียบอกว่าเฟรเป็นภรรยา เป็นภรรยาแบบไหนกันกระทั่งสามีกลับไทยมาแต่คนเป็นภรรยาไม่รู้ เฮียไม่คิดจะบอกเฟรสักคำว่าเฮียกลับมาแล้ว และถ้าเฟรไม่เห็นสตอรี่เพื่อนเฮียที่เฮียไปสังสรรค์สนุกสนานกับเพื่อนหน้าระรื่น เฟรก็คงไม่รู้เลยว่าเฮียกลับมาตั้งแต่สองวันที่แล้วแล้ว” เฟรย่าพยายามควบคุมเสียงพูดไม่ให้สูงตามอารมณ์ที่กำลังปะทุ
เขาบอกว่าเธอเป็นภรรยา แล้วตัวเองเป็นสามี แต่มีสามีดีๆ ที่ไหนเขาทำกลับคนเป็นภรรยาแบบนี้
มีอย่างที่ไหนสามีไปทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งสามเดือน และตลอดสามเดือนก็ไม่ได้กลับมาสักครั้ง แต่พอกลับมาไทยแล้วกับไม่บอกภรรยาอย่างเธอสักคำ คนเป็นภรรยาไม่รู้สักนิดว่าสามีกลับมาไทยแล้ว ทั้งยังกลับมาตั้งแต่สองวันก่อนแล้วด้วยซ้ำ
ก็นั่นแหละจริงๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าตูมตามกลับประเทศไทยมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน เพราะเธอเห็นเขาอยู่ในสตอรี่ไอจีของปาร์คที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเองนั่นแหละ
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขากลับมาไทยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงโกรธอยู่ดี เพราะสองวันที่เขากลับมาไทย แต่เธอไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากเขาสักครั้ง พิมพ์แชทมาบอกสักตัวก็ไม่มี แต่กลับไปโผล่หัวอยู่ในวันเกิดของเพื่อน สนุกสนานมีความสุขเสียเหลือเกิน แล้วอย่างนี้ยังบอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขาอยู่ได้ยังไงกัน
หลังจากที่ได้ฟังประโยคประชดประชันจากปากอวบอิ่มของเฟรย่าแล้ว ตูมตามก็เข้าใจกระจ่างแจ้งทันทีถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมึนตึงแล้วแสดงสีหน้าท่าทางหงุดหงิดและโกรธเขาถึงเพียงนี้
“คือว่า..”
เพล้ง!
เสียงทุ้มเอ่ยพูดได้เพียงสองคำก็เป็นอันต้องชักงักเพราะถูกเสียงดังแทรกขึ้นมา และทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหันไปมองยังต้นเสียงก็พบว่าเสียงดังที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเสียงแก้วแตก
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ” บริกรชายที่เป็นคนทำแก้วตกแตกค้อมตัวลงพร้อมกับเอ่ยขอโทษแขกที่ยังอยู่ในห้องโถง และจากนั้นก็รีบเก็บกวาดเศษแก้วบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนผละสายตาจากบริกรชายแล้วหันหน้ากลับมามองกัน จากนั้นตูมตามก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง “คือว่าที่จริง…”
แต่ทว่าเริ่มพูดไปได้แค่นิดเดียวก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นเสียงจากโทรศัพท์ของร่างบางระหง
ครืดดด ครืดดดด
เฟรย่าก้มมองอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงเรียบ “เฟรขอตัวก่อนนะ”
พอพูดจบเฟรย่าก็ตั้งท่าจะหมุนตัวหันหลัง แต่ก็ถูกมือหนารั้งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิเฟร”
“มีอะไรค่อยคุยกันวันหลังเถอะค่ะ ตอนนี้พริกรอเฟรอยู่” พริกหรือพริกไทยที่เฟรย่ากล่าวถึงนั้น เป็นผู้ช่วยของเธอเอง ซึ่งข้อความที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์เมื่อครู่นั้นก็มาจากเธอ
“เฮียบอกแล้วไงว่ากลับด้วยกัน”
“เฮียกลับไปก่อนเถอะค่ะ เฟรมีธุระกับพริก”
“ธุระอะไร” ตูมตามถามอย่างสงสัย แต่ทว่าคำตอบที่เขาได้รับ..
“ธุระส่วนตัวค่ะ” น้ำเสียงของเธอที่ตอบกลับมานั้นไม่แยแสความอยากรู้ของเขาเลยสักนิด
และครั้งนี้เฟรย่าไม่รอให้ตูมตามนั้นรั้งตัวเองไว้ได้อีก เธอหมุนตัวกลับแล้วเดินตรงไปที่ประตูทางออกทันที
เฟรย่าเดินออกมาถึงหน้าโรงแรมก็เห็นร่างเล็กของพริกไทยยืนอยู่ข้างรถยนต์คันหรูแบรนด์ดังอย่างปอร์เช่ และถัดมายังมีรถหรูอย่างเบนท์ลี่ย์จอดเทียบเคียงกันข้างรถก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมแว่นหน้าตาคุ้นเคยซึ่งเขาก็คือปริญญ์เป็นเลขาของตูมตาม
ปริญญ์พอเห็นภรรยาของเจ้านายก็โค้งคำนับให้เธออย่างนอบน้อมเป็นการทักทาย ส่วนภรรยาของเจ้านายนั้นก็ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายกลับ
หลังจากทักทายเลขาของตูมตามเสร็จ ร่างบางระหงย่ำรองเท้าส้นสูงเดินเข้าไปหาเลขาคนสนิทของตัวเอง โดยที่ด้านหลังของเธอนั้นก็มีร่างสูงกำยำของตูมตามเดินตามมาติดๆ
“สวัสดีค่ะคุณตูมตาม” พริกไทยเอ่ยทักทายสามีของเจ้านายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งถ้าหากเมื่อสิบห้านาทีก่อนพริกไทยไม่เห็นเลขาคนสนิทของตูมตาม เธอคงแปลกใจที่เวลานี้เห็นตูมตามเดินมาพร้อมกับเจ้านาย
“สวัสดีครับคุณพริก ไม่ทราบว่าจะไปธุระที่ไหนกันเหรอครับ” ตูมตามทักทายกลับผู้ช่วยคนสนิทของเฟรย่า จากนั้นก็เอ่ยถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้แต่ยังคงไม่ได้คำตอบ
พริกไทยมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่ตูมตามถาม “ธุระเหรอคะ”
“ครับ ก็เฟรบอกมีธุระกับคุณพริก”
พอได้ยินประโยคขยายความจากตูมตาม พริกไทยก็เหลือบไปมองเจ้านายสาวทันที ซึ่งเจ้าตัวนั้นก็ส่งสายตาที่เป็นอันรู้กันมาที่พริกไทย
“อ๋อ.. พอดีงานมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ”
“แล้วจะกลับกี่โมง” ตูมตามหันไปถามเฟรย่า
“ไม่รู้ค่ะ ไปกันเถอะพริก” เฟรย่าตอบกลับตูมตามเสียงเรียบ จากนั้นก็หันไปพูดบอกกับพริกไทยต่อ จากนั้นเธอก็เปิดประตูรถปอร์เช่เข้าไปนั่งฝั่งที่นั่งข้างคนขับและปิดประตูรถอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะปรายตาสนใจร่างสูงของคนได้ชื่อว่าเป็นสามีสักนิด
“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะคุณตูมตาม” พริกไทยตอบรับผู้เป็นเจ้านายอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปยิ้มแห้งเอ่ยลาสามีของเจ้านาย พูดจบเธอก็รีบสาวเท้าอ้อมตัวรถไปทางฝั่งที่นั่งคนขับทันที
พริกไทยเข้ามานั่งที่นั่งคนขับพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ตเครื่องยนต์ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านายอย่างลังเลว่า “เราจะไปไหนกันเหรอคะ”
“คอนโดฉัน”
“ค่ะ” พริกไทยขานรับ มือบางจับพวงมาลัยรถยนต์อย่างมั่นคง แล้วก็ค่อยๆ กดเท้าลงเหยียบคันเร่งให้รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปทันที
ตูมตามยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน มองตามรถปอร์เช่ของเฟรย่าจนรถนั้นหายไปจากสายตา แล้วจากนั้นก็ก้าวเดินไปขึ้นรถเบนท์ลีย์ที่มีเลขาคนสนิทอย่างปริญญ์ยืนรอพร้อมกับเปิดประตู
ปริญญ์ที่ขึ้นมานั่งที่นั่งข้างคนขับคาดเข็ดขัดนิรภัยเรียบร้อยก็เอ่ยถามผู้เป็นเจ้านาย “ท่านประธานจะกลับเพนต์เฮาส์เลยหรือเปล่าครับ”
“อืม” น้ำเสียงทุ้มต่ำพึมพำตอบกลับเสียงเบา
เมื่อได้รับคำตอบจากเจ้านาย ปริญญ์พยักหน้าให้คนขับรถเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้ออกรถได้
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว