ด้วยสองมือ(มีe-book)-บทที่ยี่สิบสี่

โดย  ต้นกล้าที่เบ่งบาน

ด้วยสองมือ(มีe-book)

บทที่ยี่สิบสี่

บทที่สิบเจ็ด

วันถัดมา ผักบุ้งที่เก็บได้วันนี้คือสี่ร้อยจิน พวกเราได้แยกกันไปขายเช่นเดิม หมิงเยว่ให้ชงไฉ่ไปส่งผักที่ร้านอาหารและภัตตาคารคนเดียว ส่วนตัวนางช่วยท่านพ่อขายผัก นั่งขายไปสักพักจึงได้ยินเสียงทักของพ่อบ้านหวง

“แม่หนูหมิงเยว่ เมื่อวานบัวลอยงาดำที่เจ้าให้ข้าไป รสชาติดีมาก วันนี้เจ้านำมาให้ข้าสิบชุด ข้าจะซื้อให้ครอบครัวนายท่านกิน”

‘ที่ข้าให้ท่านไปชิมเมื่อวาน ข้าไม่ได้หวังอะไรจริงจริงนะเจ้าคะ ฮาฮา’

“วันนี้ท่านจะรับผักบุ้งรึไม่เจ้าคะ ถ้ารับข้าจะให้ชงไฉ่ไปส่งพร้อมกันเลยเจ้าค่ะ”

“รับๆ เอาเท่าเดิมนะแม่หนู”

“เจ้าค่ะ”


ใช้เวลาเก็บผักบุ้งนานหกวันจึงเก็บได้หมด ได้เงินมาหนึ่งร้อยตำลึง หมิงเยว่จึงให้พวกเขาทั้งห้าคน (พวกเดิมนั่นแหละ) พรวนดินบริเวณที่เก็บผักบุ้งไปหมดแล้ว จากนั้นจึงเติมปุ๋ยคอกลงไป หว่านเมล็ดผักบุ้ง แล้วรดน้ำ ทุกคนเร่งมือกันทำให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะวันมะรืนเป็นวันสารท พรุ่งนี้จะได้เตรียมของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โดยหลังจากนี้อีกประมาณยี่สิบห้าวัน พวกเราจะได้ผักบุ้งรุ่นที่สอง


ในวันสารท เวลายามอิ๋น ท่านแม่ ชงเมิ่ง และป้าอิงซึ่งหายป่วยแล้ว ช่วยกันเตรียมของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โดยป้าอิงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวหลัก พอถึงยามเฉิน พวกเราทั้งเจ็ดคนจึงสวมชุดใหม่ที่ท่านแม่ตัดให้ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ

ยามบ่ายจึงไปบ้านท่านตาและท่านยาย พบว่าท่านตาและท่านยายใส่ชุดใหม่เช่นกัน โดยท่านยายปักปิ่นทองที่ท่านแม่มอบให้ หมิงเยว่จึงเอ่ยหยอกท่านยายว่า

“ท่านยายเจ้าคะ วันนี้ท่านยายสวยจนเด็กสาวยอมแพ้เลยเจ้าค่ะ”

“เจ้าหลานคนนี้ แกล้งหยอกยายรึ ยายอายุใกล้จะหกสิบแล้ว จะไปสวยสู้สาวๆได้เช่นไรกัน” ‘แต่ท่านยายยังไม่หุบยิ้มเลยนะเจ้าคะ’

ท่านตาได้ยินเช่นนั้น จึงได้กล่าวว่า “แต่ข้าว่า เยว่เอ๋อร์พูดถูกนะ เจ้ายังสวยไม่เปลี่ยนเลย” ‘โอ๊ย มดกัดเจ้าค่ะท่านตา’

“ตาแก่นี่ ไม่อายเด็กๆบ้างรึ เยว่เอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ มาให้ยายดูใกล้ๆ”

หมิงเยว่และหมิงซินเดินเข้าไปหาท่านยาย

“พวกเจ้าดูดี มีน้ำมีนวลขึ้นมาก โดยเฉพาะเยว่เอ๋อร์ ยายดีใจที่เจ้าแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายเหมือนแต่ก่อน”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย เยว่เอ๋อร์จะพยายามรักษาตัวให้ดี จะได้สวยเหมือนท่านยายเจ้าค่ะ”

ท่านตาจึงรีบเอ่ยว่า “พูดดี พูดได้ดีมากเยว่เอ๋อร์”


หมิงเยว่พาน้องเล็กและชงเมิ่งไปที่ร้านขายน้ำเต้าหู้ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีพี่ใหญ่เป็นคนขี่เกวียนให้ วันนี้หมิงเยว่จะลองทำขนมชนิดใหม่ ‘แต่เก่าของชาติที่แล้วนะคะ’ จึงมาที่ร้านเนื่องจากมีอุปกรณ์ให้ใช้ครบกว่าที่บ้าน โดยขนมที่เลือกทำคือ ขนมไดฟูกุ ด้วยเหตุผลที่ว่านางชอบกินมากนั้นเอง นางจะลองทำสองไส้คือ ถั่วแดงและถั่วดำ โดยมีชงเมิ่งเป็นลูกมือช่วยทำ และน้องเล็กที่นั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

ผ่านไปประมาณสองชั่วยาม จึงได้ขนมไดฟูกุที่ดูน่ากินออกมาจำนวนมาก นางจึงให้ชื่อขนมไดฟูกุที่เหมาะกับยุคนี้ว่า ขนมแป้งกวน เพราะมีขั้นตอนที่ต้องนำแป้งมากวน น้องเล็กได้ชิมเป็นคนแรก บอกว่าอร่อยมาก จึงกินไม่หยุดจนนางต้องห้าม เพราะกลัวว่าน้องเล็กจะปวดท้อง จากนั้นพี่ใหญ่และพี่รองได้ลองชิมขนมแป้งกวนทั้งสองไส้ ต่างบอกว่าอร่อยมาก


วันนี้ลูกค้าในร้านจึงได้ชิมขนมแป้งกวนไส้ถั่วดำและไส้ถั่วแดงโดยไม่เสียเงิน ต่างบอกว่าอร่อย ขอสั่งซื้อเพิ่ม แต่หมิงเยว่บอกว่าวันนี้แค่ทำมาให้ลองชิม จะเริ่มขายขนมแป้งกวนในเดือนหน้า เพราะต้องเสียเวลาในการเตรียมวัตถุดิบ ‘นานจริงจริงนะเจ้าคะ ลูกค้า’

ตอนบ่าย หนิงหลงและชงจื้อกลับจากโรงเรียน แล้วมาช่วยงานที่ร้าน หมิงเยว่จึงให้ทั้งสองคนชิมขนมแป้งกวน ทั้งสองต่างชมว่าอร่อยมาก และมองหมิงเยว่ด้วยสายตาชื่นชม


ยามเซิน พวกเราทุกคนกลับถึงบ้าน เมื่อเดินเข้าไปในบ้านพบว่า ท่านป้าสะใภ้รองและลูกทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องโถงคุยอยู่กับท่านพ่อและท่านแม่ เมื่อท่านแม่เห็นหมิงเยว่ จึงได้ร้องบอกว่า

“ท่านป้าสะใภ้รองของเจ้า มาขอให้ท่านลุงรองของเจ้าไปทำงานที่ร้านน้ำเต้าหู้”

“พวกเจ้าให้แต่ครอบครัวของลุงใหญ่ทำงาน แล้วครอบครัวของข้าล่ะ” ป้าสะใภ้รองกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“บ้านของพวกเจ้าใหญ่โต มีกิจการร้านค้า เหตุใดจึงไม่คิดช่วยเหลือญาติๆบ้างเล่า” พี่เฟยจูรีบกล่าวสมทบท่านแม่ของนาง

หมิงเยว่คิดว่าร้านน้ำเต้าหู้ขายดีทั้งวัน และนางยังคิดขนมชนิดใหม่ออกมาเรื่อยๆ ถ้าจะให้ท่านลุงรองไปช่วยเพิ่มย่อมได้

“ได้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ให้ท่านลุงรองไปเริ่มทำงานได้เลย”

ป้าสะใภ้รองเห็นว่า หมิงเยว่ยอมรับสามีของตนทำงานอย่างง่ายดาย จึงได้ลำพองใจกล่าวต่อว่า

“ขอค่าแรงวันละสี่สิบอีแปะนะ เพราะท่านลุงรองของเจ้ามีภาระเยอะ เฟยฉีเรียนหนังสือต้องใช้เงินมาก”

ท่านแม่หันมามองหน้าหมิงเยว่ด้วยความลำบากใจ จากนั้นก็ได้ยินพี่เฟยฉีกล่าวว่า

“วันนี้ ข้าได้ยินจากเพื่อนมาว่า ที่ร้านพวกเจ้ามีขนมชนิดใหม่ ชื่อขนมแป้งกวน พรุ่งนี้พวกเจ้าให้หนิงหลงนำขนมไปให้ข้าที่โรงเรียน ข้าจะนำไปแจกเพื่อนข้า” เฟยฉียิ้มออกมา เพราะคิดว่าพรุ่งนี้เขาจะนำขนมชนิดใหม่ที่ยังไม่ออกขาย ไปอวดเพื่อน โดยไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ

หมิงเยว่จึงกล่าวตอบออกไปว่า “เรื่องค่าแรงของลุงรอง ข้าจะคุยกับท่านลุงรองเองเจ้าค่ะ ส่วนขนมแป้งกวนข้าจะให้หนิงหลงนำไปให้พี่เฟยฉีพรุ่งนี้ ข้าจะหักเงินค่าขนมจากค่าแรงท่านลุงรอง พี่เฟยฉีจะรับกี่ชิ้นดีเจ้าคะ”

รอจนกระทั่งท่านป้ารองและลูกกลับบ้านไป หมิงเยว่ก็ยังไม่ได้คำตอบของคำถามที่ว่า จะรับกี่ชิ้นดีเจ้าคะ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว