สืบสู้ผี ภาค 1-3-52 นรกที่ขวางหน้า

โดย  Jintanakorn (จินตนากร)

สืบสู้ผี ภาค 1-3

52 นรกที่ขวางหน้า



ย้อนกลับมาโรงเตี๊ยมที่เกือบคร่าชีวิตเหอซือเมี่ยว ถิงถิงแลผู้ติดตามทั้งหมดรอดได้รับความช่วยเหลือจากคนของพรรคมังกรเหมันต์ และคุ้มกันคนทั้งหมดตามไปภายหลังรอท่านประมุขและว่าที่นายหญิงกลับมา

ส่วนมือสังหารกว่ายี่สิบคนถูกสังหารเรียบไม่มีรอดชีวิตกลับไปรายงานผู้ว่าจ้าง แน่นอนว่าก่อนตายพวกมันโดนทรมานอย่างแสนสาหัสจนต้องเปิดปากเอ่ยนามผู้ว่าจ้างออกมา

------------

“เรียนท่านประมุข”ชายสวมหน้ากากที่ทำหน้าที่สารถีเอ่ยขึ้น

“ว่ามา”ไป๋เสวี่ยหลงตอบกลับไปทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เสียงของเขาแม้จะราบเรียบไม่ดังแต่เพียงพอให้ร่างระหงรู้สึกตัวและย้ายตัวเองออกมานั่งเคียงข้างร่างสูง จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางโดยมีสายตาคมกล้าจับจ้องตลอดเวลา

“เข้าเมืองหยางหลิวแล้วขอรับ จะให้ตรงไปท่าเรือเลยหรือไม่?”

“นี่เพิ่งยามซื่อเอง ช่วยตรงไปท่าเรือเลยได้ไหมเจ้าคะ?"ขอร้องบุรุษข้างกาย

เห็นสายตาอ้อนวอนของนางแล้วใจน้ำแข็งพลันอ่อนยวบ กระแอมไอพลางกล่าว "ไปท่าเรือ"

"ขอรับ"สารถีขานรับคำสั่ง บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปท่าเรืออย่างรวดเร็ว เพราะสองข้างทางผู้คนเปิดทางให้แต่โดยดี เนื่องจากรับแรงกดดันที่ผู้ติดตามของไป๋เสวี่ยหลงปล่อยออกมาไม่ไหว

"นั่นมันตรามังกรทะยานฟ้าของพรรคมังกรเหมันต์!"

"ไหนๆ...อา...คนของพรรคมังกรเหมันต์ ใยจึงมาเมืองเล็กๆเช่นนี้ได้?"

"อืม...ข้าว่า...ผู้ที่อยู่ในรถม้าน่าจะเป็นท่านประมุขไป๋นะ"

"ใยเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?"

"เจ้าก็ดูผู้ติดตามเหล่านั้นสิ ที่เอวห้อยหยกมังกรทะยานฟ้าสีชาดอยู่"

"แล้วมันอย่างไรเล่า?"

"ผู้ที่ห้อยหยกมังกรผงาดฟ้าสีชาด เป็นองครักษ์ยอดฝีมือของพรรคมังกรเหมันต์ ที่คอยติดตามประมุขพรรคทุกรุ่น"

"อา..เป็นเช่นนี้เอง แล้วประมุขไป๋มาทำอะไรที่เมืองเล็กๆนี้กัน?"

"เพ้ย!...ข้าจะไปรู้รึ? อ้าว..แล้วนั่นเจ้าจะไปไหน?"

"ข้าจะตามไปดูหน่อย ได้ข่าวว่าประมุขไป๋รูปงามนัก ข้าจะไปดูให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง"

"ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"

เสียงพูดคุยข้างล่างหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เรียกความสนใจจากอี้เฟยเทียน ที่กำลังสนทนาอยู่กับพ่อค้าใหญ่แห่งหยางหลิว หยางโจวให้มองลงมา

"มีอะไรรึ?"หยางโจวเอ่ยถามอารมณ์ดี

"ประมุขไป๋แห่งพรรคมังกรเหมันต์ มาเยือนหยางหลิว?"

"ฮ่าๆๆจะเป็นไปได้เยี่ยงไร? เหตุใดข้าจึงไม่ทราบเรื่องนี้...เจ้าไปดูซิ"ประโยคหลังหันไปสั่งคนของตน แล้วหันมาส่งยิ้มให้บุรุษหนุ่มรุ่นลูก ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลใหญ่ด้วยวัยเพียงยี่สิบสี่เท่านั้นด้วยความชื่นชม

ผ่านไปหนึ่งเค่อ....

"เรียนนายท่าน เป็นประมุขไป๋แห่งพรรคมังกรเหมันต์ มากับคุณหนูท่านหนึ่งขอรับ"

"หือ?...ประมุขไป๋มากับสตรี? เจ้าเห็นกับตารึ?"หยางโจวอดประหลาดใจไม่ได้ เขาทราบมาบ้างว่า ประมุขไป๋เป็นที่เลื่องลือว่าไม่ชมชอบสตรี สตรีใดที่คิดเข้าใกล้ไม่พิการก็บาดเจ็บสาหัส เป็นบุรุษที่สตรีทั่วแคว้นต่างหลงใหลหมายตา ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวในความโหดเหี้ยม เย็นชาดุจปีศาจน้ำแข็งพันปี

"ขอรับ"

"นางเป็นบุตรีตระกูลใดกัน?ประมุขไป๋ถึงได้ให้ความสำคัญนัก"

อี้เฟยเทียนหาได้สนใจไม่ ยกชาขึ้นจิบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย

"เท่าที่สอบถามมา นางคือบุตรีคนเดียวของหมอเทวดาเหอ นามเหอซือเมี่ยว ขอรับ"

กึก! นามที่ถูกเอ่ยออกมาทำอี้เฟยเทียนชะงัก มือขวาบีบถ้วยชาแน่นจนแทบจะแหลกคามือ ใบหน้าที่มักแย้มยิ้มเป็นมิตรเครียดขึงดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ

‘บิดานางเถิด! หย่ากับข้าได้ไม่นานก็คิดจะมีสามีใหม่แล้วรึ?...ช่างเป็นสตรีที่จิตใจโลเลรักง่ายหน่ายเร็วอะไรเช่นนี้!!?’ อี้เฟยเทียนนึกตำหนินาง

"อ้าว...จะกลับแล้วรึ?”เห็นคู่ค้าคนสำคัญพรวดพราดลุกขึ้นโดยไม่บอกกล่าวพลันนึกฉงน

"...ข้าลืมไปว่ามีธุระต้องรีบไปจัดการ ต้องขอตัวก่อนขอรับ"อี้เฟยเทียนประสานมือคำนับอีกฝ่ายเดินออกไปจากห้อง หานตง หานลี่ รีบตามไปติดๆ

"เอ...เป็นอะไรไปนะ?"หยางโจวเอ่ยขึ้นลอยๆ ยืนขึ้นเต็มความสูง "ไปเถิด ข้าจะไปต้อนรับประมุขไป๋เสียหน่อย"

"ขอรับ ยามนี้ประมุขไป๋อยู่แถวท่าเรือ นายท่านจะไปที่นั่นด้วยตนเอง หรือจะให้คนไปเชิญมาที่จวนสกุลหยาง?"

"ข้าจะไปพบประมุขไป๋ด้วยตนเอง"หยางโจวกล่าวเจตนาชัดเจน

-------------------

ท่าเรือหยางหลิว

ร่างระหงปรายตามองประมุขหนุ่มแล้วให้หงุดหงิดขัดใจ กับหน้าตาเครียดตึงของอีกฝ่าย ยังมีผู้ติดตามในชุดดำสวมหน้ากากอีกหกคน ที่คอยแผ่กลิ่นอายสังหารกดดันผู้คนที่เข้ามาใกล้ จนดูเหมือนกลุ่มมาเฟียมาเดินเก็บส่วยตลาดสะพานปลา!!

"ข้าก็บอกแล้วว่า ข้าเดินคนเดียวได้"ยังไม่วายหันไปบ่นเขาอีกครั้ง ท่าทางกระเง้ากระงอดไร้การเสแสร้งของนาง เรียกรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มจากไป๋เสวี่ยหลงแต่ไม่กล่าวอะไร สาวเท้าเดินตามร่างระหงไปไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากลิ่นอายอ่อนโยนที่แผ่ออกมา ทำเอาผู้ติดตามทั้งหกหันมามองตากันด้วยความประหลาดใจ มีเพียงหญิงสาวที่ไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น เพราะมัวตื่นตาตื่นใจกับสินค้าหลากหลายชนิดของเหล่าพ่อค้าหลายเชื้อชาติ ที่ล่องเรือบรรทุกสินค้าจากบ้านเกิดมาขายและเผยแผ่ให้เป็นที่รู้จักในต่างแดน

เท่าที่สังเกต มีทั้งแขกอินเดีย เปอร์เซีย ญี่ปุ่น และฝรั่งทางแถบยุโรป พวกเขาพยายามนำเสนอสินค้าด้วยภาษาของที่นี่ กระท่อนกระแท่นไม่ชัดเจนจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างฟังแล้วก็เพลินดีไม่น้อย

เดินดูไปเรื่อยๆจนถึงหน้าร้านที่นางต้องการ มองจากภายนอกนับเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่และมีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศเครื่องหอมจากอินเดีย ถ้วยโถโอชาม ลวดลายงดงามแปลกตา เครื่องเขียนรูปทรงต่างๆจากแถบยุโรป พรมปูพื้น ผ้าพับหลากชนิดสีสันสดใสจากแถบเปอร์เซีย ยังมีชุดคล้ายกิโมโนแบบญี่ปุ่นอีก ดูท่าจะไม่ใช่ร้านธรรมดาเสียแล้ว...หญิงสาวตั้งข้อสังเกต

ทางด้านประมุขหนุ่มเห็นร่างระหงหยุดมองอยู่หน้าร้านของพ่อค้าต่างแคว้น ต่างเชื้อชาติด้วยท่าทางสนใจ ไม่มีอาการหวาดกลัว เอียงอายเช่นสตรีอื่นก็ให้สนใจขึ้นมาบ้าง สาวเท้าผ่านร่างระหงเข้าไปในร้านที่ใช้ผ้าคลุมสินค้าไว้ คล้ายกระโจมของชนเผ่าตาตาร์(1) ด้วยความองอาจสง่างาม หญิงสาวจึงเดินตามเข้าไปบ้าง ทิ้งให้หกผู้ติดตามรั้งอยู่ด้านหน้ากระโจม

“ยินดีต้อนรับนายท่าน ยินดีต้อนรับคุณหนู”ชายจีนวัยกลางคนรีบออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเป็นมิตรและนอบน้อม

ไป๋เสวี่ยหลงปรายตามองอีกฝ่ายแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้สำหรับลูกค้า กอดอกหลังตรงใบหน้าเรียบนิ่งเป็นเอกลักษณ์ เพียงเท่านั้นก็ทำให้ชายผู้นั้นตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง หน้าซีด เหงื่อซึมโดยไม่ทราบสาเหตุ

“เถ้าแก่”

“ขะขอรับคุณหนู”เสียงใสกังวานดึงสติเขากลับมารีบหันไปทางโฉมสะคราญก้มศีรษะไม่กล้ามองหน้ารับรู้ถึงสายตากดดันที่อยู่ด้านหลัง

“เห็นร้านท่านรวบรวมสินค้ามาจากหลายแคว้น ไม่ทราบว่า มีเครื่องเขียนแถบยุโรป...เอ่อ..ข้าหมายถึง เครื่องเขียนชนิดอื่นนอกจากของแคว้นเราบ้างหรือไม่?”

“อา..คุณหนูให้เกียรติเกินไปแล้ว ข้าหาใช่เถ้าแก่ไม่ เป็นเพียงหลงจู๊เท่านั้นขอรับ”หลงจู๊รีบปฏิเสธทั้งที่ใบหน้าซีดเผือดสูดลมหายใจตั้งสติแล้วกล่าวต่อ “นี่เป็นสินค้าใหม่ของร้านเราขอรับ คุณหนูเชิญชมได้”

“ขอบคุณ ข้าขอดูสักครู่”ยิ้มกล่าวพลางก้มหน้าหยิบปากกาขนนกขึ้นมาจุ่มหมึกลองตวัดดู เห็นว่าแห้งเร็วและเขียนได้ลื่นไหลดีจึงตัดสินใจซื้อกลับไปหลายอัน พร้อมน้ำหมึกสีต่างๆและกระดาษอีกจำนวนหนึ่ง

“เอ่อ...แล้วที่ร้านมี คาเฟย(2)หรือไม่เจ้าคะ?”

“คาเฟย?...คุณหนู...ท่านรู้จักคาเฟยด้วยรึขอรับ?”หลงจู๊ค่อนข้างประหลาดใจ เมล็ดคาเฟย นายท่านจอห์นพึ่งนำมาที่นี่เป็นหนแรก แม้กลิ่นจะหอมมากแต่เพราะขมเกินไปเขาจึงไม่ชอบ

“แสดงว่าร้านของท่านมีใช่รึไม่?”ด้วยความดีใจ ทำให้ลืมตัวเผลอส่งยิ้มกว้างอวดฟันขาว จนหลงจู๊ตาพร่าตะลึงจ้องอย่างเสียมารยาท กับความงดงามสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลินั้น แล้วต้องสะดุ้งเฮือกรีบก้มหน้าต่ำเหงื่อแตกพลั่ก เมื่อถูกสายตาคมกล้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของบุรุษรูปงามที่ย้ายตัวเองมายืนอยู่เบื้องหลังโฉมสะคราญตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ จ้องมาเขม็ง

“มะมะมีขอรับ พะเพียงแต่ ทะท่านต้อง จะเจรจากับ นะนายท่านจอห์นโดยตรง”ความหวาดเกรงส่งผลให้ลิ้นแข็งจนพูดติดๆขัดๆ

อาการแปลกๆของหลงจู๊ สร้างความแปลกใจแก่เหอซือเมี่ยว จึงหันไปดูข้างหลังตัวเอง ทำให้รู้ว่าตัวการที่ทำให้หลงจู๊หวาดกลัวเหงื่อแตก พูดจาไม่รู้เรื่องคือบุรุษรูปหล่อหน้านิ่งเป็นรูปแกะสลักผู้นี้นี่เอง

“ท่านจะข่มขู่ผู้คนทางสายตาอีกนานไหมเจ้าคะ?”

แน่นอนว่าเสียงตำหนิที่ดังอยู่ใต้คางเรียกสายตาคมกล้าให้หลุบมองทันที ก่อนจะเดินกลับไปนั่งกอดอกจ้องมาใบหน้าบูดบึ้งกว่าเดิมสองส่วน พอหันไปมองเขากลับเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาเห็นแล้วก็ให้คันยุบยิบๆตรงหัวใจ

ขณะที่ร่างระหงกำลังเจรจาขอพบ นายท่านจอห์นผู้เป็นเจ้าของร้านอยู่ หนึ่งในหกผู้ติดตามเดินเข้ามากระซิบกระซาบบางอย่างกับประมุขหนุ่ม

“ท่านประมุข...จะไปพบชายผู้นั้นรึขอรับ?”ผู้ติดตามเอ่ยถาม ถึงใบหน้าที่ปรากฏต่อสายตาจะเย็นชาเช่นเดิมแต่กลิ่นอายเข้มข้นที่ปล่อยออกมา ผู้มีวรยุทธเช่นเขายังแทบเข่าทรุด!

“นางเป็นคู่หมั้นข้า พบข้าก็ไม่ต่าง”ไป๋เสวี่ยหลงกดเสียงต่ำให้ได้ยินเพียงสองคน สาวเท้าไปหานางพลางกล่าวสั่ง “รอข้าที่นี่ อย่าไปไหน”

“เอ๊ะ?...”ทำท่าจะคัดค้านแต่พอสบนัยน์ตาเย็นเยียบเจือขอร้องของเขาแล้วก็ใจอ่อนยิ้มบางตอบ “เจ้าค่า... ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน”

ไป๋เสวี่ยหลงกดยิ้มมุมปาก พอใจที่นางเชื่อฟังโน้มตัวกระซิบข้างหูเล็กน่ารักว่า “แล้วจะรีบกลับมารับ....(......)”

ถ้อยคำนั้นทำร่างระหงตาโต ตัวแข็งทื่อไปในบัดดล บุรุษปากหนักที่ข้าแทบต้องง้างปากให้พูด เรียกนางว่า ‘เมี่ยวเอ๋อร์!! อา...แล้วเหตุใดข้าต้องใจเต้นด้วยเล่า? ใช่ว่าจะไม่เคยถูกใครเรียกแบบนี้เสียหน่อย

“คุณหนู...”เสียงหลงจู๊ดึงสติกลับมา และพบกับชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล สูงราวหกฟุตครึ่งสวมใส่ชุดชาวฉีเฉินสีน้ำเงินเข้ม ที่คงสั่งตัดเป็นพิเศษ กำลังส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

‘หน้าตาของเขานับว่าหล่อเหลาเอาการอยู่ อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบแปด หากมาจากอังกฤษคงจะดีไม่น้อย จะได้ติดต่อเจรจาธุรกิจง่ายขึ้นหน่อย’ คิดพลางส่งยิ้มตอบตามมารยาทที่พึงปฏิบัติ

“ท่านนี้คือ นายท่านจอห์น เจ้าของร้านนี้ขอรับ...”หลงจู๊แนะนำหญิงสาว ก่อนจะหันไปกล่าวกับนายท่านของตนด้วยภาษาอังกฤษง่ายๆที่ได้เรียนรู้มา

“ยิน-ดี๋-ที่-ได๋-รุ-จั้ก”สำเนียงจีนเพี้ยนๆเรียกรอยยิ้มคนฟังได้เป็นอย่างดี

“Nice to meet you too.(ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ)"เห็นช่องทางธุรกิจจึงเลือกทักทายอีกฝ่ายกลับเป็นภาษาอังกฤษ สร้างความประหลาดใจและตื่นเต้นแก่บุรุษทั้งสองยิ่งนัก

“ท่านพูดภาษาแคว้นของข้าได้?”ชายหนุ่มถามย้ำเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความแน่ใจ เห็นนางพยักหน้าให้ นัยน์ตาสีฟ้าพลันเบิกกว้างตื่นเต้น “โอ้...มายก้อด...ช่างเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ ข้ามีนามว่าจอห์น...จอห์น เกรย์ ขอรับ”

“เหอซือเมี่ยว เจ้าค่ะ”ยิ้มตอบพร้อมยื่นมือขวาออกไป จอห์น เกรย์ ชะงักต่อมายิ้มกว้างยื่นมือสัมผัสมือเล็กนุ่มนิ่ม ยินดีปรีดายิ่งที่นางรู้ธรรมเนียมแคว้นตน

หลงจู๊เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน คาดไม่ถึงว่าโฉมสะคราญอายุไม่น่าเกินสิบแปดขวบปี จะเก่งกาจและรอบรู้ในภาษาของแคว้นที่อยู่ห่างไกลนับพันนับหมื่นลี้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญราวกับเป็นเจ้าของภาษามาเอง หากได้ยินแต่เสียงสนทนาคงไม่อาจทายถูกเป็นแน่!!

เช่นเดียวกับสองผู้คุ้มกันหนุ่มที่รับคำสั่งจากท่านประมุขให้คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ว่าที่นายหญิงพรรคมังกรเหมันต์ ที่พากันตะลึงในความสามารถอันเหลือเชื่อนี้ ความอคติเรื่องที่นางผ่านการหย่าร้างมาแล้วลดหายไปกว่าครึ่ง

ขณะเดียวกัน ณ โรงเตี๊ยมไม่ไกลนัก ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ที่ด้านนอกมีผู้ติดตามหกคนยืนเฝ้าเข้มงวด สองนายคือผู้ติดตามอี้เฟยเทียน ที่เหลือคือผู้ติดตามไป๋เสวี่ยหลง

“ไม่คิดว่าจะได้พบท่านประมุขผู้รักสันโดษที่นี่”อี้เฟยเทียนเอ่ยขึ้นก่อน มองอีกฝ่ายนั่งจิบชาไม่กล่าวสิ่งใดเห็นแล้วให้หงุดหงิดใจไม่น้อย

ไป๋เสวี่ยหลงหรี่ตามองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าไม่สนใจคำจิกกัดนั้น ทั้งที่ภายในใจกำลังครุกรุ่นไม่พอใจยามนึกถึงอดีตระหว่างบุรุษน่าตายผู้นี้กับสตรีของตน

พอได้รับรายงานจึงตัดสินใจมาพบอีกฝ่ายด้วยตนเอง จุดประสงค์เพื่อให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางและตัดใจไปเสีย อย่าคิดมาก่อกวนอารมณ์และทำให้นางยุ่งยากใจอีก

"ได้ข่าวว่าท่านพาเมี่ยวเอ๋อร์มาที่นี่ ไม่ทราบว่าจริงรึไม่?" คำถามเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อมกอปรกับท่าทีอันสงบนิ่งไร้ความหวาดเกรงเมื่อได้ทราบฐานะตนของบุรุษตรงหน้า ทำให้ไป๋เสวี่ยหลงนึกชื่นชมอยู่บ้าง

หากไม่มีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ไม่ยาก กระนั้นแม้จะเป็นมิตรหรือสหายของเขาก็ใช่ว่าจะมีสิทธ์เรียกคู่หมั้นตนสนิทสนมเช่นนี้ได้!!

"เจ้าใช้สิทธ์อันใดเรียกนางว่า เมี่ยวเอ๋อร์"นัยน์ตาคมกล้าเขม้นมองอย่างไม่ชอบใจนัก ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้นแต่ยังคงเก็บอารมณ์ขุ่นมัวหงุดหงิดใจไว้ได้

“เพราะนางเป็นฮูหยินเอกสกุลอี้ เป็นฮูหยินของข้า”เหตุผลที่อี้เฟยเทียนกล่าวตอบไปเช่นนั้น ด้วยคิดว่า อีกฝ่ายคงยังไม่ทราบเรื่องที่เขากับนางหย่าร้างกันแล้ว เพราะบุรุษผู้นี้..รักสันโดษและไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร ไหนเลยจะรู้เรื่องการหย่าร้างระหว่างเขากับนางได้....

"เคยเป็น เจ้าควรกล่าวคำนี้”จงใจเน้นชัดคำว่า เคยเป็น ตอกย้ำให้อีกฝ่ายตระหนักในข้อเท็จจริง อย่าได้คิดใช้เรื่องนี้มาทำให้เขาและนางหมางใจกัน เพราะมันเสียเวลาเปล่า

“อา..ไม่คิดว่า ประมุขไป๋จะใส่ใจเรื่องราวในบ้านข้าเพียงนี้”ถ้อยคำนี้หากเป็นผู้อื่นที่ใจร้อนหน่อยคงได้เกิดเรื่องเกิดราวใหญ่โตเป็นแน่ แต่ไร้ผลเมื่อนำมาใช้กับไป๋เสวี่ยหลง มุมปากหยักได้รูปเพียงยกขึ้นเล็กน้อยส่งสายตาชนิดหนึ่งออกไปพลางกล่าวเสียงกดต่ำ "ข้าย่อมใส่ใจ เพราะนางคือคู่หมั้นข้า"

"คู่หมั้น?..ท่านว่านาง....คือคู่หมั้นท่าน?"สิ่งที่ได้ยินประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดไปทั่วร่างจนสร้างความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ‘นาง...นาง....นางหมั้นหมายแล้วรึ?’

“......”ไป๋เสวี่ยหลงเลิกคิ้วตอบคำถาม

“เมื่อใดกัน? เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน?”อี้เฟยเทียนทะลึ่งพรวด สองแขนเท้าโต๊ะโน้มตัวมาข้างหน้าเอ่ยถามอย่างลืมตัว คิ้วขมวดมุ่นสับสนใจ ในหัวยามนี้...ความคิดถูกแบ่งออกเป็นสองทาง ทางแรกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อีกทางก็แย้งว่า บุรุษผู้นี้ไม่มีทางกล่าวเท็จให้ชื่อเสียงของตนต้องมัวหมองเป็นแน่

“เจ้าหาใช่ญาติพี่น้องของนางไม่”

“แต่อย่างไรเสีย ข้ากับนางก็เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันมาก่อน หากข้าจะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนางบ้างย่อมไม่แปลก”ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้แม้จะถูกอีกฝ่ายตบหน้าด้วยคำพูดหลายครั้งแล้วก็ตาม

“อ้อ..ยามนางอยู่ไม่คิดใส่ใจ ยามนางไปยังทำตัวประดุจสุนัขหวงก้าง?”

“ท่าน!...”ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำทั้งอับอายและโกรธเคืองแต่ไม่อาจตอบโต้อันใดได้

ไป๋เสวี่ยหลงกดยิ้มเย้ยหยัน ไม่ใส่ใจกับสายตาที่จ้องเขม็งราวจะกินเลือดกินเนื้อนั้น มือขวายกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์พลางกล่าว “อา...ข้ามีเรื่องที่ต้องขอบคุณเจ้า”

“...ขอบคุณข้า?”เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายเลิกคิ้วถามหลังจากนั่งลงแล้ว

“ในความเป็นสุภาพบุรุษของเจ้า”

“........”อี้เฟยเทียนกัดฟันกรอด สองมือกำเป็นหมัดแน่นจนเห็นข้อกระดูกขาวด้วยแรงโทสะเข้มข้น เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ ‘ขอบคุณในความโง่งมของเจ้า ที่มอบสตรีไร้มลทินให้แก่ข้า’ เจ้าต้องการจะพูดเช่นนี้กับข้า....ใช่รึไม่?’

‘ฮึ! ก็ไม่โง่นี่’ ประมุขหนุ่มเหยียดยิ้มพอใจ ที่เห็นอีกฝ่ายเข้าใจความนัยแฝงของตน ยืนขึ้นเต็มความสูงหลุบตาลงอย่างผู้ที่เหนือกว่า“จงอยู่ให้ห่างนาง และดูแลคนของเจ้าให้ดี อย่าให้มาระรานคู่หมั้นข้าอีก ไม่เช่นนั้น..ข้าจะทำให้นางและสกุลของเจ้าหายสาบสูญไปจากยุทธภพแห่งนี้เสีย”กล่าวจบเดินจากไปทันที ทิ้งให้อี้เฟยเทียนตะลึงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยความสับสนใจ...


พอกลับมาที่ร้าน คนของเขาที่รออยู่ได้รายงานว่า นางกลับไปรอที่รถม้าแล้ว ครั้นมาถึงเลิกผ้าม่านขึ้นจึงเห็นร่างระหงหลับอยู่อารมณ์ขุ่นมัวหงุดหงิดใจสลายหายไปกว่าครึ่ง ก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างรั้งศีรษะเล็กมาพิงอกแกร่งของตน

"อือ...เสร็จธุระแล้วหรือเจ้าคะ?"เหอซือเมี่ยวถามเสียงอู้อี้ขืนตัวออกมาจากอกแกร่ง เมื่อครู่เดินเพลินไปหน่อยจึงเผลอหลับไประหว่างที่นั่งรอเขาในรถม้า

ประมุขหนุ่มเอียงข้างมาทางนางพยักหน้าพลางกล่าวพร้อมกับลอบสังเกตสีหน้าไปด้วย "ข้าไปพบอี้เฟยเทียนมา"

"...แล้วมาบอกข้าทำไมเจ้าคะ?"เห็นร่างระหงนิ่งเฉยไม่มีอาการชะงักแม้แต่น้อยซ้ำยังย้อนถามน้ำเสียงติดรำคาญก็อดที่จะยินดีไม่ได้

"คิดว่าเจ้าอยากรู้"

"ข้ากับเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันแล้ว เขาจะไปไหนมาไหน ข้าหาใส่ใจไม่เจ้าค่ะ"

ได้ฟังนางกล่าวเสียงหนักแน่นเช่นนี้ อารมณ์ขุ่นมัวหงุดหงิดงุ่นง่านที่หลงเหลือติดค้างในใจพลันถูกปัดเป่าไปจนสิ้นแต่ยังไม่วายถาม “แน่ใจหรือ?”

“เอ๊ะ..ท่านนี่อย่างไร? หรืออยากให้ข้ากลับไปคืนดีกับเขา?”

สิ้นคำสองแขนแข็งแรงก็รวบร่างระหงเข้ามากอดพลางกล่าว “จะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด!!”

คำตอบและแรงกอดที่แน่นขึ้นยามกล่าว ทำคนที่แกล้งโวยวายลอบยิ้มพอใจที่เอาคืนอีกฝ่ายได้

‘คิดยั่วโมโหข้าหรือ? เร็วไปร้อยปีจ้าที่รัก..’




(1)ชนเผ่าตาตาร์(มองโกลปัจจุบัน) (2) คาเฟย คือ กาแฟ





ตอนที่ 11 มาแล้วจ้าาาา ไรท์จะทยอยอัพไปเรื่อยๆ

ส่วนรีดท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี และขอให้สนุกกับนิยายจ้า

เหมือนเดิมขอฝากนิยายเรื่องแรก จอมทัพตื๊อรัก ด้วยจ้า ใครที่ต้องการในรูปแบบหนังสือหรือ e-book สามารถหาซื้อได้แล้วจากหลายเว็บไซต์

เพิ่มเติมนิยายในรูปแบบ e-book

https://www.mebmarket.com

www.chulabook.com

2 เว็บนี้มีขายแน่นอนค่าาา


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว