สืบสู้ผี ภาค 1-3-37 นี่มันเวทมนต์อะไรกัน ?

โดย  Jintanakorn (จินตนากร)

สืบสู้ผี ภาค 1-3

37 นี่มันเวทมนต์อะไรกัน ?

ตาคู่งามยิ่งเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า เมื่อเห็นสิ่งหนึ่งพุ่งผ่านหน้าไปแบบฉิวเฉียดเสียบเข้าหัวใจของชายชุดดำอย่างแม่นยำ ทำให้ชายชุดดำชะงักนิ่งเงื้อดาบค้างอยู่กลางอากาศ

“คุณหนู!!”ถิงถิงที่ตั้งสติได้แล้วถลาเข้ามาเอาตัวบังร่างนายสาวทันที สองแขนสั่นเทาโอบกอดนายสาวไว้แน่นอย่างปกป้อง

เหอซือเมี่ยวชะงักสะบัดศีรษะแรงๆเรียกสติ เพ่งมองร่างชายชุดดำตรงหน้าที่ค่อยๆถูกชั้นน้ำแข็งห่อหุ้มจากปลายเท้าขึ้นไป ร่างใหญ่กระตุกเป็นระยะๆมีเสียงออกมาจากลำคอดัง อึกๆ อึดใจต่อมาก็ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นน้ำแข็งหนา ตามมาด้วยเสียงดังเปรี๊ยะๆและแตกกระจายเป็นผงสีขาวปลิวหายไปกับสายลมและมีบางส่วนกองอยู่ที่พื้น

เล่นเอาสองนายบ่าวตระหนกสุดขีด กอดกันกลมเนื้อตัวสั่นเทา มองร่างที่แตกสลายหายวับไปต่อหน้าด้วยสายตาโง่งม ไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ร่างกายแข็งทื่อภายในหัวว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก แม้แต่หายใจแรงยังไม่กล้าทำ

“สมควรตาย”เสียงกดต่ำเย็นชาและความเย็นยะเยือกดุจยืนกลางหิมะอันหนาวเหน็บที่ดังอยู่ด้านหลังทำเอาร่างบอบบางของเหอซือเมี่ยวสั่นสะท้านรุนแรงกว่าเดิม ความกลัวพุ่งเข้าครอบงำจิตใจโดยสมบูรณ์จนลืมทุกสิ่งแม้กระทั่งเสียงที่คุ้ยเคยดี

สร้างความขุ่นเคืองใจต่อเจ้าของเสียงไม่น้อย นัยน์ตาคมกล้าหลุบมองสองสตรีที่หลับตากอดกันกลมไม่สนใจสิ่งอื่น กระทั่งเขาพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วนางก็หารู้ตัวไม่ “อยากอยู่ที่นี่รึ?”น้ำเสียงขุ่นมัวถูกเอ่ยออกไปอีกครั้งจากบุรุษในชุดรัดกุมสีดำสนิท เบื้องหลังซ้ายขวามีชายชุดดำหกนายสวมหน้ากากมนุษย์สีดำเต็มใบหน้าคุกเข่ารอรับคำสั่ง

หญิงสาวชะงักสติค่อยๆกลับมา ลืมตาขึ้นช้าๆครั้นเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นใครตาคู่งามพลันเบิกกว้างยินดี “พี่หลง...ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“คะคุณหนู..ท่านรู้จักบุรุษผู้นี้หรือเจ้าคะ?”ถิงถิงเอ่ยแทรกขัดนายสาวอย่างลืมตัว ดวงตาจับอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลางดงามเหนือมนุษย์ของเขาเขม็ง นับแต่เกิดมาจนอายุสิบแปดขวบปี นางไม่เคยพบเห็นบุรุษใดหล่อเหลางดงามแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ได้เท่าบุรุษผู้นี้มาก่อน บุรุษผู้นี้ท่าจะไม่ใช่คนธรรมดาสามัญเป็นแน่...หรือจะเป็นเชื้อพระวงศ์?

“อะแฮ่ม..ถิงถิง..สำรวมกิริยาหน่อยเถิดเจ้า”เหอซือเมี่ยวที่สติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่ตอบแต่กลับกล่าวแซวสาวใช้แสนดีที่ตะลึงจ้องบุรุษหน้านิ่งราวกับถูกมนต์สะกด ส่งสายตาปรามแกมหยอก

“คะคุณหนู”ถิงถิงอายจนหน้าแดงเป็นผลอิงเถาสุกงอมบิดตัวไปมาเขินอาย

“เหตุใดท่านจึงรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?”หญิงสาวเลิกสนใจสาวใช้เอ่ยถามเขาอีกครั้งหลังจากยืนขึ้นเผชิญหน้าบุรุษหน้านิ่งไร้อารมณ์

ประมุขหนุ่มมองสำรวจนางผ่านๆ ก่อนจะหันไปสั่งคนของตนนัยน์ตามีประกายความเหี้ยมพาดผ่านแวบหนึ่งและหายไปอย่างรวดเร็ว “เก็บกวาดให้เรียบร้อย”

“รับคำสั่งท่านประมุข!!”สี่ในหกเข้าใจความหมายเป้นอย่างดีขานรับคำสั่งและจากไปทันที

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเมินคำถามตน ร่างระหงจึงผละไปยังร่างที่หมดสติของ เสิ่นลู่คง ใช้นิ้วอังใต้จมูกจึงรู้ว่าเขายังไม่ตายเพียงแค่สลบไปเท่านั้นก็โล่งใจ

“ถิงถิง มาช่วยข้าหน่อย”หันไปเรียกสาวใช้ให้มาช่วยกันนำร่างสลบไสลไปวางบนเตียงเพื่อทำการรักษา ทว่าร่างที่สลบไสลกลับลอยขึ้นเองและถูกวางบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับเล่นมายากล

“…ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วคนอื่นๆเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”พอรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ร่างระหงจึงส่งยิ้มขอบคุณ

“เรียนนายหญิง ทุกคนปลอดภัยดีขอรับ มีเพียงชายผู้นี้ที่บาดเจ็บหนัก”ชายสวมหน้ากากรายงาน

“ค่อยยังชั่ว...แต่เอ๊ะ..เมื่อครู่ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ?”ย้อนถามเสียงแปลกใจ ผิดกับบุรุษหน้านิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆนาง ที่ยกยิ้มมุมปากพึงพอใจกับคำเรียกขานนั้น

“เอ่อ..”ชายคนเดิมเหลือบมองท่านประมุขแวบหนึ่ง เห็นมีสีหน้าพอใจก็ใจชื้นกล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าเรียกท่านว่านายหญิงขอรับ!!”

‘นายหญิง?’ คิ้วเรียวขมวดมุ่นสงสัยเงยหน้ามองคนตัวสูงข้างกายหวังได้รับคำอธิบายจากเขา แต่กลับไม่ได้รับคำตอบทั้งยังอุ้มนางขึ้นแนบอกแล้วพุ่งออกไปทางหน้าต่าง ทำนางตกใจหวีดร้องสองแขนโอบคออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว “ดะเดี๋ยว...ท่านจะพาข้าไปที่ใด?”เอ่ยถามหลังจากหายตกใจแล้ว

“บ้าน”ไป๋เสวี่ยหลงหลุบตามองสตรีในอ้อมแขน

“บ้าน?...ท่านมีที่พักแถวนี้ด้วยหรือ?”

“...มีทุกเมือง”คำตอบที่เหมือนโอ้อวดน่าหมั่นไส้ เมื่อเปล่งออกมาจากคนปากหนักเช่นเขา ทำเอานางถึงกับอึ้งพูดไม่ออก พอหายอึ้งก็กดยิ้มแล้วว่า

“ท่านยังติดค้างคำตอบข้าอยู่...จำได้รึไม่?”

ไปเสวี่ยหลงหลุบมองมือขาวที่เริ่มซุกซนลูบไล้แถวอกข้างซ้าย พลางสูดลมเข้าลึกๆควบคุมความปั่นป่วนใจ ‘บัดซบ! พอหายตกใจนางก็เริ่มซุกซนกินเต้าหู้ข้าอีกแล้ว!!’

“..อยากไปที่ใด? ใยจึงไม่บอกข้า?”ถามเสียงนิ่ง

“ท่านกับข้าเป็นอะไรกันเล่า?”ในเมื่อเขาบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม แถมยังย้อนถามเรื่องอื่นหน้าตาเฉย เลยทำให้หญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงแกล้งถามกวนประสาทอีกฝ่าย

“...คู่หมั้น”

“หะหา..คู่หมั้น?..ข้าไปเป็นคู่หมั้นท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”มือซุกซนชะงักเงยหน้าขึ้นพร้อมคำถามแปะเต็มหน้า

“....หยางหลิว..คืนนั้น”

“...ท่านจะบอกว่า...ไข่มุกราตรีนั่น คือของหมั้นหมาย?”

ไป๋เสวี่ยหลงพยักหน้าตอบ สองเท้ายังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้ารวดเร็วดุจสายฟ้า จนคนทั่วไปเห็นเป็นเพียงเงาสายสีดำกับขาววูบวาบผ่านหน้าไปเท่านั้น แต่สำหรับหญิงสากลับไม่ได้รู้สึกถึงความเร็วนั้นเลย ร่างกายคล้ายมีเกราะห่อหุ้มอย่างดี

ซึ่งเป็นเพราะประมุขหนุ่มใช้พลังปราณสร้างเกราะคุ้มกันร่างทั้งสองไว้จากกระแสลมรอบด้านนางจึงไม่รู้สึกอะไร

“......!!!”ริมฝีปากแดงเรื่ออ้าๆหุบๆอับจนคำพูด ‘นี่นาง...หลงกลเขาเข้าเต็มเปาเลยหรือนี่!...หากคืนให้ มีหวังนางได้กลายเป็นผงแป้งเหมือนเจ้ามือสังหารนั่นเป็นแน่!! ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ข้ายังซุกซน หลอกกินเต้าหู้เขาไปตั้งหลายครั้งแล้วเสียด้วย ปฏิเสธไม่ได้!..อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้..หาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ ไม่น่าเลย!

อาการอ้าปากพะงาบๆคล้ายปลาขาดน้ำของร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนเรียกรอยยิ้มพอใจระคนขบขันจากประมุขหนุ่มไม่น้อยเร่งความเร็วขึ้นไปอีกขั้น จนถึงจุดหมายในอีกหนึ่งเค่อต่อมา…..

“คารวะท่านประมุข!!”เสียงประสานกล่าวต้อนรับมาพร้อมร่างชายชุดดำสวมหน้ากากกว่าห้าสิบคนที่ปรากฏกายเบื้องหน้าราวภูตผี สร้างความตกใจแก่เหอซือเมี่ยวจนเผลอโอบคอซุกหน้าลงกับอกแกร่งของเขาอย่างไม่ตั้งใจ

“....”คนอุ้มถึงกับชะงักกึกก่อนจะยกยิ้มขบขัน เพียงเท่านั้นกลับสร้างความตื่นตะลึงแก่ทุกคน จนเผลอมองใบหน้าของประมุขหนุ่มอย่างเสียมารยาท พร้อมกับครุ่นคิดอย่างสงสัยใคร่รู้

‘อา.....ท่านประมุขกำลังยิ้มอยู่ใช่หรือไม่?’

‘สตรีผู้นี้เป็นผู้ใดกัน? เหตุใดท่านประมุขถึงได้ทะนุถนอมนางถึงเพียงนี้?’

‘หรือนางจะเป็นว่าที่นายหญิงพรรคมังกรเหมันต์?ตามที่ได้ข่าวมา?’

"นำทาง"คำสั่งเย็นชาและกดดันของท่านประมุขที่มีหญิงงามในอ้อมแขน ส่งผลให้ชายชุดดำทั้งหมดที่ยืนอยู่เบื้องหน้ารีบหลบทางไปยืนด้านข้างก้มหน้าต่ำ พอร่างสูงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจเดินผ่านก็จะพากันโค้งคำนับให้ด้วยความเคารพนอบน้อม

ฝ่ายเหอซือเมี่ยวพอได้ยินเสียงสั่งเหนือศีรษะจึงเงยหน้าที่ซุกซบอกแกร่งขึ้น ก็พบเข้ากับบ้านหลังใหญ่สามชั้นที่โอ่อ่าและวิจิตรงดงามราวกับภาพวาด ตาคู่งามเบิกกว้างมองสองข้างทางด้วยความตื่นเต้น แม้จะเป็นยามค่ำคืนแต่แสงไฟจากโคมไฟสีแดงจำนวนมากตามทางเชื่อมตรงไปยังจวนก็งดงามไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งการแสดงออกราวเด็กน้อยเข้าเมืองครั้งแรกของนางทำเอาร่างสูงนึกเอ็นดู ก้าวช้าลงให้นางได้ชื่นชมความงามและใช้โอกาสนี้สูดดมกลิ่นหอมจากร่างนุ่มนิ่มไปพลาง

ชายสวมหน้ากากที่เดินถือโคมนำทาง เห็นดังนั้นจึงลดความเร็วลงตามท่านประมุข กว่าจะถึงห้องพักก็ใช้เวลากว่าสองเค่อ ทั้งๆที่เพียงครึ่งเค่อก็ถึงแล้วแท้ๆ....

"ท่านประมุขจะให้แม่นาง..."

"นายหญิง"

"ขอรับ ท่านประมุขให้นายหญิงพักห้องนี้ดีรึไม่?"ชายสวมหน้ากากรีบเปลี่ยนคำแทนตัวนาง ไป๋เสวี่ยหลงพยักหน้าแล้วส่งสายตาไล่

"เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว"

"เอ่อ...ช่วยวางข้าลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ"เสียงใสกล่าวกับบุรุษหน้านิ่งทันทีเมื่อลับหลังร่างชายสวมหน้ากาก ประมุขหนุ่มจึงต้องปล่อยร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นอย่างไม่เต็มใจนัก

"พี่หลง"

"หือ?"

"มือท่าน จะโอบเอวข้าอีกนานไหม?"ถามพลางก้มมองมือหนาที่จับเอวไม่ยอมปล่อยจากนั้นเงยหน้ามองบุรุษหน้านิ่งเป็นน้ำแข็งผู้เป็นเจ้าของมือกาว

"ดีแล้ว หาไม่เจ้าคงเหยียบชายอาภรณ์ล้มลงไปอีกเป็นแน่"

"....ข้าไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นเสียหน่อย..."ค้อนขวับอย่างน่ารัก เห็นเขายังคงโอบเอวนางไม่ยอมปล่อยโดยง่าย จึงหันมาประจันหน้าส่งยิ้มออกไป "หรือท่านอยากให้ข้า..."ยามที่ปากอิ่มแดงเรื่อเอื้อนเอ่ย มือเรียวขาวก็ลูบไล้แผงอกกว้างในชุดรัดกุมแนบเนื้อไปด้วย

ร่างสูงพลันสะดุ้งละมือจากเอวคอดมาหยุดมือเล็กซุกซนแทน สูดลมเข้าระงับความปั่นป่วนใจ "ยามอิ่วแล้ว สมควรพักผ่อน" กล่าวจบเดินดุ่มๆออกจากห้องไป ปล่อยหญิงสาวมองตามอย่างขบขัน

"นึกว่าจะแน่...คิดจะแกล้งให้ข้าเขินอาย แต่ตัวเองกับหน้าแดงหูแดงเสียเอง น่ารักจริงๆ"

--------------

ข้างฝ่ายไป๋เสวี่ยหลง หลังออกมาจากห้องก็ตรงดิ่งเข้าห้องซึ่งอยู่ติดกันทันที ไม่แม้แต่จะหยุดทักทายคนของตนที่ทำความเคารพ

มือหยาบกระด้างยกขึ้นปิดบังใบหน้าขึ้นสีของตนไว้พึมพำเบาๆ "บัดซบ..เหตุใดข้าจึงพ่ายแพ้แก่นางครั้งแล้วครั้งเล่า? น่าสมเพชเสียจริง"

--------------

เช้าวันต่อมา

ไป๋เสวี่ยหลงพาว่าที่คู่หมั้นนั่งรถม้าไปยังท่าเรือหยางหลิว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่นางค้านในใจว่า น่าจะเรียกว่าคฤหาสถ์มากกว่าราวหนึ่งชั่วยาม

รถม้าคันใหญ่หรูหราสีดำสนิททั้งคัน ด้านข้างมีรูปมังกรผงาดสีเงินตัวใหญ่ดูน่าเกรงขาม หน้าและหลังรถม้ามีชายชุดดำสวมหน้ากากมนุษย์สีดำรวมทั้งสิ้นสิบคนขี่ม้าตามประกบไม่ห่างพร้อมแผ่กลิ่นอายสังหารจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

ภายในรถม้าหญิงสาวนั่งอยู่ทางซ้ายของประมุขหนุ่มที่นั่งกอดอกหลังตรงแหน่วหลับตา ไม่สะทกสะท้านกับแรงกระเทือนใดๆ ผิดกับนางที่หัวสั่นหัวคลอนบางครั้งก็แทบหน้าคะมำตั้งหลายหน

พอถึงช่วงพื้นถนนราบเรียบตาคู่งามจึงมีเวลาสำรวจบุรุษที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างพินิจพิจารณาเป็นครั้งแรก ‘อื้อหือ...หล่อวัวตายควายล้ม หล่อกระชากวิญญาณจริงๆ หากเกิดในยุค 2000 ต้องได้เป็นซุปตาร์แน่ๆ ผิวแก้มก็เนี๊ยนเนียน ละเอียดยิ่งกว่าผิวสตรีบางคนเสียอีก ขนตาก็ยาวๆพอๆกับของนางเลย จมูกก็โด่งยาวกำลังดีราวกับไปทำศัลยกรรมมา ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงระเรื่อราวกับทาลิปสติก ....อา..นุ่มดีจัง...’

หมับ! ไป๋เสวี่ยหลงจับนิ้วมือเล็กที่ไล้ริมฝีปากตนไว้ ลืมตาขึ้นสบตาคู่งามนิ่งไม่กล่าวสิ่งใด แต่ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเต้นรัวยิ่งกว่ากองศึกในสนามรบ!

"อุ๊ย...โดนจับได้เสียแล้ว"หญิงสาวแสร้งทำท่าตกใจพร้อมส่งยิ้มหวานยั่ว แต่ต้องตกใจขึ้นมาจริงๆเมื่อร่างระหงถูกดึงเข้าไป อ้าปากเตรียมต่อว่ากลับถูกเขาปิดปากด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนเสียนี่....

ความตกใจกอปรกับรสสัมผัสที่อ่อนนุ่มละมุนละไมที่เขาบรรจงมอบให้อย่างอ่อนโยน ทำให้นางเผลอไผล เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้เขาละเลียดชิมความหอมหวานจากปากอิ่มนุ่มนิ่มชุ่มฉ่ำอยู่ครู่ใหญ่ ครั้นพอตั้งสติได้ก็รีบส่งเสียงประท้วงเตือนสติเขา สองมือน้อยยันอกแกร่งออกแรงผลักหวังให้หลุดพ้นออกมาจากสถานการณ์วาบหวาม?...ดีต่อใจ?...ฟิน กระจาย?..

ประมุขหนุ่มจึงยอมถอนริมฝีปากออกเสียดายพร้อมอาการหอบเล็กน้อย นัยน์ตาคมกล้าหลุบมองริมฝีปากอิ่มบวมแดงจากการกระทำของตนอย่างพอใจและอ้อยอิ่ง ยิ่งปากอิ่มเผยอยามมองตนมันดูเย้ายวนชวนให้ใจสั่นไหวและปรารถนาจะครอบครองอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหนายกขึ้นประคองใบหน้างดงามเล็กเท่าฝ่ามือตนด้วยความทะนุถนอมแล้วยกยิ้มกว้าง รอยยิ้ม...ที่ไม่เคยมอบให้สตรีคนใดมาก่อนในชีวิต...

รอยยิ้มนั้นทำหญิงสาวตะลึงจนลืมต่อว่าเรื่องที่ถูกเขาจุมพิตไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าร่างตัวเองระเห็จขึ้นไปนั่งอยู่บนท่อนขาแข็งแรงหนั่นแน่นในลักษณะตะแคงข้างให้เขาเสียแล้ว!! หลุบตามองมือหนาที่เปลี่ยนมาโอบเอวนางไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ สลับกับมองใบหน้าหล่อเหลาที่กลับมานิ่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้อย่างเอาเรื่อง

“รางวัล...เมื่อคืน”

“หา?...ไม่มากไปหน่อยหรือเจ้าคะ?”แย้งเสียงขุ่นถึงจะรู้สึกดีกับจุมพิตที่เขามอบให้ แต่นางกับเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน การถูกเนื้อต้องตัวนิดๆหน่อยมันยังพออภัยได้ แต่จุมพิตนี่มันออกจะมากเกินไปหน่อย?ละมัง?

‘แต่จะว่าไปเหตุใดข้าจึงรู้สึกแปลกๆวูบวาบๆตอนที่ถูกเขาจุมพิต?...แตกต่างกับตอนที่ถูกอดีตสามีบังคับตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง....หรือว่า...ความรู้สึกในเรื่องอย่างว่าเริ่มจะกลับมาแล้ว?....

“อุ๊ย...”ความคิดฟุ้งซ่านพลันหยุดลงเมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักที่กดทับหัวไหล่ขวาผินหน้าไปดูจึงชนเข้ากับซีกหน้าของบุรุษหน้านิ่งเข้าพอดี

“อยู่นิ่งๆ...”แม้จะเป็นคำสั่งแต่กลับแฝงความอ่อนโยนยิ่ง หญิงสาวชะงักและหยุดดิ้นที่จะลงจากตัวเขา ลงน้ำหนักทั้งหมดขยับตัวให้เข้าที่เอนตัวพิงตัวกายหนาสองมือวางทาบทับมือใหญ่ที่ประสานกันอยู่แถวหน้าท้องแบนราบของนางแล้วหลับตาลง...

สองเค่อผ่านไป.....

ไป๋เสวี่ยหลงเปิดเปลือกตาขึ้นกดยิ้มอ่อนโยน สังเกตได้ถึงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดก็ทราบทันทีว่ากำลังหลับสนิท ยกศีรษะขึ้นมาจากไหล่ลาดเล็ก จัดศีรษะให้อิงซบกับไหล่กว้างของตน สองแขนโอบกระชับเอวคอดกิ่ว สอดนิ้วประสานเข้ากับนิ้วเรียวแนบแน่น พลางสูดกลิ่นหอมละมุนเฉพาะที่หาไม่ได้จากสตรีใดเข้าเต็มปอดอย่างถือสิทธิ์และปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง...

ตอนที่ 10 มาแล้วจ้าาาา ไรท์จะทยอยอัพไปเรื่อยๆ

ส่วนรีดท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี และขอให้สนุกกับนิยายจ้า

เหมือนเดิมขอฝากนิยายเรื่องแรก จอมทัพตื๊อรัก ด้วยจ้า ใครที่ต้องการในรูปแบบหนังสือหรือ e-book สามารถหาซื้อได้แล้วจากหลายเว็บไซต์

เพิ่มเติมนิยายในรูปแบบ e-book

https://www.mebmarket.com

www.chulabook.com

2 เว็บนี้มีขายแน่นอนค่าาา


รีวิวจากผู้อ่าน 1 รีวิว
  • MintsriPHMU
    เมื่อ 5 ปี 8 เดือนที่แล้ว
    สนุกมากๆค่าาา
    • อ่านถึง : 37 นี่มันเวทมนต์อะไรกัน ?

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว