13.00น.
พลอยนภัสลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย บทรักอันเร่าร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมาแทบจะทำให้เธอขาดใจ หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเธอสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่ยอมเสียเปรียบชายหนุ่มอีก ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าการหลอกถามเรื่องสร้อยในวันนั้นจะทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอคงเลือกที่จะหลอกถามบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาแทน
“ตื่นแล้วเหรอ?”
แมทเทโอเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินมานั่งข้างหญิงสาวบนเตียง
“เป็นอะไรหรือเปล่า หืม” เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา
“ฉันโกรธคุณ โกรธมากๆ ด้วย ถ้าเมื่อคืนคุณไม่เอาแต่ใจ แล้วปล่อยให้ฉันนอน ฉันคงไม่ตื่นสายแบบนี้” เธอหันมาระบายความในใจใส่ชายหนุ่ม แต่แทนที่เขาจะรู้สึกผิดกลับนั่งยิ้มอย่างสุขใจ อารมณ์โกรธก่อนหน้านี้แทบจะมลายหายไปทันที เมื่อเจอรอยยิ้มของคนตรงหน้า
“ว้า…คุณก็ยิ้มเป็นนี่นา ฉันก็นึกว่าคุณทำเป็นอยู่หน้าเดียวซะอีก”
แมทเทโอแทบจะหุบยิ้มทันทีที่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะตวัดร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวในอ้อมแขนที่เพิ่งผ่านบทรักอันเร่าร้อนเป็นครั้งแรก คงจะยังไม่มีแรงมากพอที่จะประคองตัวเองเข้าไปในห้องน้ำได้
“คุณออกไปได้แล้ว ฉันอาบน้ำเองได้” เธอหันไปไล่ชายหนุ่มทันทีที่ถูกวางลงในอ่างจากุซซี่
แมทเทโอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเดินออกจากห้องน้ำไปแต่โดยดี
พลอยนภัสใช้เวลาอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจเรียกชายหนุ่มให้เข้ามาอุ้มเธอออกจากห้องน้ำ เมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดกลางกายสาวจนเดินต่อไปไม่ไหว
“วันนี้คุณนอนพักก่อน ยังไม่ต้องออกไปไหน เดี๋ยวผมจะนั่งเป็นเพื่อน…หิวหรือเปล่า?” เขาพูดเสียงเรียบอย่างห่วงใย หลังปล่อยหญิงสาวลงบนเตียงนุ่ม
“หิวมาก” เธอพยักหน้าตอบกลับไป
แมทเทโอต่อสายตรงไปที่ห้องครัวทันทีอย่างไม่รอช้า หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าแม่บ้านก็นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟให้ผู้เป็นนายถึงที่ห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้
“ออกไปได้แล้ว” เขาสั่งขึ้น
“คุณไปทำงานของคุณเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้” เธอหันไปไล่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนจะหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้า
แมทเทโอยืนมองหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะเดินมานั่งข้างเธอและเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในใจ
“คุณมีอะไรอยากจะบอกผมหรือเปล่า?”
“ไม่มี” เธอพูด ขณะที่ตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“งั้นคุณบอกผมได้มั้ยว่าไปทำอะไรที่โรงแรมตลอดหลายวันที่ผ่านมา” เขาถามขึ้น
“ใครบอกคุณ!?” เธอหันมาถามด้วยความตกใจเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าบอดี้การ์ดที่ตามประกบเธอไปด้วยจะซื่อสัตย์กับชายหนุ่มขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอได้ทำข้อตกลงกับบอดี้การ์ดของเขาจนเข้าใจแล้ว
“เป็นเพราะสร้อยเส้นนั้นหรือเปล่า?”
“ใช่ ฉันอยากจะหาเจ้าของสร้อยให้เจอเร็วๆ จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการสักที” เธอพูดออกไปในที่สุด เมื่อไม่สามารถเลี่ยงได้ จะช้าหรือเร็วยังไงชายหนุ่มก็ต้องรู้ในสักวัน
“คุณยังมีความคิดจะกลับเมืองไทยอยู่เหรอ?”
“ที่นั่นเป็นบ้านเกิดฉันนะ จะช้าหรือเร็วยังไงฉันก็ต้องกลับไปอยู่ดี”
“แล้วผมล่ะ?”
“ไม่เห็นยากเลย คุณก็ใช้ชีวิตของคุณไปสิ ถึงยังไงสัญญาฉบับนั้นก็มีอายุแค่ปีเดียว…ฉันพูดมั้ย?” พูดจบ เธอก็หันมาจัดการกับอาหารในจานต่อ
“ไม่!! ยังไงคุณก็ต้องอยู่กับผมที่นี่” เขาพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด ปล่อยให้หญิงสาวนั่งงงอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
“เป็นอะไรของเขา” เธอพึมพำอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของชายหนุ่ม เธอพูดผิดตรงไหน วันหนึ่งชายหนุ่มก็ต้องไปมีชีวิตของตัวเอง ตัวเธอเองก็เช่นกัน คนที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างเขาไม่มีทางมาสนใจผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอแน่นอน...เธอมั่นใจ
•••
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว