ครึ่งชั่วโมงต่อมาศิวดลก็ประคองร่างบอบบางของวาดตะวันนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางเพนต์เฮาส์ของเขา
“เอ๊ะ! พี่ดลเปลี่ยนโซฟาหรือคะ?” วาดตะวันทักขึ้น
ขนาดว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแต่นิสัยช่างสังเกตโดยเฉพาะเรื่องการตกแต่งภายในตามสถานที่ต่าง ๆ มันแก้ไม่หายจริง ๆ
ครั้งก่อนเธอจำได้ว่าเป็นโซฟาสีครีมนี่นา
“ก็ครั้งก่อนกินเลอะเทอะบนโซฟานิดหน่อย พี่เลยเปลี่ยนใหม่”
ศิวดลตอบเสียงเรียบแต่แววตาที่มองวาดตะวันเป็นประกาย
อันที่จริงก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากนัก เพียงแต่เขาอยากเปลี่ยน
เขาอยากเห็นร่างขาวอมชมพูของวาดตะวันที่ทอดระทวย สั่นสะท้านครวญครางอยู่บนโซฟาสีเข้ม
มันต้องเป็นภาพที่สวยงามและเร้าอารมณ์ที่สุดอย่างแน่นอน
ให้ตายเถอะ! เพียงแค่คิดศิวดลก็รู้สึกร้อนรุ่มจนต้องรีบสะกดอารมณ์เอาไว้
เขายังต้องคุยเรื่องสำคัญกับวาดตะวันให้กระจ่างเสียก่อนและชายหนุ่มก็ไม่อยากรังแกคนที่มีแต่แผลถลอกเต็มร่างในคืนนี้
วาดตะวันหน้าแดงจวนเจียนจะระเบิดเมื่อนึกถึงการ “กินเลอะเทอะ” ที่ศิวดลพูดถึง
คืนนั้น... คืนนั้นที่เธอกับเขา.. บนโซฟาตัวนั้น
“คุณหมอสั่งยาแก้ปวดให้นะครับแล้วก็ยาทาแก้ฟกช้ำ เรื่องล้างแผลจะไปโรงพยาบาลหรือล้างเองก็ได้เพราะมีแต่แผลถลอกเล็ก ๆ แต่ระวังห้ามโดนน้ำสัก 1-2 วัน”
จักรธรเข้ามาช่วยวาดตะวันไว้อย่างไม่รู้ตัว ไม่อย่างนั้นเธอคงอายจนทำอะไรไม่ถูกไปอีกนาน ก็ดูสายตาของศิวดลที่มองมาที่เธอสิ
มันฟ้องว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องคืนนั้นอยู่เหมือนกัน
“ผมสั่งอาหารมาเตรียมไว้ให้แล้วนะครับเห็นว่าตอนเย็นคุณวาดและคุณดลยังไม่ได้ทานอะไร และนี่ก็เสื้อผ้าให้คุณวาดเปลี่ยน ชุดเก่าคุณวาดถอดไว้ได้เลย พรุ่งนี้ผมจะให้แม่บ้านเอาไปจัดการให้”
วาดตะวันมองมือขวาของศิวดลที่ยืนยิ้มสุภาพตรงหน้าด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณคุณจักรมากนะคะ”
จักรธรยิ้มรับก่อนจะเหลือบมองเจ้านายนิดหนึ่ง เห็นว่าศิวดลหยิบยาในถุงออกมาอ่านฉลากอย่างใส่ใจจึงเอ่ยขอตัวแล้วเตรียมตัวถอยออกไป
“แล้วสองคนที่เข้าไปช่วยวาดตอนหกล้มล่ะคะ ทำไมวาดไม่เห็นตามมาจากโรงพยาบาล”
“ไม่อยู่แล้ว” ศิวดลตอบง่าย ๆ พลางเก็บยาใส่ถุงตามเดิม
“วาดยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลยค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้เนอะ” วาดตะวันเสียดายเล็กน้อย
จักรธรที่กำลังเดินห่างออกมาถอนหายใจเสียงเบา คำว่าไม่อยู่แล้วของศิวดลก็คือ
วาดตะวันจะไม่มีโอกาสเห็นสองคนนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็อาจจะเป็นปี
เขานึกถึงแววตาเดือดดาลและน้ำเสียงเยียบเย็นของศิวดลยามที่ออกคำสั่งสั้น ๆ
“เปลี่ยนทีมใหม่ซะจักร แล้วอย่าให้พลาดอีก”
“ครับ” จักรธรสบตาวาวโรจน์ของเจ้านายแล้วรับคำหนักแน่น
คุณวาดหกล้มเจ้านายของเขายังโกรธเกรี้ยวขนาดนี้
หากในอนาคตเกิดอะไรที่ร้ายแรงยิ่งกว่า จักรธรไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าศิวดลจะคลั่งขนาดไหน
ขออย่าให้มีวันนั้นเลย
จักรธรไม่ได้ห่วงเจ้านายตัวเองเท่าใดนัก
แต่เขาห่วงไอ้พวกโง่ที่มาแหย่สิงโตขี้โมโหและขี้หวงสุด ๆ อย่างศิวดลมากกว่า
ศิวดลจูงมือหญิงสาวมาที่โต๊ะอาหารจากนั้นก็ทานกันเงียบ ๆ วาดตะวันที่กำลังอยู่ในอารมณ์ตึงเครียดทานได้ไม่เยอะนัก
“เจ็บแผลหรือจ๊ะ” ชายหนุ่มถามอย่างใส่ใจ
“เปล่าค่ะ วาดทานไม่ค่อยลง”
“ทานอีกนิดเถอะเผื่อว่าต้องทานยา หรือไม่เราก็ต้องคุยกันอีกยาว” เขาว่าพลางตักปลานึ่งสมุนไพรมาใส่จานของเธอ วาดตะวันจึงได้แต่ตักเข้าปากอย่างว่าง่าย
ใช่! เธอมีความรู้สึกว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล
ใครจะไปนึกล่ะ จากที่วางแผนจะไปปาร์ตี้ส้มตำกับรินฟ้าให้เต็มที่กลับมาเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบนี้
โชคดีที่รินฟ้าไม่ใช่คนเรื่องมาก เมื่อเธอโทรไปขอโทษและบอกว่ามีธุระด่วนกะทันหัน เพื่อนสาวก็ไม่ติดใจซักถามอะไร นั่นยิ่งทำให้วาดตะวันรู้สึกผิดมากขึ้น
ดูเหมือนคนรอบข้างพร้อมจะเชื่อในคำพูดของเธอเสมอ
ในขณะที่บ่อยครั้งเธอต้องโกหกพวกเขา
เธอไม่อยากเป็นคนแบบนี้อีกแล้ว ไม่อยากเป็นคนขี้โกหก ไม่อยากถูกความรู้สึกผิดกัดกินอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทานไปได้อีกเพียงเล็กน้อยก็เริ่มเขี่ยอาหารไปมา ศิวดลจึงรวบช้อน
“อิ่มแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยไหมจ๊ะ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน”
เขาสังเกตเห็นความตึงเครียดของวาดตะวันมาสักพักแล้ว
และเขาเองก็อยากรู้สิ่งที่หญิงสาวตัดสินใจจะบอกเขาใจแทบขาด
เพียงแต่เขาไม่อยากให้บรรยากาศมันกดดันมากจนเกินไป
ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับหรือคาดคั้น จึงประวิงเวลาโดยการทานอาหาร
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรวาดตะวันมากนัก
เธอพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
จากนั้นก็มายืนตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำหรูกว้าง มองคราบความมอมแมมบนใบหน้าและผมเผ้ายุ่งเหยิงที่สะท้อนกลับมาอย่างปลง ๆ
ดูไม่ได้เลยจริง ๆ เธอน่าจะเป็นคู่ควงที่เยินที่สุดเท่าที่ศิวดลเคยควงอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะดูไม่เดือดร้อนเวลาที่เดินคู่กับวาดตะวันในสภาพรุงรังเลยก็ตาม ยังคงอ่อนโยนและแสดงความเป็นเจ้าของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบที่เขามักจะทำเป็นประจำอยู่เช่นเดิม
ถือว่าในจังหวะที่ชีวิตเธอตุปัดตุเป๋ ก็ยังมีเขาเป็นเรื่องดี ๆ ที่เข้ามาสินะ
หญิงสาวมองเสื้อยืดสีขาวที่มีน้ำแตงโมเปรอะซึมเป็นวงกว้างก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอควรเปลี่ยนชุดเสียหน่อย วาดตะวันจึงเปิดประตูห้องน้ำเพื่อจะกลับไปหยิบถุงเสื้อผ้าที่จักรธรเตรียมไว้ให้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลางใกล้โซฟา
แต่เท้าบางต้องชะงักเมื่อเห็นศิวดลกำลังยืนคุยกับจักรธรด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เคร่งเครียดอย่างมากเสียด้วย
และตอนนี้ทั้งคู่ก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างทำให้วาดตะวันถามออกไปทันที
ศิวดลหันไปกระซิบกับจักรธร ก่อนที่ผู้ช่วยคนเก่งจะเดินเลี่ยงออกไป
“น้องวาดมานี่” ไม่ต้องให้เรียกวาดตะวันก็แทบจะวิ่งมาเกาะแขนถามเขาด้วยความร้อนใจอยู่แล้ว
“พี่ดล เกิดเรื่องใช่ไหมคะ?”
ศิวดลไม่ตอบ เขากดไหล่เธอเบา ๆ ให้นั่งลงบนโซฟาจากนั้นจึงยื่นอะไรบางอย่างให้เธอ
“ผู้ชายคนนี้เกี่ยวข้องกับที่วาดโดนทำร้ายวันนี้ใช่ไหม?” ศิวดลถามอย่างคาดคั้น
วาดตะวันมองสิ่งที่รับมาจากศิวดลแล้วหัวใจสั่นวูบ
เป็นรูปถ่ายอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่รูปของเธอ
แต่เป็นรูปของชายร่างผอมสูงในเครื่องแต่งกายที่จงใจอำพรางตัวเอง
ผู้ชายที่เธอนัดเจอหลายครั้งแล้วถูกนักสืบของจิรารัตน์ถ่ายรูปไว้ได้
วาดตะวันสับสน ทำไมรูปนี้ถึงมาอยู่ในมือศิวดล?
หรือว่า..!!
“พี่ดลให้คนตามสืบเรื่องผู้ชายคนนี้หรือคะ?” วาดตะวันถามด้วยความตระหนก
ศิวดลมองเธอด้วยสายตาที่นิ่งลึก ลึกจนวาดตะวันอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่เธอรู้สึกได้ รู้สึกได้ถึงความเคร่งเครียดและความโกรธเกรี้ยวของเขาที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ
...............................................
สองคนนี้โตกันแล้วแท้ๆ กินอะไรเลอะเทอะ!! น่่าตีเนอะ อิอิ
ว่าแต่ พี่ดลอย่าโหดกับน้องวาดสิคะ มุแงงงง! สงสารนางเอกเจ๊นิดนึงนะจ๊ะ น้องช้ำไปทั้งตัวแล้วววว 5555
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว