ดุจดังมธุรส-12.ถึงไร้ค่าก็จะทำตัวให้มีคุณค่า (1)

โดย  รสิตา เพียงพิณ

ดุจดังมธุรส

12.ถึงไร้ค่าก็จะทำตัวให้มีคุณค่า (1)

“เธอรักฉันหรือเปล่ามะลิ”

ริมฝีปากอิ่มเผยอเล็กน้อย ขณะจ้องตาคู่คมกริบที่คาดคั้นพร้อมแฝงแววหม่นหมองด้วยระคนกัน

“หรือเธอไม่ได้รักฉัน”

น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาลง

“ฉันคิดไปเองฝ่ายเดียวหรือ แค่ฉันที่มีใจให้เธออย่างนั้นหรือ”

“มะลิรักคุณชายกลางค่ะ”

เธอตอบออกไป ด้วยสีหน้าคุณชายบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างมาก แล้วอีกฝ่ายก็ถอนหายใจยาวพร้อมร่างสูงกำยำขยับเข้ามารวบเธอไปกอดแนบอก

“หากเธอรักฉันเหมือนฉันรักเธอ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

มัลลิกายังกังวลใจ แน่นอนว่าคนอื่นย่อมมองเธอไม่ดีนักแม้คุณชายจะออกปากเป็นคนจัดการเอง และเธอก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเอง ไม่อาจทนเห็นสายตาเจ็บปวดของคุณชายกลางได้

เอาเถิด สายตาคนอื่นจะมองเธออย่างไรไม่สำคัญ ในเมื่อได้รับสายตาอบอุ่นแสนรักจากคุณชายกลางก็ดีสำหรับเธอที่สุดแล้ว

แขนเรียวยกขึ้นกอดรัดร่างหนาด้วยเช่นกัน ทว่ามืออุ่นกลับเคลื่อนไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งปากอุ่นก็จูบแผ่วบนบ่าจนเธอต้องห่อไหล่ แล้วค่อยไล่ฝากรอยพร้อมดอมดมมาข้างลำคอ อกใจสาวหวิววูบวาบฉับพลันหากก็ท้วงขึ้นเบาๆ

“คุณชายคะ”

“ขอกอดหอมให้คลายคิดถึงเถิดนะ เธอหลบหน้าฉันจนใจฉันเฉาเหมือนขาดน้ำหล่อเลี้ยง แถมยังหงุดหงิดด้วย”

พลางบอกคุณชายก็ยกตัวเธอขึ้นพาไปนั่งบนเตียง กระนั้นร่างอรชรก็ถูกโอบรัดให้ชิดร่างแกร่งพร้อมกับริมฝีปากได้รูปจูบข้างแก้มหอมแล้วเลื่อนมาประกบปากเธอ แรงเบียดเม้มหนักกว่าครั้งแรกและนานจนมัลลิกาต้องถอดถอนใจ

“เธอยังเรียนอีกกี่เดือนนะจะจบ”

หลังถอนจูบแสนหวานคุณชายก็ถามทันที

“เจ็ดเดือนค่ะ”

“นานเหลือเกิน ฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว กอดจูบภายนอกเท่าไรก็ไม่เพียงพอ”

มัลลิกาหน้าร้อนซ่าน หลุบตาลงหลบสายตาคู่คมกริบที่ฉายอารมณ์ล้ำลึก ร่างกายเบียดแนบสนิทไปถึงไหนๆ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคุณชายพูดถึงสิ่งใด ผิวเนื้อสาววูบวาบพานจะเป็นลมเสียให้ได้

“เอาเถิด ฉันจะรอ”

คุณชายหฤษฎ์เชยคางเล็กให้กลับมาสบตาตน

“เห็นแก่เธอที่ยังเรียนอยู่ ฉันจะยอมเก็บเรื่องของเราไว้ก่อน เธอเรียนจบเมื่อไรฉันจะพูดกับป้าสร้อยกับน้าช้องทันที”

ริมฝีปากอิ่มสวยระบายยิ้มอย่างโล่งใจขึ้นมาบ้าง พร้อมยกมือขึ้นไหว้ที่อกหนา

“ขอบคุณคุณชายกลางค่ะ”

“ดีใจเชียวนะ”

ปลายนิ้วแกร่งเคาะบนจมูกโด่งเล็กได้รูปสวย มัลลิกาจึงยิ้มเจื่อนเมื่อถูกค่อน

“ฉันยอมให้เพราะไม่อยากให้เธอเครียดจนเกินไป หรือไขว้เขวจนเสียการเรียน เธอเองก็อย่ามัวคิดถึงฉันจนไม่เป็นอันเรียนล่ะ”

หญิงสาวยิ้มหวานกับคำบอกนั้น

“ทำความฝันของเธอให้สำเร็จ ในเมื่อกลัวว่าตัวเองจะไม่คู่ควรกับฉัน ก็ทำตัวเธอให้มีคุณค่า ให้ใครคนอื่นไม่อาจดูถูกเธอได้”

น้ำตารื้นขึ้นมาขังขอบตาอย่างห้ามไม่อยู่ มัลลิกาซาบซึ้งกับความเอาใจใส่ของคุณชายกลาง แล้วก็เป็นฝ่ายเคลื่อนแขนกอดร่างสูงกำยำด้วยตนเองอย่างไม่เขินอายใดๆ อีก


‘เมื่อคืนน้าได้ยินเสียงเคาะประตูห้องมะลิแว่วๆ’

คำพูดของช้องนางในตอนเช้าที่เจอกันก่อนมัลลิกาจะออกไปเรียนทำเอาเจ้าตัวใจหายวาบ

เมื่อคืนกว่าคุณชายจะออกไปจากห้องเธอก็ตีสองเข้าไปแล้ว แม้ไม่ได้ทำสิ่งใดหากก็ตระกองกอดเธอแนบอกนอนเคียงข้างบนเตียงไม่ยอมปล่อยสักที

‘เห็นว่าดึกมากก็เลยแปลกใจ แต่เปิดประตูออกไปก็ไม่เห็นใคร’

มัลลิกาแทบจะถอนหายใจโล่งอกออกมา ยังดีที่ยั้งไว้ได้ทัน ในหัวคิดหาคำแก้ตัวให้วุ่น

‘มะลิเคาะเองจ้ะ พอดีจิ้งจกเกาะประตู ก็เลยไล่น่ะจ้ะ’

น้าเธอดูแปลกใจแต่ก็พยักหน้ารับ เพราะต้องรีบขึ้นไปดูคุณหนูทั้งสองคนว่าเตรียมตัวไปเรียนเสร็จหรือยัง ส่วนมัลลิกาก็รีบเผ่นออกไปจากวังโดยเร็ว


วันนี้ลุงสมไม่ได้มารับเธอ เพราะมัลลิกาบอกว่าล่วงหน้าต้องทำกิจกรรมต่อคงเสร็จค่อนข้างค่ำ และบอกกับน้าของตนไว้ด้วยแล้ว ทว่าขณะกำลังเดินออกมาหน้าตึกเรียน รถที่เห็นจอดอยู่ก็ทำเอาหญิงสาวชะงัก หากจำต้องรีบก้าวเร็วๆ เข้าไปยังรถเพราะเกรงว่าจะมีคนสังเกตเห็นเข้า และคุณชายก็เลื่อนกระจกลงเช่นนั้น

“ฉันมารับ”

เธอยกมือไหว้พลางเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ขอบคุณค่ะ”

จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างไม่ให้เสียเวลา ขณะที่คุณชายกลางมองตามเธอแล้วยิ้มขำ

“ดูทำเข้า จะตกใจอะไรขนาดนั้น ในมหา’ลัยจะมีสักกี่คนที่รู้ว่าฉันเป็นใคร”

“อรุณีก็เรียนที่นี่นะคะ”

เธอพูดพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด

คุณชายหฤษฎ์มองคนที่หน้าซีดและท่าทางหวั่นวิตกเกินควรแล้วถอนหายใจยาว ไม่ค่อยชอบใจนักที่มัลลิกากลัวคนจะรู้ว่าคบหาตน แต่ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะเก็บเอาไว้ก่อนก็จำต้องปล่อยตามนั้น

ขณะรถเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยไปมัลลิกาก็พยายามก้มหน้าก้มตาอย่างระมัดระวังเกินเหตุทำให้คุณชายกลางขัดใจ หากก็ขับรถเงียบๆ เก็บความขุ่นข้องเอาไว้ แล้วถามเกี่ยวกับเรื่องเรียนรวมทั้งกิจกรรมที่ทำวันนี้ กระทั่งรถเข้าซอยเส้นทางเข้าวังซึ่งคอนข้างโล่งคุณชายหฤษฎ์ก็จอดรถข้างทาง

“มีอะไรหรือคะ”

มัลลิกามองคุณชายกลางด้วยความงุนงง แล้วก็ต้องผงะเมื่อร่างสูงกำยำโน้มหามากะทันหัน มือหนารองใต้ท้ายทอยดันให้ดวงหน้าสวยเชิดขึ้นรับแรงจูบซับที่เน้นแนบแน่นกว่าปกติ หญิงสาวทั้งอึ้งทั้งมึนที่อยู่ๆ คุณชายก็จู่โจมตนเอง

“อ๊ะ”

เธอมีโอกาสอุทานเพียงเท่านั้น ในช่วงที่คุณชายให้อิสระชั่วอึดใจเพื่อเลื่อนเบาะของเธอต่ำลง หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ออกอาการตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นมากกว่าครั้งไหน ขณะตนเอนกายจนแทบจะนอนบนเบาะให้คุณชายได้ช่วงชิงจูบอันดื่มด่ำคลอเคลียตามใจชอบ ในรถที่จอดกลางถนน!

“เธอชอบให้เก็บเป็นความลับ ฉันก็ต้องหาทางออกแบบนี้ล่ะ”

คุณชายกระซิบชิดริมฝีปากอิ่มพลางยิ้มบาง พอใจที่ได้ทำโทษคนขี้กังวลทั้งยังได้ทำตามใจที่อยากใกล้ชิดเจ้าตัวมากขึ้นทุกวัน


=====

คุณชายต้องรออีกเจ็ดเดือน เป็นกำลังใจให้คุณชายด้วยนะคะ แต่มะลิคงแก้มช้ำไปก่อน ^^"

*แจ้งข่าวเกี่ยวกับอีบุ๊กค่ะ อีบุ๊กของเรื่องนี้จะมาช่วงปลายเดือนค่ะ รอรับความโรแมนติกดราม่า ที่หวานฟินน้ำตาลเรียกพี่แบบเต็มเรื่อง ในอีกไม่นานค่า

**หากผู้อ่านสนใจแบบเล่มสามารถแจ้งกับไรต์ได้นะคะ ไรต์จะได้เปิดพรีเล่มค่า

ไรต์เองก็อยากพิมพ์เหมือนกันค่ะ ^-^

เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ

https://twitter.com/rasitawriter

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว