คนสกุลลู่ตกใจจนตัวสั่นเทา บริเวณโดยรอบเงียบสงบไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลย แต่ในเมื่อสะใภ้สามกล่าวเช่นนี้นั่นแสดงว่านางจะต้องจับความเคลื่อนไหวบางอย่างได้จริง ๆ
เหอจิ่วเหนียงกระซิบบอกพวกเขาเสียงเบา ก่อนจะจงใจพูดเสียงดัง “เอาละ ทุกคนรีบนอนพักเถอะ พรุ่งนี้เช้ายังต้องเดินทางกันต่อ”
สิ้นเสียงทุกคนก็หาที่เหมาะ ๆ เอนกายนอน
อาชาทั้งสี่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางพงไพรอันกว้างใหญ่และความดึกสงัดเช่นนี้พวกมันช่างสะดุดตาเป็นพิเศษ
…
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เฝ้าจับตามองนอนหลับกันแล้ว สองคนที่ซุ่มอยู่ไม่ไกลนักจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่ใหญ่ พวกมันหลับกันแล้ว เราลงมือเลยเถอะ!”
กล่าวจบชายผู้นี้ก็อดแลบลิ้นเลียปากไม่ได้ จับจ้องม้าเหล่านั้นตาเป็นมัน ในภาวะวิกฤตเช่นนี้หากมีโอกาสได้ลิ้มรสเนื้อม้าละก็ อาาา∼∼∼ มันต้องสุขสมจนตัวลอยยิ่งกว่าได้เป็นเทพเซียนเป็นแน่!
“รออีกหน่อย”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ยกมือปราม ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ระหว่างทางพวกเขาเจออึม้าจึงลองตามเบาะแสมา และแล้วก็ได้พบกับม้าอย่างที่คาดไว้!
แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ครอบครัวชาวนายากจนกลับสามารถอยู่รอดปลอดภัย ทั้งยังมีม้าอีกสี่ตัวข้างกาย เห็นได้ชัดว่าครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา ฉะนั้นจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
“ขืนรอต่อไปฟ้าก็สางกันพอดี!”
ชายคนแรกอดใจรอไม่ไหวแล้ว ขณะพูดออกมายังได้ยินเสียงกลืนน้ำลายไปด้วย
โอกาสมาถึงแล้วจะประวิงเวลาอีกทำไมกัน! เขาไม่อยากฟังสิ่งใดทั้งนั้น ก้าวขาออกไปจากที่ซ่อนโดนพลันและพุ่งตัวเข้าไปหาเป้าหมาย
หัวหน้าโจรเห็นดังนั้นก็สบถคำด่าออกไปคำหนึ่ง ก่อนจะตามไปอย่างหัวเสีย
จุดประสงค์ของพวกเขามีเพียงม้าเท่านั้น จึงค่อย ๆ ย่องไปใกล้สัตว์ทั้งสี่ตัวอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าของของพวกมันรู้ตัว จากนั้นรีบช่วยกันปลดปมเชือกออกอย่างระมัดระวัง
“พี่ใหญ่ เรารวยแล้ว!”
คนรีบร้อนเผยรอยยิ้มอัปลักษณ์ พวกเขาจะกินม้าหนึ่งตัว ส่วนม้าที่เหลือหากนำไปขายที่เมืองเฉียนโจวคงได้กำไรไม่น้อย
หัวหน้าโจรไม่พูดอะไร คิดเพียงแค่จะรีบจูงม้าออกไปเท่านั้น
แต่ใครเลยจะคิดว่าจู่ๆ …จะรู้สึกเย็นวาบที่คอขึ้นมา!
“จะไปไหนกันล่ะ?”
น้ำเสียงใจเย็นของบุรุษดังขึ้น โจรทั้งสองสะดุ้งจนตัวโยน
ซวยแล้ว!!
ยามนี้มีอาวุธอยู่ในมือแล้ว คนตระกูลลู่ย่อมไม่กลัวโจรกระจอกสองคนนี้ สองพี่น้องลู่เข้ารวบตัวพวกคนรนหาที่ตายอย่างรวดเร็วแล้วมัดไว้ข้างกองไฟ
“อะ เอ่อ…คือว่าพวกข้าหิวมาก ก็เลยจะ…เอ่อ…”
โจรผู้เป็นลูกน้องตื่นตระหนกจนแทบจะหยุดหายใจ ตลอดทางประสบพบเจอภาพแห่งความตายมาไม่น้อย แม้จะเป็นโจรแต่เขาก็กลัวตาย เขาไม่อยากมีสภาพเป็นร่างไร้วิญญาณโดดเดี่ยวอยู่กลางป่าเขาแบบนั้นนะ!
ส่วนโจรอีกคนเอาแต่จับจ้องผู้ร่วมขบวนการโดยไม่พูดอะไร เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเหตุใดตนถึงได้ร่วมมือกับคนโง่เช่นนี้
“ท่านแม่ พวกเขาหิวแล้ว” โก่วเอ๋อร์ยื่นมือน้อย ๆ ชี้ไปที่คนแปลกหน้าทั้งสอง
เหอจิ่วเหนียงพยักหน้าพลางกล่าว “แม่รู้แล้ว”
หญิงสาวคิดว่าบุตรชายคงจะรู้สึกสงสาร ทว่าเด็กน้อยกลับเอ่ยออกมาอีกครั้ง “แต่พวกเขาเป็นคนไม่ดี คนขโมยของคนอื่นก็คือคนไม่ดี!”
“ใช่แล้วลูก พวกเขาคือคนไม่ดี ลูกแม่ เจ้าฉลาดจริง ๆ!”
เพื่อเป็นการให้รางวัลบุตรชาย เหอจิ่วเหนียงจึงหอมแก้มนุ่มนิ่มกลับไปหนึ่งฟอด หยอกล้อจนเจ้าตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
สองสามวันที่ผ่านมาโก่วเอ๋อร์มีชีวิตชีวาขึ้นมาก ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มบนใบหน้าก็มักจะเผยออกมาให้เห็นบ่อย ๆ
เด็กน้อยคนอื่น ๆ ต่างมองขโมยสองคนนั้นด้วยความสนใจ…
ไม่แน่สองคนนี้อาจมีเงินติดตัวมาด้วยก็ได้!
สองโจรผู้เคราะห์ร้ายถูก ‘เหยื่อ’ จับจ้องจนรู้สึกอึดอัด คนเป็นผู้นำจึงเอ่ยปากด้วยความเหลืออด “จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย!”
หึ ช่างใจเด็ดเหลือเกิน
ผู้เฒ่าลู่หันมองเหอจิ่วเหนียง “สะใภ้สาม เจ้าคิดว่าควรจัดการพวกมันอย่างไรดี?”
เหอจิ่วเหนียงพิจารณาจากสภาพซอมซ่อของอีกฝ่ายจึงอนุมานว่าพวกเขาไม่น่าจะมีเงินให้ปล้นชิง หากแต่นางยังมีวิธีที่พวกตนยังคงได้ประโยชน์ “พวกเรามีม้าแต่ยังไม่มีเกวียน หากคืนนี้พวกเขาช่วยทำเกวียนให้เราได้สองเล่ม เราก็จะปล่อยพวกเขาไป”
เกวียนธรรมดา ๆ ทำได้ไม่ยาก เดิมทีเหอจิ่วเหนียงตั้งใจจะบอกกับพี่ใหญ่และพี่รองในเช้าวันรุ่งขึ้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีแรงงานโผล่มาให้ใช้งานเปล่า ๆ โดนไม่ต้องเสียเงินและเสียแรงถึงสองคน
ดวงตาฝ้าฟางของผู้เฒ่าลู่เปล่งประกายในทันใด
ใช่แล้ว! ตอนนี้มีม้าแล้ว แต่ให้พวกเด็ก ๆ ขึ้นไปนั่งอัดกันบนหลังม้าก็ดูจะไม่ปลอดภัยเท่าไรนัก หากมีเกวียนสักสองเล่มคงดีไม่น้อย อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลย ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาก็พลอยได้เดินทางสะดวกสบายขึ้นด้วย
สีหน้าของคนร้ายทั้งสองดำคล้ำราวกับถ่าน หิวโหยมาหลายวันเรี่ยวแรงแทบไม่มี แล้วจะให้ช่วยคนพวกนี้ทำเกวียนเนี่ยนะ!
สองโจรดวงตกยังไม่ทันปฏิเสธแม้แต่ครึ่งคำเหอจิ่วเหนียงก็ตัดบท “หากพวกเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะให้ข้าวปั้นเป็นการตอบแทน”
ขณะที่พูดไปนางก็ควักข้าวปั้นชิ้นโตสองชิ้นออกมาให้ดู ก่อนจะเก็บกลับเข้าห่อผ้าดังเดิม
จอมโจรทั้งสองหันมองหน้ากัน ในหัวประมวลผลเร็วจี๋…
หากไม่ทำ ครอบครัวนี้จะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แต่หากทำ นอกจากรักษาชีวิตไว้ได้แล้วพวกเขายังได้กินข้าวอีกด้วย!
เพื่อข้าว!
ทำ!!!
“ไม่มีขวานกับเชือก…” โจรคนหนึ่งเอ่ยเสียงอ่อย เหอจิ่วเหนียงนำของทั้งสองอย่างออกมาจากห่อผ้าห่อใหญ่ในทันท่วงที
ทุกคนมองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง
นี่มันอะไรกัน ห่อผ้านี่มีทุกอย่างเลยหรือ!
ต้นไม้ก็มีอยู่ตรงหน้า ต้องการมากแค่ไหนก็ตัดเอา ตัดมาทำเป็นแผ่นไม้ แล้วใช้เชือกมัดเข้าด้วยกัน
ส่วนของล้อยิ่งง่าย หาตอไม้นำมาเหลาเป็นแท่งทรงกระบอกก็ได้แล้ว แม้จะมีน้ำหนักไปสักหน่อย แต่ใช้ม้าร่างกำยำสองตัวลากต่อเกวียนหนึ่งเล่มนับว่าไม่เป็นปัญหาอะไร
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันหนี สองบุตรชายตระกูลลู่จึงขันอาสาเป็นคนคุมงาน ครั้นเมื่อถึงยามเช้าตรู่ เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมา เกวียนสองเล่มแสนจะธรรมดาก็ถูกพาดอยู่บนหลังม้าแล้ว
“รถม้า ๆ! ครอบครัวเรามีรถม้าแล้ว!”
เหลยจื่อ—หลานชายคนโตของบ้านวิ่งออกไปดู เด็กน้อยคนอื่นก็วิ่งตามไปด้วยความตื่นเต้น รถม้าสองคันที่ใช้ม้าคู่ลากเช่นนี้ ชาตินี้บ้านพวกเขาไม่มีปัญญาจะซื้อด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ระหว่างทางที่ลี้ภัยกลับได้เห็นสิ่งที่น่าเกรงขามเช่นนี้ ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและประหลาดใจจริง ๆ!
“นี่มันใช้ได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”
นางฉินเห็นกงล้ออันเทอะทะจึงกังวลเล็กน้อย หากลาก ๆ ไปแล้วล้อเกิดมีปัญหาจนพวกเขาพลัดตกลงมาจะทำเช่นไร
“วางใจได้ เมื่อครู่ข้าลองแล้ว ตราบใดที่ใช้ความเร็วช้าหน่อยก็จะปลอดภัย!”
บุตรคนรองยิ้มพลางตบไหล่ปลอบภรรยา สายตาภาคภูมิยังคงวางไว้ที่รถม้า ไม่นึกเลยว่ารถม้าสองคันนี้จะเป็นของครอบครัวตน ช่างน่าประหลาดใจโดยแท้!
จอมโจรผู้ถูกบังคับให้เป็นแรงงานก่อสร้างทั้งสองเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืนจึงล้มตัวลงนอน แต่สายตากลับจ้องเหอจิ่วเหนียงเขม็ง เตือนนางว่า ‘อย่าลืมข้าวปั้นที่ตกลงกันไว้เมื่อคืน!’
คนถูกมองทำตามที่ตกลงไว้ ควักข้าวปั้นชิ้นโตออกมาแล้วโยนให้พวกเขา
ครอบครัวลู่เห็นสะใภ้สามโยนเสบียงทิ้งไปง่าย ๆ แบบนั้นก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย แต่เห็นแก่ที่วันนี้ไม่ต้องเดินเท้า พวกเขาจะหักลบข้อดีข้อเสียก็แล้วกัน
อย่างไรเสียพวกเขายังมีข้าวปั้นที่เตรียมเอาไว้ไม่น้อย อีกทั้งเสบียงอาหารแห้งที่ได้มาเมื่อคืน ยังไม่จำเป็นต้องจุดไฟหุงใหม่ ทุกคนกินของที่เหลืออยู่อย่างง่าย ๆ ดื่มน้ำเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ
ผู้เฒ่าลู่รักรถม้ามากจนวางมือไม่ลง เขาบังคับรถม้าคันหนึ่ง ส่วนบุตรชายทั้งสองต้องนอนพักผ่อน เหอจิ่วเหนียงจึงเป็นคนรับหน้าที่บังคับรถม้าอีกคัน
พวกเด็ก ๆ กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ในห้วงนิทรา มีเพียงโก่วเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังดูมีชีวิตชีวา นั่งข้างกายมารดาอย่างเงียบ ๆ ดวงตากลมโตทอดมองไปรอบ ๆ
“ท่านแม่ มีคนชั่วตามพวกเรามาขอรับ!”
มือเล็กป้อมดึงชายเสื้อเหอจิ่วเหนียงบอกให้นางหันมองด้านหลัง ทันทีที่หญิงสาวหันไปก็พบว่าเป็นแรงงานสองคนนั้นที่ตามพวกนางมา
“พวกมันคิดจะทำอะไร?”
นางซุนเห็นดังนั้นคิ้วก็ขมวดแน่น มองสะใภ้สามด้วยความสงสัย
เหอจิ่วเหนียงเองก็ไม่อาจรู้ได้ นางเพียงบังคับบังเหียนต่อไป
กระทั่งจอมโจรสองคนนั้นตามมาทัน หญิงสาวแซ่เหอจึงเอ่ยถามอย่างเอาเรื่อง “ทำไม ยังอยากให้พวกข้าใช้แรงงานอีกอย่างนั้นหรือ?”
อีกฝ่ายมีกันแค่สองคน หากจะปะทะกันขึ้นมาคนสกุลลู่ย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว เว้นเสียแต่สองคนนี้จะมีแผนร้ายแอบลงมือตอนเผลอ นั่นต่างหากที่น่ากังวล
.
.
.
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว