ดั่งดวงตะวันที่ฝันหา(Bring me sunshine)-3. กวางสาวเยอะแยะ ปล่อยแกะไปเถอะ! 1/2

โดย  กรวลัญชน์

ดั่งดวงตะวันที่ฝันหา(Bring me sunshine)

3. กวางสาวเยอะแยะ ปล่อยแกะไปเถอะ! 1/2

ครึ่งชั่วโมงต่อมาศิวดลก็ประคองร่างบอบบางของวาดตะวันนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางเพนต์เฮาส์ของเขา

“เอ๊ะ! พี่ดลเปลี่ยนโซฟาหรือคะ?” วาดตะวันทักขึ้น

ขนาดว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแต่นิสัยช่างสังเกตโดยเฉพาะเรื่องการตกแต่งภายในตามสถานที่ต่าง ๆ มันแก้ไม่หายจริง ๆ

ครั้งก่อนเธอจำได้ว่าเป็นโซฟาสีครีมนี่นา

“ก็ครั้งก่อนกินเลอะเทอะบนโซฟานิดหน่อย พี่เลยเปลี่ยนใหม่”

ศิวดลตอบเสียงเรียบแต่แววตาที่มองวาดตะวันเป็นประกาย

อันที่จริงก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากนัก เพียงแต่เขาอยากเปลี่ยน

เขาอยากเห็นร่างขาวอมชมพูของวาดตะวันที่ทอดระทวย สั่นสะท้านครวญครางอยู่บนโซฟาสีเข้ม

มันต้องเป็นภาพที่สวยงามและเร้าอารมณ์ที่สุดอย่างแน่นอน

ให้ตายเถอะ! เพียงแค่คิดศิวดลก็รู้สึกร้อนรุ่มจนต้องรีบสะกดอารมณ์เอาไว้

เขายังต้องคุยเรื่องสำคัญกับวาดตะวันให้กระจ่างเสียก่อนและชายหนุ่มก็ไม่อยากรังแกคนที่มีแต่แผลถลอกเต็มร่างในคืนนี้

วาดตะวันหน้าแดงจวนเจียนจะระเบิดเมื่อนึกถึงการ “กินเลอะเทอะ” ที่ศิวดลพูดถึง

คืนนั้น... คืนนั้นที่เธอกับเขา.. บนโซฟาตัวนั้น

“คุณหมอสั่งยาแก้ปวดให้นะครับแล้วก็ยาทาแก้ฟกช้ำ เรื่องล้างแผลจะไปโรงพยาบาลหรือล้างเองก็ได้เพราะมีแต่แผลถลอกเล็ก ๆ แต่ระวังห้ามโดนน้ำสัก 1-2 วัน”

จักรธรเข้ามาช่วยวาดตะวันไว้อย่างไม่รู้ตัว ไม่อย่างนั้นเธอคงอายจนทำอะไรไม่ถูกไปอีกนาน ก็ดูสายตาของศิวดลที่มองมาที่เธอสิ

มันฟ้องว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องคืนนั้นอยู่เหมือนกัน

“ผมสั่งอาหารมาเตรียมไว้ให้แล้วนะครับเห็นว่าตอนเย็นคุณวาดและคุณดลยังไม่ได้ทานอะไร และนี่ก็เสื้อผ้าให้คุณวาดเปลี่ยน ชุดเก่าคุณวาดถอดไว้ได้เลย พรุ่งนี้ผมจะให้แม่บ้านเอาไปจัดการให้”

วาดตะวันมองมือขวาของศิวดลที่ยืนยิ้มสุภาพตรงหน้าด้วยความชื่นชม

“ขอบคุณคุณจักรมากนะคะ”

จักรธรยิ้มรับก่อนจะเหลือบมองเจ้านายนิดหนึ่ง เห็นว่าศิวดลหยิบยาในถุงออกมาอ่านฉลากอย่างใส่ใจจึงเอ่ยขอตัวแล้วเตรียมตัวถอยออกไป

“แล้วสองคนที่เข้าไปช่วยวาดตอนหกล้มล่ะคะ ทำไมวาดไม่เห็นตามมาจากโรงพยาบาล”

“ไม่อยู่แล้ว” ศิวดลตอบง่าย ๆ พลางเก็บยาใส่ถุงตามเดิม

“วาดยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลยค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้เนอะ” วาดตะวันเสียดายเล็กน้อย

จักรธรที่กำลังเดินห่างออกมาถอนหายใจเสียงเบา คำว่าไม่อยู่แล้วของศิวดลก็คือ

วาดตะวันจะไม่มีโอกาสเห็นสองคนนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็อาจจะเป็นปี

เขานึกถึงแววตาเดือดดาลและน้ำเสียงเยียบเย็นของศิวดลยามที่ออกคำสั่งสั้น ๆ

“เปลี่ยนทีมใหม่ซะจักร แล้วอย่าให้พลาดอีก”

“ครับ” จักรธรสบตาวาวโรจน์ของเจ้านายแล้วรับคำหนักแน่น

คุณวาดหกล้มเจ้านายของเขายังโกรธเกรี้ยวขนาดนี้

หากในอนาคตเกิดอะไรที่ร้ายแรงยิ่งกว่า จักรธรไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าศิวดลจะคลั่งขนาดไหน

ขออย่าให้มีวันนั้นเลย

จักรธรไม่ได้ห่วงเจ้านายตัวเองเท่าใดนัก

แต่เขาห่วงไอ้พวกโง่ที่มาแหย่สิงโตขี้โมโหและขี้หวงสุด ๆ อย่างศิวดลมากกว่า


ศิวดลจูงมือหญิงสาวมาที่โต๊ะอาหารจากนั้นก็ทานกันเงียบ ๆ วาดตะวันที่กำลังอยู่ในอารมณ์ตึงเครียดทานได้ไม่เยอะนัก

“เจ็บแผลหรือจ๊ะ” ชายหนุ่มถามอย่างใส่ใจ

“เปล่าค่ะ วาดทานไม่ค่อยลง”

“ทานอีกนิดเถอะเผื่อว่าต้องทานยา หรือไม่เราก็ต้องคุยกันอีกยาว” เขาว่าพลางตักปลานึ่งสมุนไพรมาใส่จานของเธอ วาดตะวันจึงได้แต่ตักเข้าปากอย่างว่าง่าย

ใช่! เธอมีความรู้สึกว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล

ใครจะไปนึกล่ะ จากที่วางแผนจะไปปาร์ตี้ส้มตำกับรินฟ้าให้เต็มที่กลับมาเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบนี้

โชคดีที่รินฟ้าไม่ใช่คนเรื่องมาก เมื่อเธอโทรไปขอโทษและบอกว่ามีธุระด่วนกะทันหัน เพื่อนสาวก็ไม่ติดใจซักถามอะไร นั่นยิ่งทำให้วาดตะวันรู้สึกผิดมากขึ้น

ดูเหมือนคนรอบข้างพร้อมจะเชื่อในคำพูดของเธอเสมอ

ในขณะที่บ่อยครั้งเธอต้องโกหกพวกเขา

เธอไม่อยากเป็นคนแบบนี้อีกแล้ว ไม่อยากเป็นคนขี้โกหก ไม่อยากถูกความรู้สึกผิดกัดกินอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทานไปได้อีกเพียงเล็กน้อยก็เริ่มเขี่ยอาหารไปมา ศิวดลจึงรวบช้อน

“อิ่มแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยไหมจ๊ะ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน”

เขาสังเกตเห็นความตึงเครียดของวาดตะวันมาสักพักแล้ว

และเขาเองก็อยากรู้สิ่งที่หญิงสาวตัดสินใจจะบอกเขาใจแทบขาด

เพียงแต่เขาไม่อยากให้บรรยากาศมันกดดันมากจนเกินไป

ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับหรือคาดคั้น จึงประวิงเวลาโดยการทานอาหาร

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรวาดตะวันมากนัก

เธอพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

จากนั้นก็มายืนตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำหรูกว้าง มองคราบความมอมแมมบนใบหน้าและผมเผ้ายุ่งเหยิงที่สะท้อนกลับมาอย่างปลง ๆ

ดูไม่ได้เลยจริง ๆ เธอน่าจะเป็นคู่ควงที่เยินที่สุดเท่าที่ศิวดลเคยควงอย่างแน่นอน

แม้ว่าเขาจะดูไม่เดือดร้อนเวลาที่เดินคู่กับวาดตะวันในสภาพรุงรังเลยก็ตาม ยังคงอ่อนโยนและแสดงความเป็นเจ้าของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบที่เขามักจะทำเป็นประจำอยู่เช่นเดิม

ถือว่าในจังหวะที่ชีวิตเธอตุปัดตุเป๋ ก็ยังมีเขาเป็นเรื่องดี ๆ ที่เข้ามาสินะ

หญิงสาวมองเสื้อยืดสีขาวที่มีน้ำแตงโมเปรอะซึมเป็นวงกว้างก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอควรเปลี่ยนชุดเสียหน่อย วาดตะวันจึงเปิดประตูห้องน้ำเพื่อจะกลับไปหยิบถุงเสื้อผ้าที่จักรธรเตรียมไว้ให้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลางใกล้โซฟา

แต่เท้าบางต้องชะงักเมื่อเห็นศิวดลกำลังยืนคุยกับจักรธรด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เคร่งเครียดอย่างมากเสียด้วย

และตอนนี้ทั้งคู่ก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างทำให้วาดตะวันถามออกไปทันที

ศิวดลหันไปกระซิบกับจักรธร ก่อนที่ผู้ช่วยคนเก่งจะเดินเลี่ยงออกไป

“น้องวาดมานี่” ไม่ต้องให้เรียกวาดตะวันก็แทบจะวิ่งมาเกาะแขนถามเขาด้วยความร้อนใจอยู่แล้ว

“พี่ดล เกิดเรื่องใช่ไหมคะ?”

ศิวดลไม่ตอบ เขากดไหล่เธอเบา ๆ ให้นั่งลงบนโซฟาจากนั้นจึงยื่นอะไรบางอย่างให้เธอ

“ผู้ชายคนนี้เกี่ยวข้องกับที่วาดโดนทำร้ายวันนี้ใช่ไหม?” ศิวดลถามอย่างคาดคั้น

วาดตะวันมองสิ่งที่รับมาจากศิวดลแล้วหัวใจสั่นวูบ

เป็นรูปถ่ายอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่รูปของเธอ

แต่เป็นรูปของชายร่างผอมสูงในเครื่องแต่งกายที่จงใจอำพรางตัวเอง

ผู้ชายที่เธอนัดเจอหลายครั้งแล้วถูกนักสืบของจิรารัตน์ถ่ายรูปไว้ได้

วาดตะวันสับสน ทำไมรูปนี้ถึงมาอยู่ในมือศิวดล?

หรือว่า..!!

“พี่ดลให้คนตามสืบเรื่องผู้ชายคนนี้หรือคะ?” วาดตะวันถามด้วยความตระหนก

ศิวดลมองเธอด้วยสายตาที่นิ่งลึก ลึกจนวาดตะวันอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่เธอรู้สึกได้ รู้สึกได้ถึงความเคร่งเครียดและความโกรธเกรี้ยวของเขาที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ

...............................................

สองคนนี้โตกันแล้วแท้ๆ กินอะไรเลอะเทอะ!! น่่าตีเนอะ อิอิ

ว่าแต่ พี่ดลอย่าโหดกับน้องวาดสิคะ มุแงงงง! สงสารนางเอกเจ๊นิดนึงนะจ๊ะ น้องช้ำไปทั้งตัวแล้วววว 5555

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว