ดั่งดวงตะวันที่ฝันหา(Bring me sunshine)-21. ซ่อนไว้...บอกใครไม่ได้ 3/3

โดย  กรวลัญชน์

ดั่งดวงตะวันที่ฝันหา(Bring me sunshine)

21. ซ่อนไว้...บอกใครไม่ได้ 3/3

วาดตะวันมองโทรศัพท์ในมือนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเก็บมันลงในกระเป๋า แล้วจึงเบนสายตาออกไปมองนอกกระจกรถยนต์ซึ่งขับโดยจักรธร แน่นอนว่าข้าง ๆ เธอคือศิวดล

เธอไม่รู้ว่าศิวดลคุยอะไรกับผู้กองมนัสชนม์เพราะเขาออกไปคุยด้านนอกห้องนั่งเล่น รู้แค่เพียงว่าเวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อศิวดลเดินกลับเข้ามา เขาก็บอกว่าจะพาเธอไปที่แห่งหนึ่ง

“เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ พี่ดลช่วยเขาไว้ได้หรือเปล่า?” จำได้ว่าเธอถามเขาอย่างร้อนรน

“อืม ไปกันเถอะ” ศิวดลตอบเพียงสั้น ๆ จากนั้นก็เดินนำเธอออกจากเพนต์เฮ้าส์สุดหรู

ขึ้นรถญี่ปุ่นสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน โดยมีจักรธรเป็นคนขับ

เธอไม่รู้ว่ากำลังถูกพาไปที่ไหน แต่ก็ไม่ได้ถาม

ศิวดลก็ไม่ได้อธิบาย บรรยากาศในรถจึงเงียบจนน่าอึดอัด

กระทั่งวาดตะวันโทรหามารดาเพื่อบอกว่าคืนนี้เธอจะค้างกับรินฟ้า คุณรวงแก้วรับรู้และไม่ได้สงสัยอะไรเพราะวาดตะวันเคยไปค้างที่คอนโดฯ ของเพื่อนสนิทมาแล้วหลายครั้ง

จากนั้นเธอก็โทรหารินฟ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ

เธอไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน เธอไม่รู้ว่าเรื่องคืนนี้จะยาวนานแค่ไหน บางทีอาจจะลากยาวไปถึงพรุ่งนี้

หากมีอะไรผิดพลาดแล้วมารดาโทรติดต่อเธอไม่ได้ แน่นอนว่าท่านต้องโทรหารินฟ้า

เธอยอมถูกคาดคั้นจากรินฟ้าในภายหลังดีกว่าเสี่ยงให้มารดารู้ความจริง

“วาด แกกำลังมีปัญหาใช่ไหม? แกบอกฉันได้ทุกเรื่องนะ”

เพื่อนสนิทคาดคั้นเสียงเครียดทันทีที่รู้ว่าเธอขอให้ช่วยเรื่องอะไร

“ก็มีปัญหานิดหน่อย แต่แกไม่ต้องห่วง คงจะเคลียร์จบเร็ว ๆ นี้แหละ” วาดตะวันพยายามทำเสียงสดใส

“แกไม่ได้อยู่ในที่อันตรายอะไรใช่ไหม? อยู่กับใคร คุณดลหรือเปล่า?” รินฟ้าย้ำให้มั่นใจ

“อืม แกไม่ต้องห่วง ฉันมีชีวิตรอดกลับไปให้แกซักฟอกแน่นอน” วาดตะวันพูดติดตลกให้อีกฝ่ายเลิกกังวล

“วาด แกมันชอบเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว แม่ฉันเคยสอนว่าถึงแบกโลกไว้ได้แต่ก็ไม่เหลือมือไว้เกาหลัง บางปัญหาถ้ามันหนักนักก็ยอมให้คนอื่นช่วยเถอะ ถ้าฉันคนเดียวยังช่วยแกไม่ได้ ฉันก็มีพี่ชายกับวัวควายเป็นฝูงเป็นหน่วยสนับสนุนนะ แกรู้ใช่ไหม?”

วาดตะวันยิ้มทั้งน้ำตา “รู้จ้า ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะให้แกช่วยเกาหลังนะ”

“ช่วยแบกโลกสิยะ เรื่องเกาหลังให้พี่ดลของแกเกาให้เถอะ” รินฟ้าแกล้งแหย่ให้เพื่อนหัวเราะ

วาดตะวันเหลือบตามองศิวดลที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เงียบจนเธอหวั่นใจ

“แค่นี้ก่อนนะริน เอาไว้จะโทรหา ขอบใจแกมากนะ” วาดตะวันตัดบท

“ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองนะวาด รักแกนะ” จากนั้นรินฟ้าก็วางสายไป

วาดตะวันมองรถที่แล่นขวักไขว่บนท้องถนนยามค่ำคืนอย่างเหม่อลอย

ฉันก็รักแกนะริน แต่ก็ยังโกหกแกอีกจนได้

ในรถเงียบขนาดนี้ ทั้งศิวดลและจักรธรคงได้ยินคำโกหกของเธอชัดเจนเชียวล่ะ

โกหกแม่ แล้วก็โกหกเพื่อนสนิท

แต่จะมีใครรู้ถึงความรู้สึกผิดที่กร่อนกินหัวใจเธอจนปวดระบมบ้างไหม?

วาดตะวันยกนิ้วขึ้นกรีดน้ำตาอย่างเงียบงัน พยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล

มืออุ่นของคนข้าง ๆ เอื้อมมากุมมือของเธอที่วางอยู่บนตัก บีบกระชับเบา ๆ

วาดตะวันมองมือตัวเองที่ถูกศิวดลกุมเอาไว้เงียบ ๆ ขอบตากลับยิ่งทวีความร้อนผ่าว

ศิวดลดึงร่างของวาดตะวันเข้ามาใกล้เขามากขึ้น จนกระทั่งไหล่บางพิงมาแนบชิด ศีรษะของเธอเอนวางบนบ่าแข็งแรงของเขาช้า ๆ

ศิวดลกระชับมือเย็นเฉียบที่สั่นเล็กน้อยของเธอให้แน่นขึ้นอีก ก้มลงจูบศีรษะเธอเบา ๆ ครั้งหนึ่ง

ในรถยังคงเงียบ แต่เป็นความเงียบที่ปลอบประโลม อบอุ่นและนุ่มนวล


รถยนต์ขนาดกลางที่ไม่สะดุดตาแล่นมาได้อีกพักใหญ่ ๆ มุ่งสู่จังหวัดหนึ่งในเขตปริมณฑล เข้าซอยวกวนที่สองข้างทางเป็นสวนของต้นอะไรสักอย่างที่มองเห็นไม่ชัดนักในความมืด จากนั้นจึงหยุดที่หน้าประตูรั้วของบ้านหลังหนึ่ง

วาดตะวันได้ยินจักรธรเปิดกระจกแล้วพูดอะไรบางอย่างกับคนที่มาเปิดประตู ไม่นานนักรถจึงเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าบ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่นัก เมื่อหญิงสาวลงจากรถพร้อมกับศิวดลและจักรธรจึงเห็นว่ามีรถจอดอยู่ก่อนแล้ว 2 คัน ศิวดลจูงมือเย็นชืดของหญิงสาวเดินเข้าสู่ตัวบ้าน

นอกจากคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูรั้ว วาดตะวันยังเห็นผู้ชายอีก 2-3 คน อยู่รอบบ้าน และเมื่อเธอก้าวเข้าไปด้านในก็พบกับมนัสชนม์ที่ดูเหมือนจะกำลังรอการมาของพวกเธออยู่เช่นกัน

ผู้กองหนุ่มพยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยของหนุ่มหน้าคมขี้เล่นช่างยั่วแหย่เหมือนครั้งก่อนที่เจอกันเลยสักนิด ความช่างสังเกตทำให้เห็นว่าสภาพของผู้กองมอมนั้นมอมสมฉายาอยู่เหมือนกัน เห็นได้จากรอยโคลนเป็นปื้นบนกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาสวมและตามเสื้อผ้าอีกหลายจุด

แต่ไม่มีรอยเลือด ทำให้วาดตะวันเบาใจลงได้เล็กน้อย คาดเดาว่าเหตุการณ์น่าจะไม่รุนแรงมากนัก

มนัสชนม์หันไปสบตาศิวดลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเป็นฝ่ายเดินขึ้นบันไดนำทุกคนไปที่ชั้นบน วาดตะวันเดินตามขึ้นไปด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

เธอรู้ รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอจะได้เจอกับใคร

แต่สิ่งที่เธอไม่อาจรู้ได้เลย นั่นคือปฏิกิริยาของทุกคนหลังจากนี้

อันที่จริงไม่ว่าใครจะมองเธออย่างไร วาดตะวันก็ไม่สนใจ

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่วาดตะวันหวังสุดหัวใจว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป นั่นคือคนที่กำลังกุมมือเธออยู่ตอนนี้

หวังว่ามือที่แข็งแรงและแสนอบอุ่นคู่นี้ของศิวดลจะคอยจับจูงเธอแบบนี้ตลอดไป

ศิวดลรับรู้ถึงแรงบีบกระชับในอุ้งมือของเขา ชายหนุ่มหันกลับมาสบตาคู่สวยที่ตอนนี้ไม่อาจปกปิดความหวั่นไหวและหวาดวิตกเอาไว้ได้ เขาส่งยิ้มให้เธออย่างให้กำลังใจ เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้กองหนุ่มยกมือขึ้นเคาะประตูห้องแรกที่อยู่ติดบันไดเป็นจังหวะสั้นและยาวสลับกันชุดหนึ่ง

จากนั้นประตูจึงถูกเปิดออกจากด้านใน

คนแรกที่เธอเห็นคือยศพลซึ่งเป็นคนเปิดประตู วาดตะวันเดินตามมนัสชนม์และศิวดลที่นำหน้าเธอเข้าไปในห้องโดยมีจักรธรเดินตามมาเป็นคนสุดท้าย ก่อนประตูจะถูกปิดลง

ในห้องมีเพียงเตียงขนาดกลาง โซฟาชุดเล็กและตู้เก็บของเก่า ๆ วินาทีแรกวาดตะวันยังมองไม่เห็น “ใคร” บางคนที่เธอคิดว่าจะได้เจอ จนกระทั่งเห็นร่างหนึ่งที่นั่งซบหน้ากอดเข่าอยู่มุมห้องโดยมีหัวเตียงบังอยู่

“ก่อ!!” วาดตะวันร้องเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้าไปหาร่างนั้นโดยมีศิวดลมองตามอย่างไม่ชอบใจนัก

ใบหน้าที่ซบอยู่กับเข่าเงยขึ้นทันที “พี่วาด!!” ก่อนจะนิ่งเกร็งไปเมื่อร่างเพรียวบางของพี่สาวทรุดลงมากอดเขาไว้แน่น โดยไม่สนใจเนื้อตัวอันสกปรกส่งกลิ่นเหม็นของเขาเลยสักนิด แขนเรียวยังกอดเขาไว้แน่น จนรับรู้ถึงอาการสะอื้นน้อย ๆ ของเธอ

ก่อบุญเม้มปากแน่น หลับตาลงเมื่อขอบตาเริ่มผ่าวร้อน ซึมซับความอบอุ่นของอ้อมกอดซึ่งเขาแทบไม่เคยได้สัมผัสนับตั้งแต่จำความได้ ครั้งสุดท้ายที่มีคนกอดเขามันเมื่อไหร่กันนะ?

ชายหนุ่มที่เหลือมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่แตกต่างกัน

จักรธรกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

ยศพลทำสีหน้าคล้ายหมั่นไส้

ในขณะที่มนัสชนม์กำลังช็อก

ตอนที่ศิวดลโทรหาเขาเพียงแค่บอกสั้น ๆ ว่าอยากให้ช่วยไอ้เด็กคนนี้จากพวกคนร้ายอีกกลุ่มที่บังเอิญมาล่าตัวเด็กนี่ในคืนนี้เหมือนกัน กำชับว่าต้องช่วยไว้ให้ได้และอย่าเพิ่งส่งไปฝากขัง

อันที่จริงถึงศิวดลไม่ขอเขาก็ต้องช่วยอยู่แล้ว จะปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญหลุดมือไปได้อย่างไร

ส่วนเรื่องฝากขัง มนัสชนม์เชื่อมั่นในตัวศิวดลว่าต้องมีเหตุผลที่ให้เขาทำแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงพาไอ้เด็กฤทธิ์มากคนนี้มาที่เซฟเฮ้าส์ รอฟังคำอธิบายจากศิวดลก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ถ้าเหตุผลไม่หนักแน่นเพียงพอ เขาก็จะทำไปตามกระบวนการของกฎหมายโดยไม่ละเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น

ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็กคนนี้จะกลายมาเป็นน้องชายของคุณวาดตะวันเสียได้!!

ผู้กองหนุ่มหันไปมองผู้ที่เป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิท อีกฝ่ายเพียงแค่มองตอบแล้วส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปจับตามองหญิงสาวคนเดียวในห้องต่อ

หมายความว่ายังไงวะ?

ศิวดลมีสีหน้านิ่งสงบ แต่ในใจอยากจะเข้าไปกระชากร่างนุ่มนิ่มของวาดตะวันออกมาด้วยความหวง

น้องชาย น้องชาย ท่องไว้!

ยังดีที่วาดตะวันคลายอ้อมกอดแล้วเริ่มสำรวจร่างสูงของเด็กหนุ่มอย่างห่วงใย

“ก่อบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของน้องชาย ตามเนื้อตัวก็มีรอยแผลถลอกจนเลือดซึม เสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะไปทั้งตัว

จะมีครั้งไหนบ้างที่เธอเจอก่อบุญโดยไม่มีบาดแผล

ยังดีที่เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้แต่ก่อบุญไม่มีบาดแผลร้ายแรงตรงไหน มีเพียงรอยฟกช้ำ รอยถลอกและแผลคล้ายถูกขีดข่วนตามเนื้อตัวเท่านั้น

“ผมไม่เป็นไร แค่ฟัดกับหมาจะทำอะไรผมได้?”

มีเสียงคำรามฮึ่มฮั่มจากยศพลทันที

“ปากดีแบบนี้ มันน่าปล่อยให้ตายอยู่ในคลองน้ำเน่าจริง ๆ”

แววตาของเด็กหนุ่มเลือดร้อนวัย 19 วาวโรจน์ขึ้น

“เฮอะ! กูรอดอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนเข้ามาเสือ...” ก่อบุญยังพูดไม่ทันจบวาดตะวันก็รีบขัดเสียงเข้ม

“ก่อ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เด็กหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดขัดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งสายตาวาววับไปทางยศพล คล้ายจะบอกว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”

อีกฝ่ายก็จ้องกลับอย่างดุเดือดไม่แพ้กัน ไอ้เด็กเวรนี่โคตรกวนตีน!

ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายของแฟนเจ้านาย เขาคงได้จัดให้ซัก 2-3 หมัดจะได้หายซ่า

ก่อบุญหันมาสำรวจพี่สาวของเขาบ้าง เมื่อเห็นรอยแดงจาง ๆ บนเสื้อยืดสีขาวของเธอกับรอยถลอกที่แขน ดวงตาเขาก็วาววับขึ้นอีกครั้ง

“เลือด? ใครทำพี่! มันทำเหรอ?” ครั้งสุดท้ายที่เขาโทรหาวาดตะวัน ยังไม่ทันจะได้คุยก็ดูเหมือนจะมีคนแย่งโทรศัพท์ไป เขาได้ยินเสียงเธอตะโกนแว่ว ๆ เรียกชื่อ พี่ดล

เพราะเรื่องนี้มันถึงได้ทำร้ายพี่สาวของเขางั้นหรือ?

ศิวดลหรี่ตามองเด็กหนุ่มที่จ้องเขาด้วยสายตาเคียดแค้น ทันทีที่ร่างสูงเก้งก้างของเด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นจักรธรและยศพลก็ก้าวเข้ามาบังศิวดลไว้ทันที

วาดตะวันรีบดึงแขนน้องชายเลือดร้อนของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักเขาเต็มแรงจนก่อบุญเซล้มลงไปบนเตียง

“ก่อบุญ! หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะ นี่มันไม่ใช่เลือด ไม่ใช่เลือด! นี่มันน้ำแตงโม พี่ทำน้ำแตงโมหกรดเสื้อพอใจรึยัง ”

อยากจะบ้าตาย!! มันอะไรกันนักกันหนากับน้ำแตงโมเนี่ย ต่อไปวาดตะวันคงหลอนกับน้ำแตงโมไปอีกนานทีเดียว

วาดตะวันใช้นิ้วชี้หน้าน้องชายที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วพูดอย่างจริงจัง

“ถ้าพี่อยู่ห้ามพูดจาหยาบคายเด็ดขาด ห้ามเรียกใครว่ามัน ห้ามขึ้นกูขึ้นมึง แล้วก็หัวร้อนให้มันน้อย ๆ หน่อย ถือว่าทำเพื่อพี่ ก่อทำเพื่อพี่ได้ไหม?”

ก่อบุญเม้มปากแน่นอย่างดื้อดึง จนกระทั่งเห็นความอิดโรยบนหน้าซีดเซียวของวาดตะวัน ขอบตาแดงช้ำ และน้ำเสียงที่พยายามทำขึงขังแต่กลับแหบเครือ เด็กหนุ่มก็สงบลง ก่อนรับปากห้วน ๆ โดยไม่มองหน้า

“อือ รู้แล้ว”

เท่านั้นพี่สาวของเขาก็ยิ้มออก ยกมือบางตบศีรษะเขาเบา ๆ เหมือนหยอกล้อ “เด็กดี”

เด็กหนุ่มเหล่มองกลุ่มผู้ชายที่ยืนอยู่อีกฝั่งของห้องนิดหนึ่งแล้วรีบปัดมือพี่สาวออก

“อย่าเล่นหัว” วาดตะวันเห็นหูแดง ๆ ของน้องชายแล้วหัวหเราะเบา ๆ

เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มในห้องคิดต่างกันไป

มนัสชนม์คิดว่าที่จริงแล้วดูเหมือนเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เห็นได้ชัดว่ารักและห่วงพี่สาวอย่างจริงใจ

ยศพลได้ยินคำว่าเด็กดีแล้วรู้สึกมวนท้อง เด็กดี? เด็กเปรตน่ะสิ

จักรธรเพิ่งเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้านายของเราที่ควงคนสวยมานับไม่ถ้วนถึงมาโดนคุณวาดตะวัน”ตก” จนถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้ เพราะความหวานซ่อนดุ กึ่งแข็งกึ่งอ้อนแบบนี้นี่เอง

คนที่โดน”ตก” มองความสนิทสนมของพี่น้องตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นทุกที

ถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นวาดตะวันไปลูบ ๆ คลำ ๆ ผู้ชายคนอื่นอยู่ดี กำลังคิดหาวิธีจะไปดึงลูกแกะน้อยของเขาออกมา แต่ก็มีอันต้องตะลึงเมื่อจู่ ๆ วาดตะวันก็ถามก่อบุญเบา ๆ

“แล้วพ่อล่ะ?”

ศิวดลหันขวับไปมองมนัสชนม์ อีกฝ่ายมองกลับมาแล้วส่ายหน้าให้เขาช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มสาสมใจ

หึ! ผลัดกันช็อกนะไอ้ดล

.......................................

การมีใครสักคนที่ยังกุมมือเราไว้ตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าเราอาจจะทำเรืองแย่ๆ มา มันเป็นความรุ้สึกที่ดีเนอะ

ก็หวังว่าทุกคนจะมีคน ๆ นั้นนะคะ แล้วก็ อย่าลืมเป็นคนๆ นั้น ให้คนที่คุณรักด้วยเนอะ /// วันนี้โหมดโรแมนติกเฉยเลยยยย 555



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว