คลั่งรักองครักษ์ลับ (นิยายแปล)-ตอนที่ 2 เจ้าดูให้ข้าหน่อย (1)

โดย  ตำหนักไร้ต์รัก

คลั่งรักองครักษ์ลับ (นิยายแปล)

ตอนที่ 2 เจ้าดูให้ข้าหน่อย (1)

ตอนที่ 2 เจ้าดูให้ข้าหน่อย (1)

จิ้งเยี่ยเอามือปิดปากหาว เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางเกียจคร้านและสง่างาม หลินถงรู้ว่าเป็นเวลานอนกลางวันของเจ้านายจึงไม่ตามเข้าไป เพียงปิดประตูเบาๆ รอรับใช้อยู่ด้านนอก

นอกห้องเงียบสงัด เสียงแมลงค่อยๆ เลือนหาย มีเพียงเสียงใบไม้ดังกรอบแกรบเป็นครั้งคราว หลินถงเริ่มสัปหงกอยู่บนม้านั่งหินหน้าระเบียงทางเดิน ปกติเวลานี้เจ้านายไม่ต้องการคนปรนนิบัติ เขาก็จะแอบพัก

อ้านจิ่วได้ยินเสียงฝีเท้าคุ้นเคยดังเข้ามาใกล้จากด้านหลัง จึงหันตัวไปจับมือกับอีกฝ่าย สองคนสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ก่อนจากไปเขายังมองไปทางห้องนอนอันเงียบสงบไร้สิ่งผิดปกติของเจ้านาย

อ้านซานซ่อนตัวตรงจุดที่อีกฝ่ายอยู่เมื่อครู่ เฝ้าอารักขาความปลอดภัยให้เจ้านายต่อ อ้านจิ่วกลับไปยังที่พักขององครักษ์ลับเป็นลำดับแรก เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าธรรมดาแล้วติดหน้ากากหนังบนใบหน้าเพื่อแปลงรูปโฉม จากนั้นแอบออกจากจวนซู่ชิงอ๋องไปอย่างเงียบเชียบ

ตลาดในช่วงบ่ายมีผู้คนบางตา เหล่าพ่อค้าแผงลอยถูกแสงแดดสาดส่องจนตาปรือง่วงงุน บางคนฟุบหลับบนแผง บ้างก็นั่งหลับ

อ้านจิ่วก้าวเท้ารัวเร็ว นัยน์ตาสดใสกวาดผ่านแผงลอยเล็กข้างทางทีละแผง สุดท้ายหยุดฝีเท้าลงหน้าแผงปั้นตุ๊กตาดินเหนียว ล้วงเศษเงินก้อนหนึ่งจากอกเสื้อวางลงบนโต๊ะ ก่อนชี้ไปทางตุ๊กตาดินเหนียวเด็กผู้หญิงที่ถักเปียสองข้าง “ข้าเอาอันนี้”

เถ้าแก่ร้านแผงลอยลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เพ่งมองแวบหนึ่งก่อนกล่าว “คุณชายหยิบไปได้เลย” ครั้นเหลือบหางตาไปทางเศษเงินก้อนนั้นบนโต๊ะ ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา ประสานมือคำนับอ้านจิ่วที่หยิบตุ๊กตาดินเหนียวจากไปยกใหญ่ “ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชาย!”

อ้านจิ่วก้าวเข้าไปในตรอกเล็กสายหนึ่ง หลังเลี้ยวโค้งไปอีกหลายครั้ง ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูเมือง พอออกจากประตูเมืองก็สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปตามทางเส้นเล็กในป่าเพื่อหาม้าที่เตรียมไว้นานแล้ว ก่อนจะขึ้นควบออกไป

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป[1] อ้านจิ่วก็หยุดม้าที่หน้าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งแถบชานเมือง เขาผูกม้าไว้ข้างหมู่บ้านแล้วเดินเข้าไป

เมื่อมีคนนอกเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ในช่วงสองสามครั้งแรกที่อ้านจิ่วมา ถึงขั้นถูกบุรุษในหมู่บ้านล้อมโจมตี ทว่าพอมาหลายครั้ง ชาวบ้านก็รู้จักเขา ครั้นเห็นหน้าจึงกล่าวทักทาย

อ้านจิ่วสื่อสารกับผู้อื่นไม่เก่ง ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปตามทิศทางที่คุ้นเคย ที่นั่นเป็นครอบครัวใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในหมู่บ้าน เรือนพักได้รับการซ่อมแซมจึงดูงดงามกว่าที่อื่น เขาเคาะประตูใหญ่สองครั้ง พ่อบ้านก็รีบวิ่งมาเปิดประตูทันที

พ่อบ้านชราเห็นอ้านจิ่วก็รีบเข้ามาต้อนรับ “คุณชายมาได้เสียที นายน้อยกำลังอาละวาด แม่นมปลอบอย่างไรก็เอาไม่อยู่ขอรับ”

ได้ยินดังนั้นสีหน้าเขาพลันไร้อารมณ์ บีบก้านไผ่ของตุ๊กตาดินเหนียวในมือแน่น ขณะเดินตามพ่อบ้านชราไป ยิ่งเข้าใกล้ห้องหลักก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังแว่วมา

เสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ อ้านจิ่วเร่งฝีเท้าด้วยเช่นกัน เพิ่งจะก้าวข้ามธรณีประตูของห้องหลัก ร่างเล็กก็เดินโงนเงนโผเข้ามา ชายหนุ่มยื่นมือไปอุ้มเด็กน้อยวัยย่างเข้าหนึ่งขวบกว่าๆ พลางกล่าว “ระวัง!”

แม่นมที่อยู่ด้านหลังรีบก้าวเข้ามาอุ้มเด็กน้อยไปจากอ้อมแขนอ้านจิ่ว เจ้าตัวเล็กแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ด้วยอยากโผเข้าไปในอ้อมแขนบุรุษตรงหน้ามากกว่า ปากน้อยๆ ร้องเรียกอ้อแอ้ “ป้อ...พ่อ...ท่านพ่อ...”

สีหน้าอ้านจิ่วพลันไร้อารมณ์ เพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่ใช่ท่านพ่อ” เขาเอ่ยแก้แล้วดึงตุ๊กตาดินเหนียวออกจากก้านไผ่ในมือ ก่อนยื่นให้เด็กน้อย

เมื่อเห็นตุ๊กตาดินเหนียวที่ขาวอวบอ้วนเหมือนตน เจ้าตัวน้อยก็หัวเราะ น้ำลายไหลย้อยจากริมฝีปากเล็กนุ่ม เห็นดังนั้นแม่นมจึงหยิบผ้ามาเช็ดปากเขาจนสะอาด “คุณชายโปรดวางใจ นายน้อยกินได้มาก นอนหลับดี เพียงแต่บางครั้งที่อยากเจอท่านก็จะร้องไห้โวยวายอยู่บ้างเจ้าค่ะ” แม่นมที่อายุยังน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม มองคนตัวเล็กในอ้อมแขนด้วยสีหน้ารักใคร่

อ้านจิ่วพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร มองเด็กน้อยเล่นตุ๊กตาดินเหนียวไปเงียบๆ จากนั้นไม่นานก็พูดขึ้น “เช่นนั้นขอลา!” แล้วหมุนตัวเดินจากไป มิได้อาลัยอาวรณ์แม้แต่นิด

เด็กน้อยเห็นอ้านจิ่วเดินไปก็ร้องไห้งอแงขึ้นมา แม่นมจึงรีบปลอบ เอาตุ๊กตาดินเหนียวในมือเขามาแกว่งตรงหน้า “ดูสิเจ้าคะ แม่นางน้อยผู้นี้งามหรือไม่ ให้เป็นสาวใช้คอยปรนนิบัตินายน้อยดีหรือไม่เจ้าคะ” ขณะพูดนางก็มองตามแผ่นหลังของอ้านจิ่วที่ก้าวผ่านประตูใหญ่ในลานเรือนออกไปแล้วถอนใจยาว ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายจะรีบมารีบไปโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ภายในจวนซู่ชิงอ๋อง

หลินถงงัวเงียตื่นขึ้นมา ลูบน้ำลายที่ปากทีหนึ่งแล้วหาวหวอด พลางยืดเอวบิดขี้เกียจ ก่อนมองไปทางห้องเจ้านาย พบว่าด้านในเงียบสนิท ดูท่าเจ้าตัวจะยังไม่ตื่น

ครั้นเห็นว่าใกล้เวลาแล้ว เขาก็รีบจัดการตนเองให้เรียบร้อย หลังล้างหน้าจนสดชื่นจึงไปที่ห้องครัว ยกเอายาบำรุงของเจ้านายที่ต้องดื่มทุกวันออกมา

เชิงอรรถ

^ เวลาหนึ่งก้านธูป คือช่วงเวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับความยาวของก้านธูปและความเร็วในการเผาไหม้

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว