หัวใจซาตานเถื่อน-ตอนที่ 13 ข้อเสนอ

โดย  ฟากฟ้าเคียงดาว

หัวใจซาตานเถื่อน

ตอนที่ 13 ข้อเสนอ

ผ่านไปแล้วหลายสิบแถว ซ่งลุ่ยไม่ได้ต้องการที่จะตาม แต่รอจังหวะและเปิดไพ่

ที่น่าสนใจก็คือ นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีการเล่นแบบสตั๊ดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นอื่นเพิ่มการเดิมพันให้มากขึ้น พวกเจ้าหน้ที่รักษาความปลอดภัยที่นำโดยซุนเย่แต่ละคนต่างก็รู้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาต่างพากันจ้องมองซ่งลุ่ยและโยนเงินให้เขาไป

ผลคือซ่งลุ่ยไม่เพียงแค่ได้ชดใช้หนี้หนึ่งหมื่นหยวน แต่เขาได้เงินอีกสี่พันหยวนเข้ากระเป๋าอีก

เพราะว่าเงินของทุกคนได้ถูกซ่งลุ่ยเอาชนะแล้วเอาเงินทั้งหมดไป ในการชนะครั้งนี้ยอมรับเลยว่านี่กลายเป็นสัญญาที่พูดด้วยปากเปล่าสุดท้ายของเขาเลย

ก่อนที่จะสับไพ่อีกครั้ง ซุนเย่ที่ได้พ่ายแพ่ให้กับซ่งลุ่ย เขาจึงหยิบบัตรเอทีเอ็มเงินเดือนของเขาขึ้นมา แล้วพูดกับซ่งรุ่ยว่า "กล้ารึป่าวที่จะเดิมพันก้อนใหญ่ แค่เราสองคนคนอื่นไม่ต้องมายุ่ง !"

ซ่งรุ่ยมองไปที่บัตรเอทีเอ็มเงินเดือนนั่นแล้วถามปนหัวเราะกลับไปว่า " จะเดิมพันสักมากแค่ไหนล่ะ ?"

ซุนเย่กัดฟัน เอามือปาดเหงื่อที่เต็มไปทั้งหน้าผาก จับบัตรเอทีเอ็มที่กำลังสั่น พร้อมพูดไปว่า "เงินเดือนสองเดือนอยู่ในบัตรนี้ ทั้งหมดห้าพันหยวน ฉันขอเดิมพันกับเงินที่อยู่ในมือแกทั้งหมด แกกล้ารึป่าวล่ะ ?"

ทั้งหมดต่างดูออกว่าซุนเย่จะแพ้ในเกมนี้ ทุกคนจึงเงียบและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นทั้งหมดก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด

เงียบพอที่จะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของตัวเอง

ซ่งลุ่ยไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาหยิบเงินประมาณสี่พันหยวนโยนลงไปในหม้อเงินเดิมพันแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า " มาสิ ไม่กลัวอยู่แล้ว "

พูดจบ ซ่งลุ่ยก็เอื้อมมือไปหยิบกองไพ่ที่วางไว้อยู่เป็นโต๊ะ เพื่อจะนำมาสับ แต่ทันใดนั้นก็ถูกหยุดไว้โดยซุนเย่

" อย่าเพิ่ง รอบสุดท้ายที่เราทั้งคู่เดิมพันกันก้อนใหญ่ ใครที่เป็นคนที่ได้ไพ่ใหญ่กว่าคนนั้นชนะ !" ซุนเย่พูดพร้อมกับดวงตาอันเกรี้ยวกราด จั่วการ์ดขึ้นมาและหงายมันขึ้น

"A โพดำ!"

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ละคนต่างร้องพร้อมกันด้วยความตกใจ ซุนเย่แสยะยิ้มออกมา " เอาเลย ถึงตาแกแล้ว! เว้นแต่ว่าแกจะจั๋วได้ King ล่ะนะ !"

การที่ซุนเย่นั้นจั๋วได้การ์ด A โพดำนั้นไม่ใช่เพราะว่าโชคช่วย แต่มันเป็นการโกง เขาจำได้ว่า Aโพดำนั้นอยู่ตรงไหนเพราะว่าเขาเคยถือมันมาก่อน

การที่ซุนเย่นั้นกล้าที่จะนำเงินเดือนของเขาออกมาเดิมพัน เป็นเพราะว่าเขาได้มีการเตรียมการมาก่อนแล้ว

อย่างที่รู้กัน โอกาสที่จะชนะนั้นคือต้องจั่วการ์ดออกมาจากทั้งหมดห้าสิบสี่ใบ ซึ่งนั่นมีเพียงแค่ไพ่สองใบจากทั้งสำรับ โอกาสนั้นช่างริบหรี่ ไม่มีใครคิดว่าซ่งลุ่ยนั้นจะสามารถชนะ ทุกคนต่างคิดว่าถึงแม้จะเป็นคนที่สวรรค์นั้นประทานความโชคดีมาให้ ก็ไม่อาจจะสามารถพลิกเกมนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่จั่ว King มันจะไปยากอะไรกับซ่งลุ่ยที่ได้ครอบครองตาทิพย์กันล่ะ

มองไปที่มือของเขาที่หยิบไพ่จากในกองที่วางกระจัดกระจายขึ้นมาหนึ่งใบอย่างรวดเร็ว หงายมันขึ้นด้วยความมั่นใจ พร้อมกับพูดปนหัวเราะด้วยความสะใจว่า " ไม่แน่ว่าจะใช่ ! "

"King! "

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง พวกเขามองไพ่ในมือของซ่งลุ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา รู้สึกอึ้งจนราวกับจะหยุดหายใจ " เชี่ย!! มันเป็นไปได้ไงวะ "

ในพริบตาเดียวนั้นซุนเย่สูญสิ้นความหยิ่งพยองจนหมดสิ้น นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ ปากที่กำลังอ้าค้างอยู่นั้น ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมา

ด้วยเหตุนี้ ซุนเย่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกือบจะชนะในการเดิมพนันครั้งนี้ วันนี้เขาก็ได้พ่ายแพ้ให้กับซ่งลุ่ย แพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างจนสิ้นเนื้อประดาตัว อีกทั้งยังแพ้อย่างย่อยยับป่นปี้ไปเลย

ความจริงแล้วซ่งลุ่ยต้องการที่จะปล่อยผ่านเรื่องซุนเย่ไปและคืนบัตรเอทีเอ็มให้เขา แต่พอนึกขึ้นได้ถึงตอนที่ซุนเย่เคยทำอะไรแย่ๆไว้กับเขา เขาก็ได้ตัดความรู้สึกลังเลนั้นออกไป และนำบัตรเอทีเอ็มนั้นกลับมาถือไว้ พร้อมพูดกับซุนเย่ด้วยรอยยิ้มว่า " ขอโทษทีนะหัวหน้าซุน รบกวนช่วยบอกรหัสผ่านให้หน่อยได้ไหมครับ "

หลังจากพูดจบ ซุนเย่รู้สึกโกรธจนแทบกระอักเลือด แต่ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าหากเลือกแล้วที่จะเดิมพัน ก็ต้องรับผลที่จะตามมาให้ได้เช่นกัน ทำได้แค่เพียงฝืนใจเขียนรหัส 6 ตัวลงบนกระดาษ หลังจากนั้นก็วางกระแทกลงข้างหน้าของซ่งลุ่ย " ได้ ! ในเมื่ออวดดีนักนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน !"

เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนดูออก ซ่งลุ่ยนั้นมองซุนเย่ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

ซ่งลุ่ยเองก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจเหตุผลนี้ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขามีพลังพิเศษ

ระบบมองทะลุที่อยู่ในตัวเขา เขายังใช่มองได้ถึงสีหน้าและท่าทางของซุนเย่ได้อีกด้วย

ไม่ ต้องไม่ใช่แน่ๆ!

ในคืนนั้น ซ่งลุ่ยนอนขดตัวอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มและกอดเงินที่ชนะในวันนี้ไว้แน่น อนาคตของตัวเขาเต็มไปด้วยความหวัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นมันช่างไร้ความหมาย

ราวกับตัวเขาได้เห็นถึง รถคันหรู บ้านหลังงาม ผู้หญิงสวยรอบๆกำลังโบกมือทักทายตัวเขา

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งลุ่ยก็นำเงินไปคืนหลินหลินและยังซื้ออาหารเช้าไปด้วย นี้ทำให้หลินหลินเกิดความประหลาดใจขึ้น “เฮ้ คิดไม่ถึงว่านายจะชนะจนได้เงินมา!”

"ก็ใช่นะสิ ฉันจะต้องซวยทุกครั้งเลยเลย!" ซ่งลุ่ยยิ้มแล้วพูดว่า "กินเถอะ มันยังร้อนๆอยู่เลย ขนมปังร้านนี้แพงมากเลยนะ !"

หลินหลินดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเธอพลั้งปากพูดออกไป เธอจึงก้มหน้าก้มตารีบกินขนมปัง  

ซ่งลุ่ยก็อยากจะพูดคุยกับหลินหลินด้วย แต่โทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นในเวลานี้

"ซ่งลุ่ย เวลางานทำไมนาย ไปไม่ยืนเวรยาม เหลวไหลหาแม่แกเหรอไง!”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด่าของซุนเย่ผ่านโทรศัพท์ เขาก็ก้มลงไปมองภาพผ่านกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์พลางขมวดคิ้วไปด้วยแล้วก็เงงยหน้ามาพูดกับหลินหลิน “ รีบกินเถอะ ฉันต้องไปเฝ้าเวรและตรวจตระเวน ถ้าประธานจางมาฉันจะโทรหาเธอแล้วกัน "

หลังจากพูดจบ ซ่งลุ่ยก็โบกมือไปทางหลินหลินด้วย เดินออกจากแผนกต้อนรับไปด้วย   

มีเหตุผลที่จะพูดได้ว่า ซ่งลุ่ยมีความสามารถเด็ดขาดที่จะออกจากเมืองแห่งเหวินฮว่าได้ ทำไมจะต้องมาทนรับความคับอกคับใจที่มาจากซุนเย่ด้วย แต่เขาก็ขืนที่จะทำ

ไม่มีเหตุผลอะไรอย่างอื่น แม้แต่เพื่อหลินหลิน แม้ว่าเขาและหลินหลินจะไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้แต่เขาก็ยังอยากจะปกป้องหลินหลิน บางที่นี่อาจจะเป็นการแสดงความรักให้แก่คนคนหนึ่งก็ได้

อย่างไรก็ตามซ่งลุยที่มาจากบ้านนอกกลับไม่รู้ตัวเขาชอบหลินหลินเข้าให้แล้วและมันยากที่จะอธิบาย

เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำหยาบของซุนเย่ให้กลับมาทำงาน ซ่งลุ่ยก็กลับมายืนยามที่ตำแหน่งของตัวเอง

เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเมอร์เซเดส - เบนซ์ขับมาจากที่ไกลอย่างช้า ๆ ในใจของเขาเกิดความคับขันขึ้นและรีบล้วงวอมารายงานสถานการณ์ “ทุกหน่วยงานระวัง ทุกหน่วยงานระวัง ประธานจางมาแล้ว! ”

หลังจากนั้นไม่นานเมอร์เซเดส – เบนซ์ก็หยุดตรงข้างหน้า ซ่งลุ่ยรีก็บวิ่งไปแสดงความเคารพ

เมื่อหน้าต่างรถถูกเปิดออก ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อนก็ปรากฏออกมา

“สวัสดีครับประธานจาง!”

หญิงสาวที่อยู่ภายใต้หน้าต่างรถก็พยักหน้าให้ซ่งลุ่ยด้วยรอยยิ้มและหน้าผากที่มีผมปรกของเธอ

มันเป็นกิริยาท่าทางที่เรียบง่ายและธรรมดา แต่กลับทำให้ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะหลงใหลจนถึงกับพูดออกมาเบาๆว่า “งดงามมาก!”

“ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย” จางชูหยาถามอย่างมีมารยาท

"พูดออกมาได้เลยครับท่านปราน"

"ก่อนอื่นต้องขอบคุณก่อน อีกสักพักรบกวนให้นายเรียกคนสองคนขึ้นไปช่วยย้ายโต๊ะที่ห้องทำงานของฉันที" จางชูหยาพูดออกมาเบา ๆ

“ไม่มีปัญหา ผมจะเรียกให้คนขึ้นไปครับ” พอพูดจบซ่งรุยก็ทำความเคารพจางชูหยาอีกครั้ง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว