หัวใจซาตานเถื่อน-ตอยที่ 29 เพราะรักจึงห่วง

โดย  ฟากฟ้าเคียงดาว

หัวใจซาตานเถื่อน

ตอยที่ 29 เพราะรักจึงห่วง

สี่ปีต่อมา...

สายลมหนาวพัดโชยเข้ามาทางระเบียงห้องเล็กที่เปิดประตูด้านหลังทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากเจ้าของห้องไม่ได้กลับมาจนกระทั่งเช้า

โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่เข้าชุดกันถูกจัดให้อยู่บริเวณมุมด้านในสุดของห้อง แม้จะดูเก่าเพราะผ่านการใช้งาน

มานาน แต่ก็ยังดูแข็งแรงดีอยู่

ถัดมาไม่กี่ก้าวก็เป็นที่ตั้งของเตียงนอนซึ่งปูด้วยผ้าคลุมสีขาวตุ่น ที่ยังคงเรียบตึงเนื่องจากเจ้าของยังไม่ได้ใช้งานเลยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

เสียงโทรศัพท์เครื่องบางดังขึ้น แหวกความเงียบยามเช้าตรู่ได้เป็นอย่างดี

ปริยฉัตรสะดุ้งมองหาต้นตอของเสียง หันซ้ายหันขวาก่อนพบที่มาจากกระเป๋าสะพายที่แขวนไว้ตรงเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะเครื่องแป้งที่เธอเพิ่งอาศัยงีบเมื่อสักครู่นี้

คืนที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินทำให้เธอไม่ได้พักเลยจนถึงเมื่อประมาณหกโมงเช้าทุกอย่างจึงลุล่วงไปได้ด้วยดี

เธอจึงมีเพิ่งมีโอกาสลากสังขารกลับมายังห้องพักเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสำหรับปฎิบัติงานให้ทันในช่วงเช้า ก่อนจะถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ปริศนาอีกครั้ง

หญิงสาวควานหาโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงอู้อี้ไปตามสาย

“สวัสดีค่ะ”

“ปรางเธอจะกลับมางานรับปริญญาฉันหรือเปล่า?”กังสดาลยิงคำถามทันทีเมื่อมีคนรับสาย

“ไปๆ...ขอโทษที เพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อกี้นี้เอง งานยุ่งมากเลย ฮ้าว!” เสียงงัวเงียตอบกลับมาเพราะหลังแตะที่นอนได้ไม่นานก็ถูกปลุกโดยเสียงโทรศัพท์จากเพื่อนรักคนเดิม

“อาทิตย์หน้าแล้วนะอย่าลืมกลับมาล่ะ... ” กังสดาลทำเสียงมีเลศนัย

“พี่รันดน์ก็มานะ”

งานรับปริญญาคุณเดือนทั้งที ยังไงเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว

ปริยฉัตรแอบนึกหมันไส้เพื่อนสาวอยู่ในใจ

“เขาจะมาหรือไม่มาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน งานรับปริญญาเธอฉันก็ไปอยู่แล้ว”

“เหรอ…” กังสดาลลากเสียงยาว

“แล้วถ้าพี่รันดน์ควงสาวมางานฉันเธอจะว่ายังไง?”

“ใคร? แฟนพี่รันดน์เหรอ”

“ไหนบอกไม่เกี่ยวกับเธอ แล้วจะตื่นเต้นทำไม”

กังสดาลแอบขำที่ปริยฉัตรสุดท้ายก็แอบเผยความรู้สึกออกมา

ปากไม่ตรงกับใจเลยแฮะ

เมื่อก่อนรึแสดงออกชัดเจนว่าชอบพี่ชายเธอ แต่มาหลัง ๆไหงกลายเป็นอย่างนี้ได้ ทำให้เธอต้องคอยออกแรงงัดปากแข็ง ๆของเจ้าหล่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะอกแตกเพราะไม่ยอมรับความจริงสักที

“เปล๊า!ก็แค่แปลกใจ”

ปริยฉัตรเฉไฉ กลัวเสียฟอร์มที่เผลอหลุดแสดงท่าทีสนอกสนใจเรื่องหญิงสาวของจิรันดน์ออกมาจนกังสดาลจับพิรุธได้

เฮ้อ!คนปากแข็ง

“งั้นฉันก็ไม่บอกหรอกนะว่าใคร อยากรู้ก็มาดูเอง อย่าลืมแต่งตัวสวยๆมาด้วยล่ะ”

“โอเค ว้าย! เจ็ดโมงกว่าแล้ว ฉันไปก่อนนะแล้วค่อยคุยกันวันหลัง” เธอพูดเมื่อเหลือบมองเห็นนาฬิกาชี้บอกเวลาเจ็ดนาฬิกาสิบห้านาที

ปริยฉัตรจัดการทำธุระส่วนตัวด้วยความเร็ว ก่อนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่แล้วหยิบกระเป๋าใบเก่ง วิ่งขึ้นตึกผู้ป่วยไปทันที

เธอก็เหมือนกับนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆที่ต้องออกฝึกงานต่างจังหวัด โรงพยาบาลที่เธอเลือกเป็นโรงพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่งในภาคเหนือ คนไข้ที่มารับการรักษาส่วนมากเป็นผู้สูงอายุและเด็ก

ชีวิตเรียบง่ายในชนบททำให้เธอรู้สึกสบายใจมากกว่าการอยู่ในเมืองใหญ่ ๆที่มีผู้คนมากมายจอแจ โอกาสของคนเหล่านั้นกับคนไข้ที่เธอเจอที่นี่ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน

การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขก็ไม่ได้สะดวกสบายเทียบเท่ากับคนในเมือง

ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะมาฝึกงาน ณ อำเภออันห่างไกลจากแสงสีต่างๆ เพื่ออย่างน้อยเธอก็จะได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับพี่น้องร่วมแผ่นดินบ้าง

แม้ชาวบ้านที่นี่จะไม่ร่ำรวยนัก แต่น้ำใจของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยตามไปด้วย

เธอยังจำคุณยายกับสาลี่หนึ่งผลได้ไม่ลืมวันนั้นเธอกำลังจะขึ้นตรวจผู้ป่วยในช่วงบ่าย คุณยายคนหนึ่งที่เคยมาโรงพยาบาลและตรวจกับเธอเมื่อสองสามวันก่อน เดินตรงเข้ามาหา

มือเหี่ยวย่นถือถุงพลาสติกยับยู่ยี่ ด้านในพอมองออกว่าเป็นสาลี่หนึ่งผล หญิงชราเห็นเธอแล้วยิ้มก่อนยื่นถุงในมือให้อย่างตั้งใจ

“ลูกยายซื้อสาลี่มาให้สามลูกยายกินแล้วหวานชื่นใจดีอยากให้หมอกินด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณยายเก็บเอาไว้ทานเถอะ หนูทานมาเรียบร้อยแล้ว”

หญิงชรายังคงยื่นถุงยับย่นพยายามคะยั้นคะยอส่งให้เธอ จนสุดท้ายเธอต้องรับไว้จนได้

สีหน้ามีความสุขของคุณยายทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้แต่คุณยายก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจนำมาให้เธอ

เธอรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณ ยืนส่งคุณยายที่ขอตัวกลับหลังได้มอบของให้ตามที่ตั้งใจ วันนั้นทั้งวันปริยฉัตรรู้สึกอิ่มใจยิ่งกว่าวันไหนๆ นึกดีใจที่เลือกมาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้

สิ่งที่ได้รับไม่สามารถแปรออกมาเป็นตัวเงินได้ แต่มีคุณค่ามากมายต่อจิตใจของเธอมากมาย ความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและใจหายไปเกือบหมดสิ้น

เธอจึงตั้งปณิธานว่าจะใช้ความรู้จากที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาใช้ประโยชน์กับผู้คนให้มากที่สุด

อีกไม่นานแล้วที่เธอจะได้จบออกมาเป็นแพทย์เต็มตัวและรับใช้ประชาชนให้สมกับเงินภาษีของพวกเขาที่เสียให้กับรัฐบาล

แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องเตรียมตัวไปแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตใหม่ในอาทิตย์หน้าก่อน ไม่รู้ป่านนี้เจ้าตัวจะวุ่นวายไปถึงไหนแล้ว

หญิงสาวคิดก่อนนึกเลยไปถึงหญิงสาวคนที่กังสดาลบอกว่าจิรันดน์จะพามาด้วย

เฮ้อ! แล้วเธอจะไปสู้รบปรบมือกับเข้าได้ไหมเนี่ย แค่จะทำให้เขารู้ก็ยังไม่กล้าเลย หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจให้กับความขี้ขลาดในเรื่องความรักของตัวเอง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว