ดุจดังมธุรส-22.หลานผมคือคุณารักษ์ (1)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

ดุจดังมธุรส

22.หลานผมคือคุณารักษ์ (1)

7

ถุงขยะ





“ขอคืนเหรอ?”

นิกรทวนคำเสียงหยัน พลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่ชายหนุ่มกลับยืนมั่นคงไม่ถอยหนี ด้านอมายานั้นอยากตัวเล็กที่สุดจะได้หลบสายตาดุร้ายของไอ้แก่นั่นให้พ้น ๆ

“ไม่ได้เหรอครับ?”

“เดี๋ยวนะ... ผมไม่เข้าใจนิดหน่อย ถ้าจำไม่ผิด เธอเป็นคนที่ขับรถชนเมียที่กำลังท้องของคุณไม่ใช่เหรอ?” นิกรจ้องลึกเข้ามาในตา แต่เพราะคิดไว้แล้วเขมราชถึงได้ไม่หวั่นไหว

“เข้าใจถูกแล้วครับ”

“แล้ว...?” นิกรใช้สายตาแทนคำถาม

“จนกว่าเธอจะได้รับโทษทางกฎหมาย ผมไม่ปล่อยให้ใครเอาตัวเธอไปหรอกครับ ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะพาเธอไปทำมิดีมิร้าย หรือจะแค่อยากปกป้องเธอก็ตาม”

นิกรบิดปากเยาะก่อนหันไปขำกับลูกน้องตัวเอง แล้วในจังหวะที่เขมราชไม่ทันตั้งตัว ไอ้แก้บ้ากามก็คว้าปืนจากลูกน้องมาจ่อหน้าผากเขา นกปืนก็ถูกขึ้นเรียบร้อยแล้วตอนหันกลับมา

“กูไม่ให้”

เสียงกลั้วหัวเราะแปรเปลี่ยนเป็นลอดไรฟัน อมายาแทบทรุดลงกับพื้น แต่เขมราชกลับไม่ยี่หระ เขารวบปืนสีเงินแล้วกดเข้ามาอีก

“งั้นยิงกูสิ ถ้ามึงกล้า”

บ้าไปแล้ว... อมายาโอดครวญในใจ

เขมราชจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งเพื่อผู้หญิงที่เขาคิดว่าฆ่าลูกเมียเขาเนี่ยนะ หรือจริง ๆ เขาไม่ได้เกลียดชังเธอมากมายนัก

หรือเพราะเขา... รู้จักสันดานนิกรดีกันแน่

ด้วยคนที่พูดจริงทำจริงอย่างพ่อเลี้ยงเธอในตอนนี้กลับไม่มีท่าทีนิกรลังเล

“มึง ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กูจะฆ่ามึง”

“เอ้า ก็ฆ่าสิ”

เขากดปืนหนักขึ้นอีก รู้ว่านิกรไม่กล้า นั้นเพราะป้าเขาสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม การฆ่าเขาจึงพ่วงมาด้วยผลเสียร้ายแรง

“ถ้ามึงไม่กล้า ก็อย่ามาขวางทาง”

ฉับพลันเขมราชก็ตบปืนในมือนิกรมาได้ กลายเป็นนิกรเสียงเองที่จนแต้มและกำลังโดนปืนเล็ง พร้อมกันนั้นลิ่วล้อชายชราก็พร้อมใจกันชักปืนเล็งมาที่เขาเช่นกันกัน

“ไม่กลัวปืนลั่นใส่หัวเจ้านายพวกมึงเหรอ”

เหล่าชายฉกรรจ์ลังเล ไม่ต่างกับเจ้านายที่ทำสัญญาณมือให้ลดปืน เขมราชจึงโยนกระบอกที่อยู่ในมือลงใกล้เท้านิกร หมายใจจะให้โดนเท้าแต่อีกฝ่ายกลับชักหลบทัน

ทั้งคู่จ้องกันอย่างดุเดือดก่อนจะเป็นฝ่ายเขมราชที่ตัดสายตากลับมาคว้ามือคนข้างหลังให้ก้าวเดิน

“ไปได้แล้ว”

อมายาแทบปลิวไปตามแรง แต่เธอมีอีกอย่างที่สำคัญกว่าต้องทำจึงฉุดแขนใหญ่ให้เดินช้าลง ทำให้เขาก้มมองอย่างขัดใจ

“ช่วยเพื่อนฉันด้วยนะ เขายังอยู่ในรถคันนั้น”

“ได้คืบจะเอาศอกเหรอเธอ?”

“ถ้าคุณไม่ช่วย เขาตายแน่ ๆ”

เขมราชเผลอมองเธอด้วยแววตาอ่อนลงชั่วครู่ ก่อนหลบดวงตาอ้อนวอนนั้นและจัดการความรู้สึกตัวเองแล้วหันมาถาม

“เพื่อนเธอผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ผู้ชาย”

“นายที่โดนซ้อมจนหน้ายับ?”

“ใช่ คุณเห็นเขาเหรอ”

เขมราชมองไปทางรถตู้ของนิกร อมายาอดมองตามไม่ได้ เห็นชายสูงวัยกับลูกน้องวิ่งวุ่นเหมือนทำสัตว์เลี้ยงหลุดหาย คิ้วงามที่พาดผ่านดวงตาชุ่มน้ำก็ขมวดมุ่น แล้วหันกลับมามองเขาอย่างฉงนใจ

“ป่านนี้เขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

ตอนที่เขาถูกปืนจ่อ คือจังหวะเดียวกับที่เพื่อนเธอจะหนี ดูแล้วนายนั่นต้องการความช่วยเหลือมากกว่าอมายา เขมราชจึงเบี่ยงเบนความสนใจพวกนั้นด้วยการจ่อปืนใส่นิกรเพื่อเปิดทางหนี

“จะรีบไปหรือจะอยู่ตรงนี้ให้มันมาลากไปอีกรอบ”

เขมราชบีบมือเธอพลางมองไปยังพวกนั้น อมายามองตามอีกครั้ง คราวนี้ประสานกับสายตามาดร้ายของนิกร ที่ราวกับจะย้ำว่าจะไม่ปล่อยเอาไว้ทั้งเขาและเธอ

“ไปกันเถอะ”

หญิงสาวลนลานลากแขนเขมราชให้เดินต่อ มันทำอะไรเขมราชไม่ได้อยู่แล้ว... แต่กับเธอที่เป็นเพียงวัชพืชไร้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ จะถูกเหยียบย่ำจนตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


* * *


ไม่ง่ายนักที่ฆาตกรจะเข้ามาอยู่ในรถคนเดียวกับญาติเหยื่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่งได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย อมายาจึงจัดให้เหตุการณ์นี้อยู่ในหมวดไม่ปกติ

“ขอบคุณนะ”

“ฉันไม่ได้มาช่วยเธอ” เขาหันไปจับกระเป๋าเธอ “แต่ตามมาเอามือถือคุณแม่ เธอเก็บมาด้วยตอนชนกัน”

อมายารีบเปิดดูในกระเป๋าก็เห็นว่ามีมือถือสองเครื่อง ภายนอกเหมือนกันทุกอย่าง ถ้าไม่ดูภาพหน้าจอก็คงไม่รู้

“...ส่วนเธอน่ะ ฉันทำทาน”

ทำทาน... คำนี้ทำให้อมายาสะอึก มันให้ความรู้สึกยิ่งกว่าเธอไม่สลักสำคัญ ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นเสมอมา แต่เธอกลับ... เผลอคาดหวังไปไกลแสนไกล อีกทั้งใบหน้าด้านข้างของเขมราชยังชวนให้คิดถึงวันวานจนปวดหัวใจ

พอไม่มีเรื่องบาดหมางรักสามเส้ากับการตายของมีนรญามาเกี่ยวข้อง เธอกับเขาก็ยังเป็นน้องออยกับพี่เฟลมที่คุ้นเคย โดยเฉพาะเขาที่มักบ่นเมื่อเธอไปสร้างเรื่อง

“ทีหน้าทีหลังอย่าทำตัวเป็นถุงขยะที่ปลิวไปตามลม ใครจะพาไปไหนก็ได้แบบนี้อีก หัดเก่งให้เหมือนกับตอนที่ราวีคนอื่นบ้าง”

เขมราชพูดเสียงดุ ๆ เธออยากเถียงว่าเธอเลือกไม่ได้ หรือต่อให้ได้เลือก... ก็ยังต้องยอมจำนนอยู่ดีเพราะคนพวกนี้เล่นถึงชีวิต กระนั้นก็ไม่อยากต่อปากต่อคำ

อมายาเอนหลังพิงศีรษะกับเบาะ หลับตาลงช้า ๆ และเกือบหลับลึกเพราะตรากตรำมาทั้งวัน ลึกลงไปรู้สึกเหนื่อยจนท้อ แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้โชคชะตา ยังเชื่อว่าสักวันชีวิตจะพบความสุข แต่คำพูดของเขากลับทำลายความสงบเพียงชั่วครู่ของเธอลง

“หรือจริง ๆ แล้วมันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง?”

“...”

หญิงสาวฝืนลืมตามองเขาเพราะไม่เข้าใจที่พูด

“เธอแอบเป็นชู้กับพ่อเลี้ยงตัวเอง จนวันนึงเธอมีที่เกาะใหม่มันก็เลยไม่พอใจแล้วมาทำแบบนี้”

จบคำพูด ทั้งที่เธอง่วงจนตาแทบปิดแต่ใบหน้ากลับร้อนฉ่าเพราะองศาอารมณ์ที่ไม่ลดลงเลย

“ในหัวคุณแม่งมีแต่ความคิดโสมม เอานิสัยตัวเองเป็นบรรทัดฐานงั้นสินะ”

หลายครั้งหลายหนที่เธออยากเฉือนหัวใจตัวเองทิ้งเพราะเกลียดที่มันเผลอไปคิดถึงแต่ด้านดี ๆ ของเขา เผลอหลอกตัวเองว่ายังเหมือนเดิม

ทั้ง ๆ ที่เขา... เลวร้ายเกินเยียวยา และเกลียดเธอมากกว่าที่เธอรู้สึก

เธอเองก็เกลียดชังนิกร ผู้ชายที่ฆ่าแม่ของเธอ เห็นหน้าก็ขยะแขยง แค่ได้ยินชื่อก็อยากอาเจียน และปรารถนาให้ตายโหงตายห่าเสียวันนี้พรุ่งนี้

แล้วมันจะต่างกับเขาอย่างไรล่ะ...

“เปล่า” เขมราชแสยะยิ้มพลางสาวพวงมาลัยเข้าโค้ง

ใช่จะไม่รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด แต่เขากระสันอยากจะทำร้ายจิตใจเธอจนตัวสั่น และที่ทำลงไปก็ได้ผลไม่เลวนัก

“แค่ทรงเธอดูเหมือนคุณโสฯ เลยคิดว่าสันดานน่าจะไม่ต่างกัน”

“เขมราช!”

“ควรพูดกับคนที่ช่วยชีวิตคุณแบบนี้เหรอครับ คุณอมายา”

เธอกัดฟันแน่น อยากฉีกเนื้อเขาออกแล้วเอาเกลือทา หากทำได้เพียงจ้องหน้าเขา แต่ลาวาอารมณ์ทำให้สายตาที่มองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะท้าทาย

“มองแบบนี้ก็ฆ่าฉันให้ตายตามมีนไปอีกคนเลยสิ เรื่องถนัดเธออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

เผียะ!

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เธอหมดความอดทน มารู้สึกตัวอีกทีฝ่ามือก็ฟาดหน้าเขาไปเต็ม ๆ และมันทำให้รถเกือบเสียหลัก ยังดีที่เขาประคองไว้ได้ ก่อนจะเหยียบเบรกจนศีรษะเธอกระแทกคอนโซล

เขากระชากเธอเข้าไป อมายาเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก แขนก็สะบัดเขาออกตามสัญชาตญาณ

แต่เพราะเหลือช่องว่างระหว่างกันเพียงน้อยนิด แขนเล็กเลยได้ทุบตีเขาแทน ลาวาในอกเขมราชจึงปะทุรุนแรงขึ้น ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ

“เธอมันก็เก่งแต่ใช้กำลัง สมองน่ะมีบางไหม หรือมีไว้แค่คั่นหู หา? นังฆาตกร!”

เขมราชโกรธจนเลือดขึ้นหน้า... โกรธจนจะฆ่าเธอตายตอนนี้ก็ยังได้ รู้สึกเหมือนความดำมืดกำลังครอบครองจิตใจเขาช้า ๆ

“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”

หัวใจอมายาเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น รู้สึกคล้ายมีเงามัจจุราชทาบร่างเขาอยู่ เขาน่ากลัวจนหัวใจเธอแทบหยุดเต้น หากยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตอบโต้ด้วยกำลังแรงมากเท่านั้น

แต่ก่อนจะได้บีบเธอแหลกคามือ ก็มีคนเข้ามาเคาะกระจก คงเพราะเห็นความผิดปกติ จนเขาต้องดึงอมายามาปิดปากไว้แล้วลดกระจกลงไปบอกว่า

“อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย”

แล้วก็ขับรถออกมาอย่างรวดเร็วโดยใช้เพียงมือเดียวบังคับพวงมาลัย พอถูกปล่อยตัวอมายาก็ถึงกับหอบหายใจแรง เพราะเขาปิดทั้งปากทั้งจมูกจนแทบขาดอากาศหายใจ

“ไอ้บ้า ไอ้ ไอ้ ฉิบหาย ไอ้เลว”

คำผรุสวาทหลุดจากปากอมายาอย่างบ้าคลั่ง เป็นอีกครั้งที่เขากระชากเข้าไปแต่คราวนี้รั้งเอวบางไว้ด้วย

“ถ้าเธอปากหมาอีกครั้ง ฉันจะพาเธอไปโยนให้ไอ้นิกรมันขย้ำ”

เธอได้แต่ร่ำร้องอย่างขัดเคืองใจ เสียความควบคุมตัวเองไปจนเกือบหมดเมื่อถูกเขากวนโมโห สิ่งที่รู้ในตอนนี้คืออยากหนี... หนีไปให้ไกลแสนไกล จนใครก็ตามไม่เจอ

แต่วินาทีนั้นมือถือในกระเป๋าก็กรีดร้อง อมายาสะบัดเขาออกแรง ๆ แล้วหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นสายของชาวี

เธอลำบากใจที่จะรับ กระนั้นก็ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ จึงกดรับสายพร้อมกับสังเกตุว่าเขมราชเหลือบตามอง

“ฮัลโหลค่ะพี่แชมป์”

[น้องออยอยู่ที่ไหนคะ]

เสียงปลายสายฟังดูร้อนใจ เพื่อนเขาตามหาเธอทั่วโรงพยาบาลแต่ก็ไม่เจอ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะช้าเกินไป

“ออยอยู่ข้างนอกค่ะ แต่พี่แชมป์คะ ท่านนิกรไม่ได้อยู่รอเจอพี่แชมป์ใช่ไหมคะ”

[น้องออยรู้ได้ยังไง]

ใจคนฟังหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาให้เลขาขอนัดนิกรเป็นการด่วน นิกรยอมรับนัดเป็นดิบดี ขณะเดียวกันก็ให้เพื่อนไปรับอมายามาจากโรงพยาบาลที่คุณย่ารักษาตัว ไม่คิดว่าไอ้แก่เจ้าเล่ห์จะหลอกเขา มันคงรู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไรเลยชิงไปหาอมายาก่อนแล้วคิดจะมาพูดทีหลังว่า ‘ไม่รู้’ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับอมายาไปแล้ว... มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้

มันต้องการให้เป็นอย่างนั้น...

นาทีนั้นชาวีคิดไปสะระตะ แต่ฟังจากน้ำเสียงอมายาแล้วเดาได้ว่าเธอยังปลอดภัย

“ออยเจอเขามาแล้วค่ะ”

ขณะคุยสาย สายตาที่เขมราชจ้องมาก็ทำให้เธออึดอัด อยากลงจากรถก็ถูกมือใหญ่ยื้อเอาไว้จึงได้แต่ด่าทอเขาทางแววตา ส่วนปากก็พูดตอบชาวี

“ท่านนิกรเขามาหาออยที่โรงพยาบาล เราได้คุยกันแล้ว เขาไม่คืนของจากแม่ แต่เขาปล่อยตัวขาลแทน ตอนนี้ขาลปลอดภัยแล้วค่ะ”

เสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเธอดังก้องห้องโดยสาร ไม่ว่าจะถามตัวเองสักกี่ครั้งก็ได้คำตอบเดิม คือถ้าไม่มีเขมราชเข้ามาเกี่ยวในคืนนี้ เธอจะบอกชาวีทุกอย่าง ว่านิกรตั้งใจมาฉุดเธอ แต่เขมราชช่วยเอาไว้ ส่วนขาลก็หนีไปได้โดยบังเอิญ ไม่ได้ทำข้อตกลงอะไรกับนักการเมืองชั่วทั้งสิ้น

แต่เพราะเธอกลัว... ชาวีอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอนัดพบกับเขมราชมาก่อนแล้ว มันคงบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอสัมผัสได้ว่าลดลงทุกคราในใจเขา

อย่างน้อยเธอก็เห็นแก่แหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย...

และอย่างน้อย... ชาวีก็คือหลักสุดท้ายของชีวิตเธอ

แต่คำโกทำให้เขมราชนิ่วหน้ามองคนตัวเล็ก เธอไม่อยากให้ชาวีรู้ว่าอยู่กับเขาถึงขนาดนี้เชียวหรือ วินาทีนั้นความคิดชั่วร้ายปรากฏขึ้นภายในใจ

ส่วนคนปลายสายในหัวกลับมีแต่คำว่า ไม่น่าเป็นไปได้... แต่เพราะเขาพยายามจะไม่สงสัยในตัวว่าที่เจ้าสาว จึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

[เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะจัดการให้เอง]

ไอ้แก่เจ้าเล่ห์จะเล่นลิ้นกับเขาได้แค่ครั้งนี้ ต่อไปไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ทรัพย์สิน หรือแม้แต่เงินสลึงเดียวหากมันควรจะเป็นของอมายาเขาก็จะไม่เหลือให้มันอมลงโลง

หญิงสาวกล่าวขอบคุณเขา และบอกเลิกสายสนทนาไปแล้ว กลับต้องมาเจอสายตาแข็งกร้าวของผีร้ายข้างกาย อมายารู้สึกเย็นเยือกคล้ายมีแท่งน้ำแข็งกรีดไปตามสันหลังยามที่เขากระตุกยิ้มตามด้วย

ไม่ต้องรอให้เขาพูด ก็รู้ได้ว่าอันตรายใกล้เข้ามา หญิงสาวสะบัดแขนออกแล้วหันไปเปิดประตู แต่เขมราชกดล็อกไวกว่า ใบหน้าสวยหันมาจ้องเขา

“ปล่อยฉันลง”

“ไม่”

“เฟลม!”

เขามองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง ราวเป็นคนละคนกับปีศาจร้ายที่หมายห้ำหั่นให้เธอสิ้นลมหายใจ แล้วหันไปขับรถหน้าตาเฉย พอเธอเข้ายื้อแย่งพวงมาลัยกลับโดนสะบัดออก แถมเขายังเร่งความเร็วจนเธอต้องเปลี่ยนมาคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วนั่งนิ่ง ๆ แทนโวยวาย

อมายามองผ่านกระจกออกไปยังทิวทัศน์ของเมืองหลวงยามค่ำคืน หัวใจก็หวาดหวั่นกริ่งเกรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เขากำลังจะพาเธอไปที่ไหน...

นี่ไม่ใช่เส้นทางที่เธอบอกเขาว่าต้องการจะไป...


* * *


จุดหมายปลายทางของเขมราชคือเพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางเมือง มีทางเข้าและลิฟต์ส่วนตัวสำหรับนำรถขึ้นไปจอดในโรงจอดรถลอยฟ้าของห้องเขา ไม่นานรถทั้งคันก็ขึ้นมาอยู่ในห้องกระจกรอบทิศทาง เบื้องหน้าคือประตูกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นทุกอย่างในห้อง ตกแต่งอย่างมีสไตล์ ซึ่งคนระดับเธอไม่มีปัญญาเอื้อมถึง ส่วนด้านหลังเผยให้เห็นทิวทัศน์เมืองหลวงยามค่ำคืน

อมายาจึงไม่มีทางหนี แม้แต่กระโดดลงไปยังทำไม่ได้ เพราะจากตรงนี้เธอคิดว่ามดสักตัวก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไป

“ลงมา”

“ไม่! ฉันจะกลับบ้าน”

ที่ปลอดภัยสุดท้ายก็คือในรถ แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจ ก้มลงไปช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม หญิงสาวทั้งหวีดร้องทั้งดิ้นเร่า หากก็เป็นได้แค่ความรำคาญเล็ก ๆ สำหรับคนตัวใหญ่อย่างเขา

เขมราชอุ้มเธอผ่านห้องรับแขกของห้องหรูขนาดครึ่งชั้น ตรงไปยังห้องนอนชั้นล่าง ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวจนดิ้นสุดแรงเกิด แถมยังกัดไหล่เขาชนิดที่ว่าจะเอาให้เนื้อหลุด จนคราวนี้จะร่วงตกแล้วจริง ๆ

“โอ๊ย!”

อั่ก!

เขาปล่อยร่างแบบบางลงกระแทกพื้น ถึงจะมีพรมราคาแพงรองรับ หากมันไม่เพียงพอจะลดแรงกระแทก เขมราชถูแขนตัวเองยิก ๆ มองเธอด้วยแววตาไม่พอใจ เห็นหญิงสาวงอก่องอขิงก็นึกสมน้ำหน้า

ดิ้นดีนักก็ควรเจ็บเสียบ้าง

แต่เจ็บเท่านี้คงไม่ถึงตาย...

เขากลับไปล็อกประตูห้องนอน เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวต้องตกใจจนรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหาย อย่าว่าแต่จะหนีไปจากเขาเลย แค่จะพาตัวเองลุกขึ้นยังทำไม่ไหว

“จะข่มขืนฉันเหรอ?”

เธอถามอย่างตรงไปตรงมา เขมราชยักไหล่ ก่อนจะเข้ามาลากเธอขึ้นไปบนเตียง เหมือนเป็นสิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องถนอม อมายานึกถึงคำพูดเขาที่ว่าเธอเหมือนถุงขยะแล้วก็คิดว่าไม่มีครั้งไหนที่จะใช่เท่าครั้งนี้

“คิดว่ายังไง”

สองแขนเธอถูกกดลงกับที่นอน โดยที่เขาขึ้นมานั่งคร่อม แต่ถึงหวาดกลัวสุดใจอมายาก็จ้องกลับเขาอย่างไม่ยอมแพ้

“คุณมันบ้าไปแล้ว คุณจะทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่ฆ่าลูกเมียคุณเหรอ? ตอนนี้คุณไม่ได้เมานี่ คุณทำได้เหรอ? คุณไม่ทำหรอก”

“ก็ไม่แน่ ถ้ามันจำเป็นต้องทำ”

เขาใช้คำว่าจำเป็นต้องทำ...

เขาต้องการอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ยังบอกให้เธอเลิกพยายามให้เขากลับมารักอยู่เลย นี่จะมายัดเยียดตัวเองให้เธอทำไมกัน

ยังไม่ทันจะได้คำตอบ เขาก็ฉกใบหน้าลงมาบดจูบเรียวปากสวยจนเธอสัมผัสถึงเลือด ลามเรื่อยลงไปตามปลายคางเรียว ฝากรอยดูดไว้ที่ซอกคอจนเธอเจ็บร้าวไปหมด แล้วค่อยลงมือฉีกกระชากเสื้อที่ขาดอยู่แล้วให้ขาดออกจากกัน ตามด้วยชุดชั้นในที่เป็นปราการด่านสุดท้าย

“ไอ้เหี้ย ไอ้สารเลว ฮือ... ไอ้ชั่ว อย่าทำกับฉันแบบนี้”

อมายาสูญเสียการควบคุมตัวเองแล้วก่นด่าเขาอย่างบ้าคลั่ง เขมราชเม้มปากมองเรือนร่างเย้ายวนที่เขาเพิ่งมีโอกาสได้มองขณะมีสติ ทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคอ

เธอสวยงามไร้ที่ติ... จนเขาไม่อยากให้ใครแตะต้อง ยิ่งคิดว่าเธอมีเจ้าของคืออดีตเพื่อนสนิทของเขา เขมราชก็ร้อนรุ่มในใจ

แต่ในความงดงามของเธอกลับมีภาพมีนรญาซ้อนทับอยู่ ความรู้สึกผิดเลยกระแทกอัดเข้ามาในใจ จนเขาอยากล้มเลิกความตั้งใจไปเสียอย่างนั้น

แต่ยังก่อน...

ยังไม่ใช่ตอนนี้...

ร่างใหญ่โน้มลงไปฝากรอยดูดตามเนื้อตัวขาวผ่องซึ่งมีกลิ่นหอมผสมกับกลิ่นเหงื่อจาง ๆ ของเธอ รอยแล้วรอยเล่า... จนแทบไม่เหลือช่องว่างให้เขาทำอีก

นั่นแหละเขาถึงพอใจแล้วผละออก ทิ้งให้อมายาร่ำไห้กอดตัวเองอยู่บนเตียง แน่นอนน้ำตาของเธอมีผลข้างเคียงต่อหัวใจเขา

เขมราชมองเธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มแล้วเจ็บหนึบในอก แต่พอนึกถึงหน้าเมียรักแล้วก็ตัดมันออกไปได้

“อย่ามาทำสำออย ฉันไม่ได้ข่มขืนเธอซะจริง ๆ ซะหน่อย”

“แล้วมันต่างกันตรงไหน” เธอสะอื้นถาม

“ตรงไหนน่ะเหรอ” ชายหนุ่มโน้มลงมาใช้ปลายจมูกคลอเคลียพวงแก้ม แล้วกระซิบเสียงเย็น “อยากให้ฉันทำให้ดูไหมว่าตรงไหน”

อมายาผลักเขาออกสุดแขนก่อนมุดใบหน้าลงกับที่นอน ความเจ็บปวดที่เขามอบให้พาให้ใจหวนคิดถึงสัมผัสนุ่มนวลที่เคยได้รับเมื่อยังรักกัน

ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นบรรจงจูบผิวแก้มเธอช้า ๆ อย่างถนอมสุดใจ... มาเวลานี้เขากลับทำร้ายให้เธอเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอนั่น เธอก็อยากตายไปเสียให้พ้น ๆ

เขมราชตรงไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อยืดกับกางเกงบอลออกมาโยนให้เธอ

“อาบน้ำแต่งตัวซะ ฉันมีเซอร์ไพรซ์”

อมายาสะอื้นเงียบ ๆ แต่ความเจ็บปวดที่มันกำลังโห่ร้องอยู่ในอกทำให้น้ำตาไหลพรากจนเปียกชุ่มผ้าห่มผืนบางที่ดึงมาคลุมกาย

ไม่ว่าจะเป็นนิกรหรือเขมราช พวกเขาก็เลวร้ายกับเธอไม่ต่างกัน ผิดกันตรงที่เธอคงเจ็บน้อยกว่าหากคนที่ทำแบบนี้ไม่ใช่คนที่เธอรัก

หญิงสาวปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า เหนื่อยเหลือเกิน... ขอเธอพักสักเดี๋ยวได้ไหมแล้วจะทำอะไรกับเธอต่อก็สุดแล้วแต่ใจเขาเลย

ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขมราชอุ้มเธอเข้ามาในห้องน้ำ ร่างกึ่งเปลือยดิ้นรนเท่าที่มีแรง แต่กลับสร้างเพียงความรำคาญใจให้เขาเท่านั้น

“ที่นี่ห้องฉัน ฉันบอกให้เธออาบน้ำ เธอก็ต้องอาบ”

“ฉันอยากกลับบ้าน”

“ได้” เขาก้มมองใบหน้างัวเงียของคนในอ้อมแขน “แต่ต้องหลังจากที่ฉันเสร็จธุระ”

อมายาไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่า ‘ธุระ’ ของเขาหมายความอย่างไร แต่จังหวะนี้ได้อาบน้ำเสียหน่อยก็คงดี


* * *


ชาวีไม่อยากให้ค่าคำพูดของเขมราช แต่วันนี้เขาเองก็สงสัยว่าอมายากำลังปิดบังเขา เรื่องที่ว่าหญิงสาวอยู่ในเพนท์เฮาส์ของอดีตเพื่อนสนิทก็เข้ามานก่อกวนหัวใจ

เขาอยากเชื่อใจอมายาโดยไม่มีข้อกังขา ถึงได้มาพิสูจน์ด้วยตัวเองที่นี่ ตอนได้เห็นกระเป๋ากับเสื้อผ้าของเธอที่เขมราชโยนมาให้ ใจเขาแหว่งไปครึ่งดวง

กระนั้นยังไม่ปักใจ จนกว่าจะได้เห็นว่าที่เจ้าสาวตัวเป็น ๆ ด้านเขมราชนั่งเอกเขนกจิบไวน์สบายอารมณ์พลางเหลือบตามองชาวีเชิงเหยียดหยาม

“ถึงขั้นนี้แล้ว มึงยังใจเย็นอยู่ได้ โคตรนับถือใจมึงเลยว่ะ”

ใจเย็นงั้นหรือ...

ชาวีไม่ได้ใจเย็นเลยนักนิด ในใจเขาเดือดปุด ๆ คล้ายลาวาร้อนที่ใกล้ปะทุเต็มที ยิ่งได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำที่เขมราชบอกว่าอมายากำลังชำระคราบคาวที่หลงเหลือจากศึกรักกับมัน เขายิ่งอยากจะทุบทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า

แต่เขาทำได้เพียงแค่รอ...

ทว่าหากเขาไม่ระบายโทสะออกไปบ้าง เขาคงต้องอกแตกตาย

“มึงจะเอาใช่ไหมไอ้เฟลม”

เขมราชหัวเราะร่วน วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแก้วแล้วยืดตัวลุกขึ้น ด้านชาวีเองก็สาวเท้าเข้าหา สายตาจ้องกันอย่างดุดัน คงได้แลกหมัดกันไปแล้วหากประตูห้องนอนชั้นล่างไม่เปิดออกเสียก่อน

ชาวีหันไปยังต้นตอ ชาไปทั้งตัวเมื่อประจักษ์ใจแล้วว่าใช่ว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง เสียงที่คำราวมร้องอยู่ในใจมีแต่คำว่า ‘ผู้หญิงไม่รักดี’

“พะ... พี่แชมป์”

อมายาแทบไม่อยากเชื่อสายตา นี่หรือเรื่องประหลาดใจที่เขมราชเตรียมไว้ เธอเสมอองเขาก็พบแต่รอยยิ้มสาแก่ใจ

ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เพิ่งเคยพบคนที่เลือดเย็นเท่าเขา

คิดจะตัดหนทางกันทุกทางเลยหรือไร...

“ออยอธิบายได้นะคะ”

ชาวีกำหมัดแน่น จ้องหญิงสาวด้วยแววตาเจ็บปวด เธอสวมเสื้อผ้าเจ้าของห้องอยู่ แถมตามต้นคอหรือแม้กระทั่งแขนขาก็มีร่องรอยของเขมราชเต็มไปหมด ไม่อยากนึกว่ารอยใต้ร่มผ้าจะเยอะขนาดไหน

“ออยไม่ได้มีอะไรกับเขานะคะ เขาแค่ช่วยออยมาจากท่านนิกร แต่ออยไม่รู้ว่าเขาจะพาออยมาที่นี่...”

อมายาหลุบสายตาลงต่ำ เป็นอีกครั้งที่ปล่อยให้น้ำตาร่วงหยดเพราะจนปัญญา เธอเลือกที่จะโกหกเขาไปแล้วเมื่อต้นคืน ตอนนี้ยิ่งพูดมันก็ยิ่งเหมือนแก้ตัว...

แต่หญิงสาวไม่ทันได้เห็นแววตาหวั่นไหวของเขมราช ก็เพราะท่าทางเศร้า ๆ นั่น ไหนจะน้าตาที่ไหลหยดเปียกเสื้อบอลของเขา

แต่นี่คือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดไม่ใช่หรือ...

การได้เห็นอมายาเจ็บปวดแทบขาดใจ

“ถ้ามึงเชื่อ มึงก็โง่แล้วไอ้แชมป์” เขาปราดเข้าไปกระชากแขนเรียวของอมายาแล้วชี้ให้ชาวีดูรอยเหล่านั้น “มึงเห็นใช่ไหม ไม่ได้ตาบอดนะ?”

“...”

ความโกรธทำให้ชาวีรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นเหวดำทมิฬ อมายาร่ำไห้ปานจะขาดใจ แววตาของชาวีบอกว่าเขาไม่เชื่อเธออีกต่อไป

“ผู้หญิงคนนี้อยากได้กู มันเลยฆ่าเมียกู แล้วมันก็เอาตัวมาประเคนให้กูถึงที่ มึงเห็นเต็มสองตามึงแล้วนี่ไง แล้วมึงยังจะโง่แต่งงานกับเธอ ปกป้องเธอ และช่วยเหลือเธออีกเหรอ? สิ่งที่มึงควรทำคือหยุดช่วยเหลือเธอได้แล้ว แล้วปล่อยให้เธอรับชะตากรรมของตัวเอง”

“หยุดพูดไปเลย คุณรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป ละอายใจบ้างเถอะ ไอ้คนชั่ว ไอ้เฮงซวย”

อมายาไม่อาจทนต่อคำป้ายสี สองมือทุบตีต้นแขนไอ้ผู้ชายใจชั่ว ทั้งร้องไห้ฟูมฟายอย่างคนบ้า แต่เพราะเขมราชเขาบ้ากว่าเลยไม่สะท้าน และหน้าด้านหน้าทนโป้ปดต่อไป

“เมื่อกี้ตอนเอากันไม่เห็นเธอพูดแบบนี้เลยนะ บอกให้ฉันทำแรง ๆ ฉันขอแตกข้างในยังได้เลยไม่ใช่เหรอ”

กรี๊ดดด...

อมายากรี๊ดใส่หน้าเพราะอดรนทนไม่ไหว ทั้งตบทั้งจิกศีรษะเขา พลางส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน แต่พูดไปใครจะเชื่อ... ในสายตาทุกคนเธอเป็นแค่นังฆาตกรที่โกหกตอแหลไปวัน ๆ

“มึงคงสงสัยสินะ ว่าทำไมกูยังยอมเอาผู้หญิงแบบนี้”

“หยุดเถอะเฟลม ฉันขอร้อง”

คำอ้อนวอนไม่ได้ช่วยอะไร สิ่งที่จะทำให้เอหลุดพ้นคงเป็นความตาย อมายาอยากย้อนเวลากลับไปตอนหัวค่ำ เธอจะเลือกไม่ขึ้นรถมากับเขา หรือหากได้มากกว่านั้น... จะย้อนกลับไปในตอนที่เธอสามารถเลือกได้ว่าจะลงใจกับผู้ชายคนนี้หรืออีกคนที่ดีกับเธออย่างชาวี

“ก็เพราะของฟรี ไม่มีใครที่ไหนไม่อยากเอา ขนาดมึงที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นของเหลือเดนจากกู มึงยังรอต่อเลยไม่ใช่เหรอ”

ท้ายประโยคเขมราชก้มมองเธอพลางแสยะยิ้มร้ายกาจ เท่ากับเขาเสียสมาธิจดจ้องชาวีไป ยังไม่ทันจบประโยคอมายาก็เห็นชาวีกระโดดโหยงเข้ามาพร้อมขวดไวน์ในมือ

เพล้ง!

ศีรษะของเขมราชสะบัดตามแรงฟาด ของเหลวในขวดรวมถึงเศษแก้วกระจายเต็มห้อง มือหนาปล่อยแขนอมายาโดยอัตโนมัติ ก่อนจะถูกชาวีกระแทกหมัดเข้าเต็มกรามซ้าย แต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้สาวหมัดต่อไป เขมราชก็สวนกลับด้วยท่าเสยปลายคาง

ชาวีแทบหงาย แต่ยังไม่ยอมเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้าม เขายันเท้าเข้ากลางหน้าเขมราชเพื่อเปิดระยะห่าง กำหมัดขวาซัดหน้าตามไปอีก แต่เขมราชก็แกร่งพอที่จะยืดหยัดแล้วอัดกลับเช่นกัน

ทั้งคู่ชั้นเชิงพอ ๆ กัน ไม่ว่าจะความเร็ว ความแรง สมกับเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย

อมายาอยากจะเข้าห้าม แต่เธออาจโดนลูกหลงได้ แถมจะหนีก็ไม่รู้จะไปอย่างไร จะลงลิฟต์ได้ก็ต้องใช้คีย์การ์ดจากเจ้าของห้อง

ระหว่างที่สองหนุ่มโรมรันพันตู อมายาเลยค่อย ๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนล้า รู้สึกว่ารอบกายเงียบงัน มีเพียงเธอ... กับความเจ็บช้ำและผิดหวังพ่ายแพ้

ถ้าเธอหายไปจากตรงนี้จะเจ็บน้อยลงไหมนะ... เธอคงไม่อาจทำเช่นนั้น เพราะยังมีย่าให้คอยดูแล ยังมีความจริงที่รอให้เธอพิสูจน์

เธอไม่อยากยอมแพ้... แต่เธอไม่รู้จะสู้อย่างไรแล้ว

เธอเหนื่อย... จนแทบไม่อขากหายใจ

“พอ”

หลังพวกเขาต่อยสลับพักยกอยู่สามสี่ยก เขมราชก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นในขณะที่ต่างคนต่างคลานหนีไปตั้งหลักคนละทาง

“มึงเอาผู้หญิงของมึงกลับไป แล้วทบทวนสิ่งที่กูพูดดี ๆ ว่ามึงจะแต่งงานกับคนแบบนี้อยู่ไหม นี่คีย์การ์ด”

เขาหยิบมันจากกระเป๋าเสื้อออกมาโยนให้อดีตเพื่อนสนิท ก่อนคลานไปดึงทิชชูมาซับเลือดตามใบหน้าและศีรษะที่แตกยับ

‘คนแบบนี้’ ค่อย ๆ ขยับเข้าหาคู่หมั้นด้วยใจแสนช้ำที่มันตอกย้ำว่าเธอ ‘ไม่เหลืออะไรดี’ก่อนเอ่ยถามชาวีเสียงเบา หากมันทำให้เขมราชรู้สึกขัดใจเป็นบ้า

“เจ็บมากไหมคะพี่แชมป์”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ชาวีดันกายให้ลุกขึ้นโดยมีอมายาช่วยประคอง แล้วก้มลงหยิบคีย์การ์ดสีเงินขึ้นจากพื้นพื้น ก่อนถ่มเลือดลงใกล้กับที่เพื่อนเก่านั่งอยู่

ตามปกติคงได้วางมวยกันอีกยก หากคราวนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ไหว สภาพของชาวีก็ไม่ได้ต่างจากเขมราชเท่าไหร่เลย

“กลับกันค่ะน้องออย”

แม้ร่างกายจะสะบักสะบอม แต่คุณหมอหนุ่มก็ยังมีแรงพอจะฉวยมือคู่หมั้นเดินถมึงทึงไปที่ประตู เขมราชมองตามทั้งสองอยู่เพียงครู่แล้วล้มตัวลงนอนแอ้งแม้งกับพื้นพรม

ไอ้ชาวีมือหนักตีนหนักเป็นบ้า คิดว่าเขาคงได้เย็บแผลที่ศีรษะไม่ต่ำกว่าห้าเข็ม แต่เขมราชก็ถึงกับเบิกตาโพลง เมื่อนึกได้ว่าลืมแม่ยายไว้ที่โรงพยาบาล

ฉิบหาย!





รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว