“หม่อมฉันถูกใส่ความเพคะ เสด็จพี่โปรดใคร่ครวญด้วย”
เฟิงอี๋ร้องออกมาพลางสะอื้นไห้ แม้นเป็นฮองเฮาแต่นางก็ไม่เคยข่มเหงรังแกสนมนางใด แต่ไยพวกนางถึงไม่ยอมละเว้นนางกับลูก !
ฮ่องเต้ไม่ฟัง อีกทั้งไม่มองหน้านางแม้แต่น้อย เขาเชิดหน้าขึ้นแล้วตรัสสั่งลงโทษนางทันที
“ให้นางกินยาขับก้อนเลือดชั่ว ๆ ออกมาซะ และมอบผ้าขาว แล้วสั่งประหารตระกูลนนางเก้าชั่วโคตร !”
เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็กรีดร้องออกมาจนไม่มีเสียง แล้วดวงตานางก็แดงก่ำคล้ายร่ำไห้ออกมาเป็นสายเลือด ทหารสองนายจับนางกรอกยาขับเลือด เฟิงอี๋ขัดขืนสุดกำลังแต่สุดท้ายเรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิอาจต้านทาน
ทันทีที่นำยาไหลซึมแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ท้องของนางก็เริ่มบีบรัดจนเจ็บปวด นางเงยหน้าขึ้นมองฟางเหรินกุ้ยเฟย ใบหน้าสวยนั้นกำลังฉาบรอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้ ส่วนสามีที่สั่งฆ่าเลือดเนื้อตัวเองกำมือกลับใบหน้าเย็นชายิ่ง
เมื่อเลือดไหลซึมออกมาจนแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั้งกระโปรง นางก็รับรู้ว่าลูกได้เดินทางล่วงหน้าไปยังธารเหลืองก่อนแล้ว หัวใจของนางแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ
“ลูกแม่.... ลูกแม่....”
น้ำตาของนางไหลออกมาเป็นสายเลือดแล้วจริง ๆ
“พระราชทานแพรขาว !”
ตรัสสั่งเสร็จเขาก็สะบัดพระภูษาเสด็จออกไป พร้อมกับพระสนมกุ้ยเฟย
ในขณะที่เฟิงอี๋ฮองเฮาถูกจับแขวนคอด้วยผ้าขาว ดวงตาของที่จับจ้องแผ่นหลังคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ข้าถูกปรักปรำจนตัวตาย วิญญาณมิอาจสงบได้ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สงบสุข !”
ทันทีที่ทหารปล่อยมือทิ้งร่างนางลง ผ้าขาวที่พาดลำคอเอาไว้ก็รัดแน่น ร่างนางกระตุกสามสี่หนอย่างทรมานก่อนจะสิ้นใจตายอย่างเดียวดาย