หัวใจซาตานเถื่อน-ตอนที่ 11 ผู้หญิงของแมทเทโอ

โดย  ฟากฟ้าเคียงดาว

หัวใจซาตานเถื่อน

ตอนที่ 11 ผู้หญิงของแมทเทโอ

ซ่งลุ่ยกลั้นเสียงหัวเราะของเขา อยากจะพูดอะไรบางอย่างกับฮงเหมย ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของผู้ป่วยด้านหลังถูกผลักเข้ามา

ทันใดนั้นซ่งลุ่ยก็ตกใจทันที! แฉลบตัวออกไปยืนข้างฮงเหมยและยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเตรียมปกป้องฮงเหมย ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังประตู

ก็เห็นคนพุ่งพรวดเข้ามาจากด้านนอกประตู สวมเสื้อคลุมสีขาว ดูสุภาพเรียบร้อย ในตอนที่พุ่งเข้าห้องมาไม่ได้ยั้งแรงและกำลัง จึงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เมื่อซ่งลุ่ยมองอย่างละเอียดเขาก็รีบเข้าไปประคองชายคนนั้นขึ้นมาและพูดกับชายคนนั้นด้วยความกระตือรือร้น

“ผู้อำนวยการ ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่ได้ คุณมีเรื่องอะไรจะเรียกใช้ผมเหรอ?”

ซ่งลุ่ยพูดไปด้วย ไปเอาเก้าอี้ด้านข้างมาเพื่อให้ผู้อำนวยการนั่งด้วย

ผู้อำนวยการนั่งลงบนเก้าอี้และพักเหนื่อยอยู่นาน จากนั้นเขาก็พูดอย่างตื่นเต้นกับซ่งลุ่ย

“น้องชายเอ๋ย! มหัศจรรย์จริงๆ! ฉันตัดมันตามที่นายวาดส้นเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้แยกหยกเจไดต์ออกมาได้ เกินคาด! เกินคาดไปมากจริงๆ!”

ผู้อำนวยการเล่าอย่างภูมิใจกับช่วงเวลานั้นกับซ่งลุ่ย

  เดิมทีหลังจากที่ซ่งลุ่ยเดินออกมาแล้ว ผู้อำนวยการก็มองไปยังหยกเจไดท์บนมือเขาอย่างงุนงง ด้านบนยังมีร่องรอยที่ซ่งลุ่ยวาดเอาไว้อยู่ ผู้อำนวยจ้องมองไปที่ตำหนินั้นในใจก็ยิ่งคิดมากพัวพันกันไปหมด ไม่รู้ว่าตนเองควรจะเชื่อคำพูดของซ่งลุ่ยดีไหม แต่ว่าเมื่อคิดไปคิดมาในใจก็ยังคงไม่มีคำตอบ เมื่อผู้อำนวยการมองไปที่ตำหนิของหยกเจไดต์อีกครั้ง ก็คิดไปถึงร่องรอยที่ซ่งลุ่ยวาดเอาไว้ด้วยความมั่นใจ

เขากัดฟันแล้วหยิบโทรศัพท์และกดโทรออก

เนื่องจากผู้อำนวยหลงใหลในการเสี่ยงดวงกับสิ่งของแบบนี้มาก ดังนั้นเขาจึงมีเพื่อนที่สะสมและเล่นหินแบบนี้อยู่ สำหรับอุปกรณ์ในการแยกหิน เขามีอยู่ที่บ้านอยู่แล้วเพื่อความสะดวกสบายในการแยกหินเพื่อดู หินที่อยู่ในมือของผู้อำนวยการก็สะสมมาเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการต่อไป

ดังนั้นผู้อำนวยการจึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของเขาเพื่อจัดการมัน เขาจึงรีบเดินทางไปหาเพื่อนของเขา หลังจากถึงแล้วก็ใช้เครื่องมือผ่ามันออกตามที่ซ่งลุ่ยได้วาดรอยตำหนิเอาไว้ ก็เป็นไปตามที่คาดไว้!

ดังนั้นผู้อำนวยการจึงขับรถกลับมา นั่นคือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

หลังจากซ่งลุ่ยได้ฟังที่ผู้อำนวยการเล่า เขาก็ถอยหลังแล้วโค้งคำนับเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มกับผู้อำนวยการ

“ครั้งนี้มันจะสร้างเงินให้คุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียวและขอให้คุณร่ำรวยยิ่งๆขึ้นไป!”

ผู้อำนวยการได้ยินก็หัวเราะเหอะๆและรีบโบกมือและเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องผู้ป่วย เขาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าจริงจัง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก ต่อส่ายไปได้ไม่นานก็มีคนรับ ผู้อำนวยการจึงรีบตะโกนผ่านโทรศัพท์

"พวกนายจัดห้องอะไรให้กับญาติของฉัน! ห้องนี้มันอยู่ได้เหรอ? ไม่มีห้องที่ดีกว่านี้แล้วเหรอไง รีบๆหาเดี๋ยวนี้!”

พูดจบก็ไม่รอให้ปลายสายตอบกลับ เขากดวาง หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่อยากจะอธิบาย

“น้องชาย ต้องขออภัยจริงๆ ตอนนี้นายทนอยู่ในห้องผู้ป่วยชั่วคราวไปก่อน เดี๋ยวจะมีคนมาย้ายให้”

ในเวลาเดียวกันผู้อำนวยการก็มากระซิบที่ข้างหูของซ่งลุ่ยเบาๆ

“น้องชาย เย็นนี้จะมีแขกวีไอพีของฉันมาสองสามโต๊ะที่ตึกนี่ นายจะให้เกียรติไปได้ไหม? เป็นพวกเพื่อนของฉันที่สะสมหิน อยากจะพบกับนายและฟังความคิดเห็นของนายสักหน่อย”

พูดจบก็จ้องมองไปที่ซ่งลุ่ย

หลังจากซ่งลุ่ยได้ยิน ใบหน้าเขาก็แสดงอาการลังเลและมองไปยังฮงเหมยที่นอนอยู่บนเตียง เขาตอบกลับผู้อำนวยการ

“วันนี้ผมคงไปไม่ได้ คุณก็เห็น เพื่อนร่วมงานของผมเดินไม่ได้ ผมต้องอยู่ดูแลเธอ! ”

พูดจบก็มองไปที่ผู้อำนวยการด้วยใบหน้าขอโทษ

หลังจากได้ยินผู้อำนวยการก็โบกมือแล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“ฉันแค่หวังมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร”

หลังจากพูดจบก็มองไปที่สถานการณ์รอบๆ ก็รู้สึกว่าอึดอัดที่ต้องอยู่ในสถานการณ์นี้ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองคน เขาเป็นคนนอกที่เข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้!

ด้วยเหตุนี้ผู้อำนวยการจึงยิ้มและพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“ดูสถานการณ์ในตอนนี้แล้วคงจะไม่ยอมไปกับฉันง่ายๆ ดังนั้นฉันจะขอตัวไปก่อน! อ่า ใช่สิ นี่นามบัตรฉัน ถ้ามีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้ตลอด อ่ออีกอย่าง น้องชาย อีกไม่กี่วันในเมืองใกล้ๆจะมีการเปิดประมูลหิน นายอยากลองมาเสี่ยงโชคดูไหม?”

"เอาอย่างนี้ถ้าผู้อำนวยการจะกลับไปก่อน ใช่มั้ย? ถ้าหากมันเป็นอย่างที่คุณพูดมาจริงๆ ฉันอาจจะแวะไปดูสักหน่อย แต่ว่าถึงอย่างไรก็ตามผมไม่ได้สะสมหินมานานแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามรอผมติดต่อกลับไปดีกว่า! ถ้าผมไป คุณจะเป็นคนแรกที่รู้”

เมื่อได้ยินซ่งลุ่ยรับประกันแบบนั้น ผู้อำนวยการจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ซ่งลุ่ยจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองและเดินไปที่ตู้กดน้ำภายในห้อง ดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ในตอนนั้นซ่งลุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก หลังจากเขาดื่มน้ำเสร็จก็วางแก้วไว้ที่เดิมแล้วมองไปทางฮงเหมย

ก็มองเห็นฮงเหมยมองตนเองด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ ซ่งลุ่ยโดนฮงเหมยจ้องด้วยสายตาแบบนี้ก็รู้สึกขนลุก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอ่ยปากถาม

“เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ในเวลานี้ฮงเหมยก็ส่ายหน้า เธอพยักหน้าอีกครั้งแล้วถามด้วยความสงสัย

“เมื่อไรกันที่นายรู้จักเล่นพนันหินด้วย? อีกทั้ง เมื่อไหร่กันที่นายไปรู้จักคนอย่างผู้อำนวยการโรงพยาบาลแบบนั้น!”

เมื่อฮงเหมยพูดจบ ก็จ้องมองไปที่ซ่งลุ่ยอย่างเคร่งขรึม ด้วยตาที่ไม่ขยับ เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยถามแบบนั้น เขาก็หัวเราะแหะๆออกมาแบบเจื่อนๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็นมายังไงให้ แต่ว่าเขาก็ยังคงปกปิดเรื่องการใช้ระบบของเขาไว้

หลังจากที่ฮงเหมยได้ฟัง ก็อดที่จะชูนิ้วโป้งให้ซ่งลุ่ยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรและมองท่าทางของฮงเหมยที่กำลังกินข้าว เตรียมที่จะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงล้วงโทรศัพท์ออกมา พอดูชื่อคนที่โทรมาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหลินหลิน เขาเงยหน้ามองฮงเหมยแวบหนึ่งและเดินออกไปข้างนอกก่อนจะกดรับโทรศัพท์

หลินหลินที่อยู่ปลายสายไม่พูดอะไร นี่ทำให้ซ่งลุ่ยรู้สึกอึดอัดมาก เพราะว่าหลินหลินเป็นคนโทรมา ทำให้เขานึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่บอกหลินหลินว่าจะกลับไปกินข้าวด้วย! แต่ว่าตอนนี้มันก็ดึกแล้ว คาดว่าหลินหลินคงจะรอเขานานมากๆ!

ดังนั้น ซ่งลุ่ยจึงเอ่ยปากพูดว่า

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว