ดุจดังมธุรส-14.อยู่กับฉันตรงนี้ (1)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

ดุจดังมธุรส

14.อยู่กับฉันตรงนี้ (1)

ตอนที่ 4





ภายในจวนยามเที่ยงคึกคักตั้งแต่ห้องโถงจนถึงห้องนอนปีกขวา บรรดาสาวใช้และคนงานชายปัดกวาดเช็ดถูและตัดแต่งกิ่งต้นไม้อย่างขะมักเขม้น

“เร่งมือกันหน่อย ตรงนั้นกวาดให้เรียบร้อย” พ่อบ้านสือชี้นิ้วสั่งและเดินไปกำกับคนงานแต่ละคนอย่างหัวหมุน

ส่วนแม่นมยี่เดินมองรอบๆ ห้องโถงอย่างพอใจ แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องคุณหนูรอง

“ฮูหยินเจ้าขา ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินหวงพยักหน้า แล้วสาละวนกับเส้นผมของลูกสาวสุดที่รัก “ตกลงเจ้าจะถักเปียหรือเกล้าขึ้นบอกแม่มาสิ”

“แล้วแต่ท่านแม่เลยเจ้าคะ” ไป๋เป่ามองที่คันฉ่องแล้วหยิบสีผึ้งขึ้นมาทาริมฝีปากไปมาอย่างพอใจ

ฮูหยินหวงกำลังสาละวนกับการเกล้าผมที่ดูยุ่งเหยิง หันไปหยิบปิ่นอันโน้นทีอันนั้นทีมาทาบ กว่าจะเสร็จถึงกับปาดเหงื่อกันทีเดียว

ไป๋เป่าพึงพอใจกับผมและหน้าแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้สร้อยมรกตที่ถูกบรรจงวางไว้ที่ลำคอระหง “ท่านแม่! ต่างหูคู่ไหนดีเจ้าค่ะ”

นางหันไปถามฮูหยินหวงที่กำลังพิจารณาต่างหูในมือ แล้วหยิบต่างหูระย้าที่มีเม็ดพลอยเล็กสีเขียวส่งให้ ไป๋เป่ารับใส่ที่หูทันที

“ลูกสวยพอไหม” ไป๋เป่าพูด

ฮูหยินหวงมองไป๋เป่าจากด้านหลังแล้วตบที่บ่าเบาๆ “สวยมาก ไม่มีใครสวยเท่าเจ้าแล้ว”

ไป๋เป่าได้ยินคำชม ใบหน้าเริ่มเบิกบาน ลุกขึ้นให้สองสาวใช้สวมใส่เสื้อสีแดงเลือดหมูที่ตัดขึ้นมาใหม่

“คุณหนูของบ่าว งดงามมาก” หลงจีสะกิดให้หลงจางดู พวกนางตาค้างกับความงาม ขนาดคุณหนูของนางยังเป็นแค่ดรุณีน้อย ยังไม่โตเต็มรออีก2-3 ปีข้างหน้าจะงามขนาดไหน

“ท่านแม่” ไป๋เป่าร้องทัก

“เจ้าสวยมาก หากท่านพ่อกับพี่ชายของเจ้ามาเห็นต้องเอ่ยปากเป็นแน่” ฮูหยินหวงจูงไป๋เป่าไปนั่งที่โต๊ะกลม แล้วจับผมเผ้าให้เข้าที่

“ท่านแม่ แล้วเซอร์เออร์ละ ท่านเห็นนางแต่งตัวแล้วหรือยัง”

“ยัง ข้าเห็นพ่อเจ้าพึ่งเดินไปเรือนเล็กสักพัก คงไปดูลูกสาวสุดที่รักกระมั้ง” ฮูหยินหวงรินน้ำชาขึ้นมาดื่ม



ส่วนคนที่ถูกกล่าวถึงกำลังวุ่นวายกับการพรวนดินต้นไม้ พอเสร็จจากงานตรงหน้า ก็เดินไปที่แปลงดอกไม้ไม่มีทีท่าจะลุกไปไหน ถึงแม้ว่าวันนี้แดดร้อนแรงสักเพียงไหน นางก็ไม่หวั่นเพราะใส่หมวกที่มีผ้าโปร่งสีขาวบางยาวล้อมรอบศีรษะและใบหน้าลงมา

ขณะที่เฉิงเป่าเดินมาถึงเรือนเห็นลูกสาวคนเล็กกำลังเก็บดอกไม้ลงในตะกร้าอย่างใจเย็นจึงร้องเรียก “เซอร์เออร์! เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ รีบเข้าไปข้างในได้แล้วอากาศร้อนแบบนี้จะป่วยเอาได้”

เซอร์เออร์หันไปมองแล้วเปิดผ้าขึ้น ส่งยิ้มหวานจนตาหยี “ไม่เห็นร้อนเลยเจ้าคะ ลูกอยากเก็บดอกไม้ตรงนี้แล้วตรงสระน้ำอีกสักพักค่อยไปกลับเข้าไปในเรือนเจ้าค่ะ”

เฉิงเป่าถอนหายใจ เขาอดห่วงไม่ได้กลัวนางจะไม่สบายเพราะอากาศวันนี้ร้อนแรง “พ่อเอาชุดของเจ้าและที่คาดตาวางไว้ให้ที่ห้องแล้วนะ เสร็จแล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวซะพี่ชายเจ้ากำลังจะมาถึงแล้ว”

พูดจบเฉิงเป่าหันหลังกลับ เดินไปสักพักก็หันไปมองลูกสาวสุดที่รักที่กำลังสาละวนกับดอกไม้ไม่ยอมลุกหรือเดินกลับเรือน ก็ได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเดินจากไปเงียบๆ

ในยามนี้ที่หน้าจวนมีกลุ่มคนที่ใครๆ ต้องหันไปมองอย่างสอดรู้สอดเห็น เพราะบุคคลตรงหน้าเป็นชายหนุ่มรูปงามและผู้ติดตามที่ดูน่าเกรงขามกระโดดลงมาจากหลังม้า

“จวนเจ้าก็ใหญ่เหมือนกัน” ไป๋จินโหว พูดพร้อมเดินไปหน้าจวน

“จวนของข้าสู้จวนอัครเสนาบดีไม่ได้หรอก” เฉิงชางส่งม้าให้คนงาน

เยี่ยฉายอันกระโดดลงจากหลังม้าสีดำตัวใหญ่เป็นคนสุดท้าย แล้วเดินเงียบๆ เข้าไปในจวนก่อนไม่สนใจสองหนุ่มที่กำลังพูดคุยอยู่หน้าจวน เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ เห็นคนงานกำลังทำงาน โดยไม่ทันสังเกตเห็นเขาสักคน อาจเป็นเพราะเขาสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์สีดำ อีกทั้งยังสะพายคันธนูไว้ที่ลำตัว อีกมือถือแส้ม้าสีดำ คล้ายกับผู้ติดตามของเฉินชางก็เป็นได้ ยิ่งเดินเข้ามาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของต้นไม้ เป็นสิ่งที่เขาชอบเป็นอย่างมาก และยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่เขาก็เริ่มหลงใหลต้นไม้และดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมลอยโชยมา เขาเดินเข้าไปหยุดตรงสะพานไม้ที่ข้ามไปจะเจอแปลงดอกไม้ สังเกตเห็นเงาคนผลุบๆ โผล่อยู่บริเวณข้างสระ

“ว้าย!”

เสียงร้องดังขึ้น เยี่ยฉายอันรีบวิ่งเข้าไปดู แลเห็นดรุณีน้อยที่มีหมวกผ้าบางคลุมหน้าหลังลื่นหล่นไปที่ข้างสระ ตัวนางแช่ไปน้ำครึ่งตัว และกำลังจะปีนขึ้นมาอย่างอยากทุลักทุเลเพราะมีหมวกใบใหญ่รั้งร่างอยู่

“ยื่นมือมาให้ข้าช่วยเจ้า” เยี่ยฉายอันยื่นมือไปให้จับ แต่นางกลับไม่สนใจพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำให้ได้

เยี่ยฉายอันเห็นแล้วไม่สบอารมณ์กระโดดลงไปในน้ำแล้วอุ้มร่างของนางขึ้นมา โดยไม่สนใจว่านางจะดิ้น เขาอุ้มนางขึ้นมาวางไว้ที่พื้นหญ้า

“เจ้าจะไม่ขอบใจคนที่ช่วยเจ้าเลยหรือไง” เยี่ยฉายอันถามแต่ไม่เสียงตอบกลับจากคนที่ถูกถามสักที อารมณ์เขาตอนนี้เริ่มเดือดดาล

เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือไปดึงหมวกออก ทำให้ดรุณีน้อยตกใจร้อง “ว้าย!” ขึ้นมาเสียงดัง หมวกที่ถูกดึงออกโดนเขวี้ยงไปไกลจากที่นางนั่งอยู่ เยี่ยฉายอันตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า สาวน้อยผิวขาวปานหิมะ ปากอมชมพู เส้นผมหยิกลอนสีน้ำตาลถูกม้วนขึ้นมีปิ่นไม้ปักลวก ผมปรกลงมาที่หน้าไม่สามารถมองเห็นหน้านางได้

“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกใจ” เยี่ยฉายอันพูดเสียงอ่อย

ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้ากลับลุกขึ้นมาและก้มหน้าต่ำไม่พูดตอบ หันหลังแล้วรีบวิ่งไปจากบริเวณนั้นทันที ไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนอ่ำๆ อึ้งๆ ได้แต่ทอดสายตามองนางที่วิ่งจากไปโดยทิ้งตะกร้าและหมวกไว้ ในใจเขาตอนนี้เริ่มสนใจอยากรู้ว่าดรุณีน้อยผู้นี้คือใคร

ในขณะที่เยี่ยฉายอันกำลังมองผู้ที่วิ่งหายลับไปนั้น สองหนุ่มและผู้ติดตามเดินเข้ามาเห็นเขายืนนิ่ง ร้องเรียกเท่าไรไหร่ไม่มีการตอบรับ

เฉิงชางสังเกตเห็นหมวกและตะกร้าก็รู้ทันทีว่าเยี่ยฉายอันคงได้เจอน้องสาวสุดที่รักของเขาเป็นแน่แท้ เขาแกล้งเดินเข้าไปหยิบตะกร้าและหมวกขึ้นมาส่งให้ผู้ติดตามรับไป แล้วเดินไปหยุดที่หน้าเยี่ยฉายอันที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“เจ้าไปทำอะไรมาถึงเป็นลูกหมาตกน้ำเช่นนี้”

ตอนนี้เยี่ยฉายอันกับสู่สภาพปกติที่ เขาหมุนตัวกลับแล้วรอยยิ้มที่มุมปากถูกยกขึ้นมาเหมือนกับเจอของที่ถูกใจ “พอดีข้าเข้าไปช่วยคน”

บรรยากาศกลับมาเงียบขรึม เพราะสายตาเฉินชางจับจ้องไปที่เยี่ยฉายอัน “ฮะแฮ่ม! พวกเจ้ากำลังส่งสายตาหวานใส่กันจนข้าขนลุกไปหมดแล้ว” ไป๋จินโหวเข้ามาแทรกตรงหน้าแล้วทำท่าขนลุกขนพอง

“ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ว่า...” เฉิงชางตอบ

“เพียงแต่ว่าอะไรของเจ้า” ไป๋จินโหวทั้งถามทั้งผลักให้สองหนุ่มเดินไปจากบริเวณนี้ “ตอนนี้ข้าอยากไปเจอว่าที่คู่หมั้นของข้าแล้ว”

เพียงคำพูดของไป๋จินโหวทำให้สองหนุ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“เจ้าอย่าพูดตอนนี้ได้ไหม” เฉินชางบึ้งตึง หัวสมองของเขาตอนนี้ไม่มีคำพูดที่จะบอกกับบิดามารดาได้เลยกับการมาขอหมั้นของสองหนุ่ม

ไป๋จินโหวยั่วเฉินชางสำเร็จแล้วแกล้งถือพัดโบกไปมา สายตาเหลือบมองด้วยความสนุก “เอาเป็นว่าเจ้าจะพาพวกข้าเข้าไปข้างในได้หรือยัง”

“อืม! เด็กๆ เจ้าพาคุณชายทั้งสองไปที่เรือนรับรอง” เฉิงชางหันไปสั่งผู้ติดตามเสร็จเดินถือหมวกและตะกร้าไปอีกเส้นทาง

“เจ้าจะไปไหน” เยี่ยฉายอันตะโกนถาม

เฉิงชางไม่ได้หันกลับมาแต่โบกมือให้แทน

ไป๋จินโหวเข้ามาฉุดแขนเยี่ยฉายอันให้เดินตาม แต่สายตาของเขาจับไปที่เฉิงชางที่เดินลับไปอีกเส้นทาง เขาเริ่มสงสัยว่าดรุณีน้อยนางนั้นคือใคร



เฉิงชางเดินมาเห็นน้องสาวสุดที่รักกำลังก้มๆ เงยๆ ตรงแปลงดอกไม้ได้แต่ถอนใจ “เฮ้อ! เจ้ารู้ตัวไหมเนี่ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้เจ้าอย่าโกรธพี่ชายอย่างข้าเลยนะ” รำพึงรำพันจบเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเซอร์เออร์ นางไม่ทันระวังตัวหันกลับมาชนกับแผงอกของใครบางคน “ว้าย!”

“ไงน้องรักของพี่คิดถึงพี่ชายคนนี้ไหม”

พอได้ยินเสียงเท่านั้น เซอร์เออร์เงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ “ท่านพี่” พูดจบพร้อมกับโผเข้าไปกอดเฉิงชาง

“เจ้าดีใจอะไรเช่นนี้” เฉิงชางเอามือขย้ำศีรษะเซอร์เออร์แล้วส่งยิ้มกว้างๆ ให้ “ตัวเจ้าเลอะมอมแมมไปหมดแล้ว”

เซอร์เออร์เอามือปัดใบไม้ดอกไม้ที่ติดตามตัว “ไม่ได้เลอะอะไรมากมายนี่เจ้าคะ”

เฉิงชางแลเห็นว่านางเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอ และนึกขึ้นได้ว่า “เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า”

ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัย “ข้าลืมอะไรหรือ”

เฉิงชางชูหมวกและตะกร้าขึ้นมา “ชายผู้นั้นเห็นหน้าเจ้าหรือไม่”

เซอร์เออร์ตะลึงกับคำถาม มองหน้าเฉิงชางสลับกับหมวกและตะกร้าในมือ เอ่ยเสียงเบา “ไม่เจ้าคะ น้องรีบหนีออกมาก้มหน้าต่ำไม่ให้เห็น แล้วท่านพี่รู้ได้ไงว่าเป็นผู้ชายเจ้าค่ะ”

เฉิงชางคิดจะบอกความจริง แต่กลัวเซอร์เออร์จะรับไม่ได้ ได้แต่ตะกุกตะกักตอบ “เออ เออ พอดีพี่เห็นไกลๆ”

เซอร์เออร์พยักหน้าอย่างซื่อตาม และจูงมือพี่ชายเดินเข้าเรือนอย่างเริงร่า ส่วนเฉิงชางเดินมานั่งที่ระเบียงแลเห็นถาดเสื้อผ้าและที่คาดตาวางอยู่ เซอร์เออร์ชงน้ำชาดอกมะลิส่งให้

“ท่านพี่! เซอร์เออร์ค่อยไปตอนกินข้าวมื้อเย็นได้ไหม” เซอร์เออร์ทำสีหน้าออดอ้อน

เฉิงชางเห็นน้องสาวทำตัวเช่นนี้ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ภายในใจรุ่มร้อนไปหมดแล้วกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แล้วยังน้องสาวสุดที่รักที่จะไม่ยอมไปอีก เขาจะทำยังไงละ

“เออ! เอาเป็นว่าตามที่เจ้าต้องการละกัน อย่าลืมใส่เสื้อผ้าที่คาดตา และที่ขาดไม่ได้รัดเกล้าที่พี่มอบให้เจ้าอย่าลืมเชียว พี่ต้องไปพบท่านพ่อท่านแม่ก่อน แขกของพี่คงอยู่ที่เรือนรับรองแล้ว”

“เจ้าค่ะ”


ภายในเรือนรับรองทั้งสองหนุ่มและผู้ติดตามนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก ผู้ติดตามทั้งสองหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังใส่เสื้อผ้าแตกต่างกันตามผู้เป็นนาย ผู้ติดตามไปไป๋จินโหวหน้าตาโดดเด่นสะอาดสะอ้านใส่เสื้อสีน้ำเงิน ถือกระบี่ขาวในมือ ส่วนทางด้านผู้ติดตามเยี่ยฉายอันมีลักษณะน่าเกรงขามร่างบึกบึน ผมเผ้ารุงรัง ใส่เสื้อคลุมหนังสัตว์สีดำ ยามที่สาวใช้เดินถือกาน้ำชามาวางที่โต๊ะเล็ก เห็นผู้ติดตามของเยี่ยฉายอันหน้าตาหน้ากลัวรีบวางกาน้ำชาและเดินจากไปอย่างเร็ว

เฉิงชางรีบเดินเข้ามาเห็นสองหนุ่มดื่มน้ำชาและพูดคุยกันอยู่นั้นเอง

“พวกเจ้าพักผ่อนไปก่อน ตอนเย็นข้าจะพาไปเรือนใหญ่ ตอนนี้ข้าน้อยมีเรื่องต้องพูดกับท่านพ่อท่านแม่ก่อน” เฉิงชางตอบอย่างน้นอบน้อม

ไป๋จินโหวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้าจะหาขอแก้ตัวอะไรอีกเฉิงชาง น้องสาวของเจ้าอยู่ที่ไหนรียกพวกนางออกมาพบว่าที่คู่หมั้นได้แล้วฮ่าๆ!


เฉิงชางหน้ามืดจะเป็นลมชี้นิ้วไปที่ไป๋จินโหว “เจ้าๆ อย่าพูดเสียงดัง ค่อยข้ากลับมาก่อนจะคิดบัญชีกับเจ้า” พูดจบเดินฟึดฟัดออกไป

“ฮ่าๆ! เห็นสีหน้าเจ้านั้นไหมคุณชายเยี่ย”

เยี่ยชายอันกำลังจิบชาอย่างใจเย็น “อืม”

“เจ้าพูดได้แค่นี้หรือ เจ้าไม่อยากเจอแม่นางน้อยหรือไง”

ไป๋จินโหวเดินมากระซิบข้างหูพร้อมเอาพัดสีขาวขึ้นมาพัดไปมา สังเกตสีหน้าเยี่ยฉายอันยังคงฉาบไปด้วยความเย็นชา ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“อืมน่าสนใจ”

“น่าสนใจอะไรเจ้าบอกข้ามา” ไป๋จินโหวยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้

เยี่ยฉายอันสบสายตาพร้อมกับปัดพัดที่โบกไปมาตรงหน้าออก “เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง รู้แต่ว่าน่าสนใจก็พอ” ไป๋จินโหวได้ยินคำตอบ ก็เลิกคิ้วขึ้นและเอื้อมไปแย่งถ้วยน้ำชาที่เยี่ยฉายอันขึ้นมาดื่ม

ทางด้านเฉิงชางรีบเดินไปที่ห้องนอนของบิดามารดา เมื่อมาถึงเดินวนไปวนมาตรงหน้าห้อง ได้ยินเสียงข้างในพูดคุยถึงเรื่องสหายของเขา ในใจชายหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนมีไฟโลกันต์เผาเขาอยู่ สุดท้ายตัดสินใจเคาะประตู

ก๊อก! ก๊อก!

“นั้นใคร” เฉิงเป่าทัก

“ลูกเองขอรับ” เสียงตอบของเฉินชางช่างเบาพร้อมกับผลักประตูเดินเข้าไปอย่างช้าๆ สายตาแลเห็นบิดากำลังนั่งอยู่โต๊ะหนังสือ ส่วนมารดากำลังแต่งหน้าอยู่ที่คันช่อง

เฉิงชางเดินเข้าไปคุกเข่าลงที่หน้าโต๊ะหนังสือ เฉิงเป่าวางหนังสือเงยหน้ามองลูกชายอย่างงง “เจ้าคุกเข่าทำไม”

“เออ! คือว่าลูกมีเรื่องมาเรียนท่านพ่อกับท่านแม่ขอรับ” เฉิงชางพูดเสียงอ๋อยๆ

ฮูหยินหวงหันมามอง “เจ้ามีเรื่องอะไร”

“เออ! ท่านแม่ ท่านพ่อ หากลูกเอ่ยอะไรออกไปอย่าโมโหนะขอรับ” เฉิงชางส่งสายตาอ้อนว้อนให้มารดาช่วยหากเขาจะพูดในสิ่งที่พวกท่านอาจรับไม่ได้

ฮูหยินหวงเห็นสายตาและคำพูดของลูกชายก็เข้าใจ ลุกเดินมาที่โต๊ะหนังสือแตะมือเฉิงเป่าเบาๆ และนั่งลงข้างๆ เมื่อเห็นมารดามาช่วยแล้ว เฉิงชางสูดลมหายใจเข้าออกอย่างแรงแล้วเอ่ยความลับที่ถูกเก็บซ่อนออกมา

“ที่สหายของลูกมาวันนี้เพื่อมาขอหมั้นหมายกับน้องรองและน้องสามขอรับ” เฉิงชางเอ่ยออกดังๆ พร้อมมองหน้าบิดามารดาที่กำลังอึ้งกับคำพูด

“เจ้า...... เจ้าว่าอะไรนะ” เฉิงเป่าพูดอย่างตะกุกตะกัก และชี้นิ้วไปที่เฉิงชางที่กำลังทำตัวลีบ

“มาขอหมั้นน้องรองและน้องสามขอรับ” เฉิงชางกล่าวอีกรอบและเห็นว่ามารดาเขาเริ่มหน้าซีด เอามือกลุ้มอก และลุกขึ้นมาทุบตีที่เขาสองสามที

“ข้าจะบ้าตาย เจ้ารู้ไหมน้องเจ้าอายุเท่าไหร่เอง” ฮูหยินหวงเอ่ยถาม เฉิงชางลุกขึ้นพยุงมารดามานั่งลง พร้อมเอามือฮูหยินหวงขึ้นมาตีที่หน้าเขา

“ลูกผิดไปแล้วขอรับ แต่มันเป็นเรื่องที่ตกลงกันแล้วระหว่างสหายของข้าและน้องๆ ขอรับ” เฉิงชางเงยหน้าพูด

“เจ้า ข้าอยากตีเจ้าให้ตาย น้องๆ ของเจ้าไปตกลงกับสหายของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉิงเป่าพูดพร้อมกับชี้หน้า ฮูหยินหวงเอามือตบไหล่เฉิงเป่าๆ เบาให้เขาลดอารมณ์ที่กำลังเดือดดาล

“เออ.... ก็สร้อยกับรัดเกล้าที่ข้านำมาขอรับ หากน้องรองและน้องสามไม่รับพวกนางก็ไม่ต้องหมั้น หากพวกนางเลือกและรับของเหล่านี้ แปลว่าพวกนางตกลงขอรับ” เฉิงชางเอ่ยเสียงดังออกมา ทำให้บิดามารดาเขาตอนนี้พูดอะไรไม่ออก

“เจ้า! เจ้า!” เฉิงเป่าพูดพร้อมกับเลือดลมตรงหน้าปี๊ดขึ้นสูงจนกล่าววาจาไม่ออก


“และนี้คือจดหมายรับรองจากท่านลุงขอรับ ว่าเรื่องทั้งหมดที่ลูกกล่าวมาอยู่ในจดหมายนี้ขอรับ” เฉิงชางล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อหยิบจดหมายส่งให้เฉินเป่าที่มือสั่นๆ รับมาอ่านและส่งให้ฮูหยินหวงอ่าน ทั้งสองอ่านจดหมายจบก็พูดไม่ออก เพราะลูกชายเขาแพ้ต้องทำตามกฎแต่เขารับไม่ได้คือทำไมต้องเอาน้องๆ ไปเป็นข้อตกลง

“เจ้าทำได้ดีมาก ข้าจะคาดโทษเจ้าไว้ก่อนหากงานเลี้ยงและเรื่องนี้ได้ข้อสรุปจากน้องๆ เจ้า ข้าจะลงโทษกับสิ่งที่เจ้ากระทำไว้ ออกไปได้แล้วไปค่อยดูสหายของเจ้าและอย่าพึ่งบอกน้องๆ ของเจ้าเข้าใจมั๊ย” เฉินเป่าถอนหายใจและส่งสายตาให้เฉิงชางออกไปจากห้อง


เฉิงชางลุกขึ้นคอตกเดินออกไป สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างร้อนใจ ในใจของฮูหยินหวงยินดีที่จะให้ลูกสาวสุดที่รักมีคู่ครอง เพราะให้แม่นมยี่ไปแอบดูสหายที่บุตรชายพามาว่ามีหน้าตาลักษณะอย่างไร เมื่อแม่นมยี่กับมารายงานก็ทำให้ฮูหยินหวงเบาใจ แต่เฉิงเป่าไม่อาจจะรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนี้ได้เพราะเขาเป็นห่วงลูกสาวสุดท้องที่ไม่อาจให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายน้ำใจของนางได้ ถึงแม้ว่านางต้องตกลงแน่หากเขาและพี่ชายเป็นคนเอ่ย

“ท่านพี่เราจะทำยังไงกันดี” ฮูหยินหวงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ

เฉิงเป่าจับมือของนางและตบเบาๆ “เราทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านพี่บอกในจดหมายแล้ว เราต้องตกลงตามนั้น ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันอย่างจนใจ กับความลับที่ถูกเปิดเผยนี้

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว