ดวงใจจักรภัทร [Sweetheart]-EP. 10 ต้องมนต์รัก 2---100%

โดย  NujanC

ดวงใจจักรภัทร [Sweetheart]

EP. 10 ต้องมนต์รัก 2---100%

เอื้องฟ้าหอบผ้าห่มผืนบาง ค่อยๆย่องออกจากห้องนอนตรงไปยังห้องของแม่แสงคำ เจ้าหล่อนอาศัยจังหวะที่อัคนีกำลังอาบน้ำอยู่ ถ้าแกล้งหลับในห้องนอนของแม่ ชายหนุ่มคงจะไม่กล้าปลุกเป็นแน่ คิดแล้วก็สาวเท้ารีบก้าวไปยังห้องของผู้เป็นแม่ แต่ยังไม่ทันไร ร่างใหญ่ที่โพกผ้าขนหนูเพียงตัวเดียว ผ้าขนหนูที่ทำท่าว่าจะหลุดไม่หลุดยืนอยู่ตรงหน้า

“คุณจะหนีผมไปไหน เอื้องฟ้า” ชายหนุ่มทำหน้าทะเล้นรู้ทันเมียรักของเขา

“คืนนี้ฉันขอไปนอนกับแม่คืนนึงนะคะ ฉันรู้สึกคิดถึงแม่มากๆเลยค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลัก กอดผ้าห่มแน่น พร้อมกับทำหน้าตาอ้อนวอนผู้เป็นสามีหมาดๆ

“คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะเอื้องฟ้า คุณจะทิ้งให้ผมนอนคนเดียวในคืนแต่งงานของเราหรือ”

“แต่ฉันยังไม่ชินนี่คะ อีกอย่างคุณก็นอนคนเดียวมาตั้งนานไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ฉันขอเวลาทำใจแค่คืนเดียวนะคะ” สาวน้อยยังคงอ้อนวอนต่อ

“ไม่ได้! ผมก็เหงาเป็นเหมือนกันนะคุณ ตกลงคุณจะเดินไปที่ห้องของเราดีๆหรือจะให้ผมอุ้มกันล่ะ ฮึ!” อัคนีทำหน้าดุเข้มให้เจ้าสาวจอมพยศของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้แม่กวางน้อยหลุดมือไปได้หรอก!

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ค่อยๆเดินเข้ามาชิด แม่กวางน้อยถอยหลังพร้อมกับร้องเสียงหลง “อย่าเข้ามานะ” แต่เขาก็ไม่ได้สนใจกับเสียงร้องขอนั่น และยังคงเดินเข้าไปชิดจนหญิงสาวถอยไปทีละก้าว กว่าจะรู้ตัวร่างเล็กของตนก็อยู่ภายในห้องหอของทั้งสองแล้ว ประตูห้องถูกปิดและล็อกเอาไว้ เอื้องฟ้าปล่อยผ้าห่มลงพื้น ร่างบางรีบวิ่งไปชิดผนังห้อง อัคนีเดินเข้าไปชิดพร้อมกับรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล

“เอื้องฟ้า คุณหนีผมไปแบบนี้ผมเสียใจนะ ผมรักคุณมากนะรู้มั้ย” อัคนีเอ่ยเบาๆขณะก้มหน้าชิดกับใบหน้านวล ดวงตาสบกัน

“แต่ฉัน....”

“แต่อะไร ไหนบอกซิว่าคุณรักผมหรือเปล่า ฮึ....” ใบหน้าคมเข้มนั้น หากแต่แฝงไปด้วยความรักความนุ่มนวลจนหญิงสาวหายกลัวไปได้มากทีเดียว

“ว่ายังไง รักผมหรือเปล่า”

“รักค่ะ...รัก” เอื้องฟ้าเอ่ยเบาๆในลำคอด้วยความเขินอาย

“อะไรนะ ผมไม่ได้ยินเลย” ใบหน้าทะเล้น อมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูแม่กวางน้อยตรงหน้า

“ฉันบอกว่า รักคุณค่ะ” หญิงสาวกระซิบข้างหูของสามีเพื่อให้เขาได้ยิน หากแต่ต้องสะดุ้งเอ่ยยังไม่ทันจบ มือใหญ่ก็ช้อนร่างน้อยของตนขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วพาไปวางไว้บนเตียงนุ่ม

ราชสีห์หนุ่มผู้หิวโหยไม่รอช้า ชายหนุ่มก้มลงชิดใบหน้านวลเนียน ริมฝีปากหนาอุ่นจัดประกบเข้ากับริมฝีปากบางแดงระเรื่ออย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวล ราวกับดูดดื่มน้ำหวานจากกลีบดอกไม้อย่างไม่รู้อิ่ม หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวที่ถูกจู่โจมครั้งแรกในชิวิต ร่างเล็กสั่นเทาและชาวาบไปทั้งร่าง หญิงสาวอ่อนระทวยแทบจะไม่มีแรงผลักหรือปฏิเสธใดๆ ปล่อยให้ราชสีห์ผู้หิวโหยจู่โจมตามใจชอบ เพียงไม่นานเสื้อผ้าอาภรบนร่างบางก็หลุดหายไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เผยให้เห็นผิวขาวผ่องอมชมพูดภายใต้แสงไฟสลัวๆจากโคมไฟสีเหลืองในห้องนอน เลือดในร่างกายชายหนุ่มเดือนพล่าน ความร้อนภายในกายที่กำลังต้องการระบายออกให้หมด

แม่สาวน้อยร่างบางสั่นเทาด้วยความกลัว แต่อีกด้านก็ผ่อนคลายจากความอ่อนโยนและนุ่มนวลของอีกฝ่าย ในที่สุดความรู้สึกต่างๆถาโถมเข้ามาพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความสุขล้นจนยากที่จะอธิบาย สองร่างรวมเป็นหนึ่ง สองชีวิตและหัวใจหลวมรวมกันจากนี้ตลอดไป

อีกด้านหนึ่ง พลโทชิเยนและทหารติดตามอีกสองนาย ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาสืบข่าวของเจ้าชายอีริคชาร์ในประเทศไทยได้สองอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของเจ้าชาย

“ดูจากพิกัดสุดท้ายของเครื่องบินแล้ว น่าจะเป็นทางภาคเหนือของประเทศไทยไม่ผิดแน่” พลโทชิเยนเอ่ย

“แต่นี่เราก็ตามหามาเกือบครบทุกจังหวัดทางภาคเหนือแล้วนะ จะเหลือก็แต่ที่นี่” นีอานเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจ

“ค้นหากันต่อทุกตารางนิ้วของที่นี่!” หัวหน้าหนุ่มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ทั้งสามหันหน้ามาสบตาพยักหน้า หารู้ไม่ว่าอีกด้านหนึ่งพวกของนายพลทริเซนนัมเฝ้ามองอยู่

ลมหนาวพัดโชยมา แต่หัวใจของเอื้องฟ้าและอัคนีกลับอบอุ่น ผ่านไปสองเดือนแล้วสำหรับการใช้ชีวิตคู่ ความรักความผูกพันธ์กลับเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองเดินจับมือกันในงานบุญยี่เป็งของจังหวัด บรรยากาศในงานช่างงดงามกว่าปีที่ผ่านๆมา ทั้งสองมองไปรอบๆตัว อยากจะจดจำเวลานี้ไปนานแสนนานเลยทีเดียว เสียงดนตรีสะล้อซอซึงพื้นบ้านดังแว่วตลอดงาน ในงานประดับประดาไปด้วยโคมไฟต่างๆที่ห้อยไว้บนต้นไม้ทุกต้นจนสว่างไสว สีเหลืองอร่ามของพระธาตุในวัด กระทงดอกไม้วางเรียงรายเพื่อให้ผู้คนมาลอยความทุกข์โศกให้พ้นจากตัว ต่างทยอยกันปล่อยโคมลอยให้สว่างไสวทั่งท้องฟ้า

ทั้งสองอธิฐานก่อนจะปล่อยโคมลอยสู่ท่องฟ้า เอื้องฟ้าหันไปสบตาและยิ้มหวานให้อัคนีหลังจากมองโคมลอยของทั้งสองลอยสู่ท้องฟ้าจนลับตา

“คุณอธิฐานว่าอะไรคะ”

“ผมขอให้เรารักกันและอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป ผมรักคุณนะเอื้องฟ้า..และจะไม่มีวันจากไปไหน ผมสัญญา” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เอื้องฟ้ายิ้มดีใจ

เอื้องฟ้าพาอัคนีเดินไปไหว้พระธาตุขอพรให้คุ้มครองทั้งสองจากภัยอันตรายทั้งปวง เมื่อทั้งสองลุกขึ้นและเดินออกมาสวนทางกับเจ้าอาวาส ทั้งสองนั่งลงพนมมือ ท่านเจ้าอาวาสมองหน้าทั้งสองแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่ง

“เจริญพรนะโยม โยมทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน จงหมั่นทำบุญและสวดมนต์ให้มากๆ ต่อไปวันข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้โยมทั้งสองใช้สติปัญญาและขันติให้มากเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันนะโยม อาตมาขออวยพรให้โยมทั้งสองจงโชคดี...” ท่านเจ้าอาวาสให้พรเสร็จท่านก็เดินจากไป เอื้องฟ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านเจ้าอาวาสท่านกล่าว ใบหน้านวลวิตกเล็กน้อย หากแต่มือใหญ่ของชายหนุ่มเอื้อมไปบีบมือบางเบาๆและส่งยิ้มให้

ในงานผู้คนมากมายต่างก็มาเที่ยวและไหว้พระขอพรกัน พลโยชิเยนและลูกน้องทั้งสองก็กำลังมองหาเผื่อว่าจะเจอเจ้าชายอีริคชาร์บ้าง ทั้งสามต่างก็มีความหวังอย่างน้อยๆก็อาจจะมีเบาะแส

“พวกเราแยกย้ายกันตามหา ไป พวกนายสองคนไปทางนั้น ส่วนผมจะไปทางนี้” พลโยชิเยนสั่งลูกน้องทั้งสอง ทั้งสามแยกตัวกัน ฉับพลัน สายตาของพลโทชิเยนก็เหลือบไปเห็นใบหน้าละม้ายคล้ายกับเจ้าชาย เขาอุทานออกมาในลำคอ ‘เจ้าชาย!’ ชายร่างผอมสูงรีบวิ่งไปยังเป้าหมายทันที แต่ผู้คนมากมายแน่นถนนไปหมด นายทหารหนุ่มในมาดนักท่องเที่ยววิ่งไปอย่างทุลักทุเลพร้อมร้องขอทาง

“ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย” ชายหนุ่มรีบแหวกว่ายผู้คนมากมายเมื่อไปถึง ก็ไม่พบชายที่หน้าตาคล้ายเจ้าชายอีรีคชาร์ เขาหันไปหารอบทิศก็ไม่เห็นแม้แต่เงา “โธ่เว้ย!” กำมือแน่นด้วยความเสียดาย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีความหวังว่าเจ้าชายยังมีชีวิตอยู่จริง

“ว่าไง พบเจ้าชายมั้ย”เขาเอ่ยถามลูกน้องอย่างร้อนใจเมื่อทั้งสามเดินมาเจอกัน

“ไม่พบครับ” ทั้งสองเอ่ยเสียงอ่อยพร้อมส่ายหน้าอย่างหมดหวัง พลโทชิเยนตบไหล่ลูกน้องเบาๆอย่างให้กำลังใจ เพราะเขามั่นใจว่าชายคนนั้นต้องเป็นเจ้าชายแน่ และตอนนี้เขาก็เริ่มมีความหวังมากขึ้น

เอื้องฟ้าตั้งใจจะตื่นแต่เช้ามาไปเก็บผักขายเหมือนเช่นทุกวัน หญิงสาวขยับตัวออกจากอ้อมกอดของสามีแล้วลุกขึ้นจากเตียงแต่ดูเหมือนร่างกายหนักอึ้ง ลอยเคว้งและหมุนรอบตัวเธอ หญิงสาวล้มตัวลงหน้าซีดเซียว อัคนีตกใจอุทาน

“เอื้องฟ้า คุณเป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดแบบนี้ ฮึ..” เขาประคองภรรยาสาวให้นั่ง แต่หญิงสาวกลับไม่มีแรง เธอจึงซบลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่ม

“ฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย สงสัยเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย” หญิงสาวพยายามลุกขึ้นเพื่อไปหาแม่ในครัว อัคนีมองภรรยาสาวด้วยความเป็นห่วง

เอื้องฟ้าเดินไปล้างหน้าล้างตาจากนั้นเธอจึงเดินไปหาแม่แสงคำในครัว แต่กลิ่นอาหารหอมๆที่ลอยมาจากในครัวนั้นมันช่างทำให้หญิงสาวพะอืดพะอมเสียเหลือเกิน เธอยกมือขึ้นปิดปากบาง และรีบวิ่งกลับไปยังห้องน้ำ หญิงสาวอาเจียนแทบเป็นแทบตาย อัคนีวิ่งเข้ามาดูและคอยลูบหลังอย่างเป็นห่วง

“เอื้องฟ้า คุณไม่สบายนี่ เดี๋ยวผมจะพาไปหาหมอในตัวเมืองนะ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

“บ่ต้องไปหาหมอหรอก” แม่แสงคำเอ่ยมาจากด้านนอกห้องน้ำ และยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้าอัคนีวิตกกังวล

“ทำไมครับแม่”

“มา ฮื้อแม่จับชีพจรดูก่อน”

อัคนีประคองเอื้องฟ้าให้ลุกขึ้นและพาไปนั่งเก้าอี้ที่ชาน แม่แสงคำแตะที่ข้อมือลูกสาวพร้อมกับยิ้มอย่างยินดีก่อนจะเอ่ย

“บ่ได้เป็นหยั๋งนักหรอก เอื้องฟ้าแค่ตั้งท้อง”

“แค่ตั้งท้อง...ห๊ะ จริงหรือครับ นี่แสดงว่าผมจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ฮ้าๆๆๆ” อัคนีร้องดีใจจนเสียงหลง พร้อมกับกระโดดโลดเต้นจนเอื้องฟ้าและแม่แสงคำอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทีเด็กๆของอัคนี ก่อนที่แม่แสงคำจะเดินเข้าไปในครัวต่อ

“ผมดีใจมากเลยนะเอื้องฟ้า ที่เราจะมีลูกกันแล้ว เจ้าตัวเล็กของเราจะต้องน่ารักเหมือนคุณแน่ๆ ผมอยากเห็นหน้าเขาเร็วๆจนรอไม่ไหวแล้ว ขอบคุณนะที่มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับผม..” ชายหนุ่มโอบเอวเอื้องฟ้าจากด้านหลังเบาๆ หญิงสาวก็ดีใจไม่แพ้กัน

“ต่อไปนี้ คุณไม่ต้องทำงานอะไรแล้วทั้งนั้น ผมจะทำเองทุกอย่าง เข้าใจมั้ย ฮือ” อัคนีเอ่ยพลางโอบเอื้องฟ้าแน่น

“คนท้องนะคะ ไม่ใช่คนป่วย ถ้าคุณไม่ให้ฉันทำอะไร ร่างกายฉันก็ไม่แข็งแรงกันพอดีน่ะสิคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างหมั่นไส้ในท่าที่ของสามี

“ก็ได้ แต่ห้ามทำงานหนักๆเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะโดนทำโทษ แบบนี้...” ไม่พูดเปล่าแต่กลับหอมแก้มฟอดใหญ่ คนถูกหอมหน้าแดงเป็นลูกตำลึง มองค้อนสามีอย่างหมั่นไส้

องครักษ์หนุ่มทั้งสามเดินตรงไปยังคิวรถสองแถวพร้อมชูรูปของเจ้าชายอีริคชาร์ขึ้นมาให้ลุงคนขับรถสองแถวดู

“ลุงครับผมขอถามหน่อย ลุงเคยเห็นคนในรูปนี้มั้ย” นีอานเอ่ยถามลุงคนขับรถสองแถวอย่างสุภาพ

“บ่เคยหัน” ชายวัยชราส่ายศีรษะ นีอานจึงหันไปถามคนถัดไป ถามคนแล้วคนเล่า ต่างก็ส่ายศีรษะจนชายหนุ่มทั้งสามเริ่มหมดหวัง และเดินคอตก ก่อนจะตัดสินใจกลับไปตั้งหลักก่อน แต่แล้วทั้งสามต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของลุงคนขับรถสองแถวคนหนึ่งที่ดังแว่วตามหลังมา

“หรือว่าจะเป็นคนเมื่อคืนที่นั่งรถลุงมาแอ่วงาน มากับสาวสวยคนนึ่ง” ชายวัยกลางคนเอ่ยดังแว่วมา

ทั้งสามหนุ่มยิ้มกว้างและหันกลับไปถามต่ออย่างร้อนรน

“งั้นลุงช่วยพาพวกผมไปหาเขาหน่อยได้ไหมครับ”

“แล้วพวกเอ็งเป็นใผ๋ ไปหาเปิ้นยะหยั่ง” ลุงคนขับรถเกิดสงสัยขึ้นมา

“อ๋อ คือพวกผมเป็นญาติเขาครับ แค่อยากไปเยี่ยมเขาเท่านั้น” ทั้งสามรีบเอ่ยอย่างละล่ำละลัก

“อ๋อ แล้วไป งั้นขึ้นรถซะสิ”

รถสองแถวคันเก่า ขับพาทั้งสามหนุ่มไปตามหมู่บ้านต่างๆตามเส้นทางวิ่งรถที่ลุงขับผ่านเป็นประจำ ทั้งสามลงไปถามชาวบ้านและเอารูปให้ชาวบ้านดูแต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของคนที่ตามหาเลย

“พ่อหนุ่ม หากันตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่พบตัวเลย แล้วจะเอาไงต่อ” ลุงคนขับรถเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าขับรถพาสามหนุ่มมาหาญาติตั้งแต่เช้าจนเย็นก็ยังไม่พบตัว

“มีที่ไหนที่เรายังไม่ได้ไปอีกมั้ยครับลุง” พลโทชิเยนเอ่ยด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“ยังเหลืออีกหมู่บ้านหนึ่งที่ยังไม่ได้ไป”

“ที่ไหนลุง” นีอานเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น อย่างน้อยๆก็เป็นความหวังสุดท้าย

“หมู่บ้านป่าไม้งาม!”

องครักษ์ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความหวัง พร้อมกับขอร้องให้ลุงพาไปยังหมู่บ้านนั้นทันที แต่ลุงบอกว่าจากนี้ไปอีกประมาณสามสิบกิโลเมตร ถ้าไปถึงชาวบ้านคงจะนอนกันหมดแล้ว ลุงจึงแนะนำให้ทั้งสามหนุ่มกลับที่พักก่อน และพรุ่งนี้ลุงจะพามาหาแต่เช้า พลโทชิเยนเห็นด้วย จึงตอบตกลง ทั้งสามจึงขึ้นรถกลับไปพร้อมกับลุงคนขับรถสองแถว

รอยแสยะยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพลโทจามีทัค คนสนิทของท่านนายพลทริเซนนัม ชายร่างท้วมใหญ่หันไปสบตากับลูกน้องอย่างคิดร้าย หลังจากติดตามพลโทชิเยนมาหลายเดือนเพื่อแกะรอยของเจ้าชายอีริคชาร์ ตอนนี้ก็ใกล้ความเป็นจริงแล้ว ถ้าเจอตัวเจ้าชายคราวนี้ล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยให้พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง!

เอื้องฟ้าอุ้มท้องย่างเข้าเดือนที่สี่แล้ว อาการแพ้ท้องเริ่มจางหาย หญิงสาวท่าทางแข็งแรงคล่องแคล่วขึ้น จึงไปช่วยอัคนีเก็บผักที่สวนหลังบ้าน

“ค่อยๆเดินนะ บอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ไม่เคยเชื่อ ถ้าสะดุดล้มขึ้นมาล่ะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ดื้อเสียจริง” อัคนีเดินจูงมือเอื้องฟ้าไปพลางบ่นไปพลาง แต่ภรรยาจอมดื้อของเขากลับยิ้มและทำเป็นหูทวนลม

ที่ตลาดเช้าของหมู่บ้าน พลโทจามีทัคและลูกน้องของเขาเดินเข้าไปในตลาดที่จอแจไปด้วยชาวบ้านมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างเนืองแน่น ในขณะที่รถสองแถวที่โดยสารโดยพลโทชิเยน นีอานและยูเทซันกำลังมุ่งหน้าเข้ามาที่หมู่บ้านป่าไม้งามเช่นกัน

“รู้จักผู้ชายในรูปนี้มั้ย” พลโทจามีทัคเอ่ยถามป้าคนหนึ่งแถวตลาด

“บ่ฮู้ คนกำลังรีบๆอยู่” ป้าเพียรกำลังรีบกลับบ้านจึงไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ชายร่างท้วมถาม ชายหนุ่มจึงหันไปมองรอบๆพอดีหันไปเจอป้าเป็งกำลังคุยจ้อไม่หยุดในกลุ่มพวกแม่บ้าน เขาจึงเดินเข้าไปอย่างเคร่งขรึม

“พวกคุณเคยเห็นชายในรูปนี้มั้ย” เขาเอ่ยถามเสียงเข้มพร้อมกับยื่นรูปถ่ายในมือให้ ป้าเป็งจึงมองหน้าชายแปลกหน้าอย่างพินิจและดึงรูปจากมือชายร่างท้วมมาดู แต่ดันทำหล่นมือ

“ไหนเอามาดูซิ ว๊าย! หล่น!” หญิงสาววัยกลางคนร้องอุทานเพราะทำรูปหล่นมือ ที่สำคัญรูปนั้นดันหล่นใส่โคลนตมจนเปรอะเปื้อนขี้โคลน

“โธ่เว้ย!” พลโทจามีทัคร้องอุทานอย่างอารมณ์เสีย รูปดันมีใบเดียวเสียด้วย

รถสองแถวจอดสนิทหน้าตลาดเช้าของหมู่บ้านป่าไม้งาม สามหนุ่มกระโดดลงจากรถ นีอานรีบควักรูปขึ้นมาแล้วมองหาชาวบ้านเพื่อจะถาม

“ขอถามหน่อย เคยเห็นคนในรูปนี้มั้ยครับ” นีอานถามป้าเป็งที่เดินผ่านมาอย่างเซ็งๆที่พึ่งโดนตวาดมาหมาดๆ

“ตะกี้ก็มาถามหาคน นี่ก็อีกคน วันนี้มันเป็นวันอะหยั่ง ไหนเอามาผ่อกำเลาะ” ป้าเป็งเอ่ยอย่างเสียอารมณ์ที่ถูกชายร่างท้วมตะคอกเมื่อสักครู่ แต่ก็ยังไม่วายสอดรู้สอดเห็น จึงรับรูปถ่ายจากชายหนุ่มมาดู

“อ๋อ รูปนี้มัน อัคนี ผัวนังเอื้องฟ้านี่ มาตามหาเปิ้ลมีธุระอะหยั๋ง” ป้าเป็งทำหน้างงๆเล็กน้อย ไม่เข้าใจจริงๆที่เช้านี้มีชายแปลกหน้ามาถามหาอัคนี

“ป้ารู้จักเหรอ แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ป้าบอกว่าใครมาถามป้านะ” นีอานดีใจที่ป้ารู้จัก แต่ก็เอะใจขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงคำพูดของป้าว่ามีคนถามหาเจ้าชายก่อนหน้านี้

“ใช่ ตะกี้มีป้อจายร่างท้วมๆมาถามหาแต่ยังบ่ทันฮู้ว่าเป็นใผ๋ รูปก็หล่นใส่ขี้โคลนเหียก่อน ”

“งั้นป้าบอกผมหน่อยว่าบ้านของผู้ชายคนนี้อยู่ที่ไหน” นีอานถามขึ้นอย่างร้อนใจ เขารู้สึกสังหรณ์อย่างไรพิกล

“อยู่ทางพู้น ข้ามสะพานลำธารไปก็ถึงละ มีอยู่หลังเดียว” ป้าเป็งเอ่ยพร้อมกับชี้ไปยังบ้านของเอื้องฟ้า ชายหนุ่มทั้งสามรีบวิ่งไปตามที่ป้าเป็งชี้ทันที

พลโทจามีทัคและลูกน้องที่ซุ่มอยู่รีบตามไปทันที อิงดาวที่สังเกตุเหตุการณ์ชายแปลกหน้าทำท่าลับๆล่อ เธอจึงรีบเดินไปถามป้าเป็ง

“ป้าเป็ง คนแปลกหน้าตะกี้เปิ้นมาถามหาใผ๋” อิงดาวเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

“ก็มาถามหาอัคนี ผัวเอื้องฟ้าน่ะกา ป้าละงงแต้ๆ ถามหาอะหยั๋งปะล้ำปะเหลือ”

อิงดาวร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปแจ้งข่าวให้ภูดินและลุงคำมีทราบเรื่องเพราะเกรงว่าอัคนีและเอื้องฟ้าจะได้รับอันตราย หญิงสาวรีบวิ่งไปที่บ้านของภูดิน

ด้านพลโทชิเยน นีอานและยูเทซันก็รีบไปที่บ้านตามที่ป้าเป็งบอกทันที เมื่อชิเยนเห็นสะพานจึงคิดว่าไม่ผิดแน่ ทั้งสามเริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติเหมือนมีใครเดินตามมา จึงหยุดมองและหันมาสบตาอย่างรู้กัน หัวหน้าหนุ่มออกคำสั่งให้เตรียมอาวุธให้พร้อมเพื่อปกป้องเจ้าชายหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

เอื้องฟ้าและอัคนีกำลังออกจากบ้านพอดีเพื่อไปขายของที่ตลาด วันนี้ทั้งสองออกสายหน่อยเพราะก๊อกน้ำเสีย อัคนีเลยซ่อมกว่าจะเสร็จ หญิงสาวเดินลงจากเรือนก่อน สายตาเหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าสามคนเดินเข้ามายังรั้วบ้าน ใบหน้าเนียนขมวดคิ้วโก่งขึ้นอย่างสงสัย หญิงสาวรีบก้าวเท้าเดินไปยังรั้วบ้าน

“มาพบใครหรือคะ”

“พวกเรามาหาคนในรูปนี้ ไม่ทราบว่าอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ” พลโทชิเยนเอ่ยพร้อมกับยื่นรูปถ่ายในมือให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตร เอื้องฟ้ารับไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ แต่เมื่อหญิงสาวมองชายในรูปช่างดูคล้ายกับอัคนีสามีของตน ต่างกันตรงที่ชายในรูปสวมสูทสีเข้ม ดูดีราวกับบุรุษผู้สูงศักดิ์ หัวใจของเอื้องฟ้าชาวาบ! ฉับพลันนั้นเอื้องฟ้าก็พลันสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกของสามีดังมาจากด้านหลัง

“เอื้องฟ้ารอผมด้วย…” เสียงเรียกนี้ช่างคุ้นหูของพลโทชิเยนมากนัก ต้องเป็นเสียงเจ้าชายไม่ผิดแน่! ชายหนุ่มทั้งสามหันไปมองตามเสียง และก็ต้องตกตะลึงตาค้างเมื่อผู้ที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับโอบเอวสาวน้อยหน้าหวานตรงหน้าคือเจ้าชายอีริคชาร์!

‘เจ้าชาย!’ พลโทชิเยนอุทานในลำคอเบาๆ แต่แปลกนักที่เจ้าชายทำเหมือนไม่รู้จักพวกตนทั้งสาม ทั้งๆที่ตนเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก

“พวกคุณมีธุระอะไร” อัคนีเอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมกับดึงเอื้องฟ้ามาใกล้ตนอย่างระวังตัว

ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด โดยที่พลโทชิเยนยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ทุกคนต่างตกใจ อัคนีดึงเอื้องฟ้าไว้ในอ้อมกอดและหมอบลงด้วยสันชาตญาณ พลโทชิเยน องครักษ์หนุ่มผู้เก่งกาจหันกระบอกปืนรัวใส่ฝ่ายตรงข้ามตามทิศทางของกระสุน จนฝ่ายนั้นหลบลูกกระสุนที่สาดเข้ามารอดอย่างหวุดหวิด

“นีอาน พาพวกเค้าเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!” พลโทชิเยนตะโกนบอกนีอาน เขาและยูเทซันยิงปืนสวนกลับฝ่ายศัตรูอย่างดุเดือด เสียงปืนดังรัวราวไม่หยุด เอื้องฟ้าร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างบางสั่นเทาหากแต่ถูกโอบจากสามี

อัคนีเองก็สบสนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าชายสามนี้ กำลังช่วยชีวิตเขาและเอื้องฟ้าอยู่เพราะบุรุษทั้งสามกำลังยิงต่อสู้กับอีกฝ่ายที่ไม่เปิดเผยตัว

“เข้าไปหลบในบ้านก่อน ทางนี้กระหม่อมจัดการเอง”เสียงตะโกนจากนีอานสั่งให้ทั้งสองเข้าบ้าน เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง แม่แสงคำวิ่งออกจากห้องครัวมาดู

“เอื้องฟ้า อัคนี เกิดอะหยั๋งขึ้น”

“แม่ อย่าออกไป” เอื้องฟ้าตะโกนสุดเสียง แต่ไม่ทันการณ์ หญิงสาวเป็นห่วงผู้เป็นแม่ เธอจึงวิ่งออกไปอย่างลืมตัว

ปัง! เสียงปีนดังขึ้น ร่างของแม่แสงคำล้มลงต่อหน้า “แม่!”เอื้องฟ้าหยุดกึก หญิงสาวตะโกนเรียกแม่อีกครั้ง พร้อมๆกับหยาดน้ำตาไหลราวกับสายฝน เอื้องฟ้าวิ่งไปหาร่างของผู้เป็นแม่ที่นอนแน่นิ่ง สาวน้อยกอดและเขย่าร่างและร้องไห้ราวกับเด็กน้อย อัคนีวิ่งมาหาทั้งสอง แต่ชายหนุ่มต้องหยุด และยกมือขึ้น เมื่อชายร่างท้วมหันกระบอกปืนเล็งมาที่เขา

“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร” อัคนีเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ไม่ต้องรู้หรอกว่าหม่อมฉันเป็นใคร รู้แค่ว่าวันนี้เป็นวันตายของพระองค์ก็พอแล้ว” ชายร่างท้วมเอ่ยอย่างเลือดเย็น

พลโทชิเยนตรงมาจากด้านหลังชายร่างท้วมและเล็งปืนชิดศีรษะชายผู้นั้นทันทีก่อนจะเอ่ย

“เป็นวันตายของแกต่างหากเล่า จามีทัค!” พลโทชิเยนเอ่ยเสียงเข้ม พลโทจามีทัคหน้าเสียเพราะเห็นว่าลูกน้องของตนถูกนีอานและยูเทซันจัดการได้แล้ว ก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังอย่างคนบ้าคลั่ง

“แกกับฉันมันก็เป็นแค่ขี้ข้าเหมือนกัน ต่างกันที่มีนายคนละคน เรามาร่วมมือกันดีกว่าชิเยนรับรองว่าอนาคตแกจะต้องไปไกลกว่านี้แน่” พลโทจามีทัคเอ่ยหว่านล้อมให้พลโทชิเยนเปลี่ยนใจมาอยู่ข้างตน

“ฉันไม่มีวันทรยศองค์เหนือหัวและเจ้าชายเหมือนแกหรอก ฉันจะจับแกกลับไปลงโทษอย่างสาสม” น้ำเสียงจากองครักษ์หนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่น เขาต้องการจับเป็นคนทรยศเพื่อไปรับโทษและเปิดเผยตัวการที่อยู่เบื้องหลัง

“ถ้าเช่นนั้นก็ตายกันหมดนี่เลย” พลโทจามีทัคเอ่ยเสียงเข้มอย่างเด็ดเดี่ยว เมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อผู้มีพระคุณของเขาเช่นกัน ก่อนที่จะเหนี่ยวไกใส่เจ้าชายอีรีคชาร์ เอื้องฟ้าตะโกนสุดเสียง “อย่า!” หญิงสาววิ่งเข้ามากอดสามีของตน แต่อัคนีเร็วกว่าเขาหมุนตัวภรรยาออก กระสุนผ่าทะลุลำแขนใหญ่ของตน ทั้งสองล้มลง ศีรษะของชายหนุ่มกระแทกเข้ากับท่อนไม้ เขาได้แต่เรียกหญิงสาวเบาวิวผ่านลำคอ “เอื้องฟ้า....หนีไป....หนีไป...” ภาพภรรยาที่รักของเขากำลังร้องไห้ปานใจจะขาดเลือนลางไปเรื่อยๆและก็มืดสนิทไปในที่สุด

พลโทชิเยนตะลึงงัน ฉับพลันพลโทจามีทัคปัดปีนในมือขององครักษ์หนุ่มหล่นลงพื้น ทั้งสองต่อสู้ด้วยมือเปล่า หมัดต่อหมัดแลกกันอลม่าน ล้มลุกคลุกคลานกลิ้งไปมา แต่พลโทจามีทัคตัวใหญ่กว่ามาก เขาจึงอาศัยจังหวะที่ต่อยหน้าของพลโทชิเยนให้ล้มลง หนีหายไป เป็นจังหวะเดียวกันที่เครื่องบินลำเล็กที่ยูเทซันส่งสัญญาณให้มารับตัวเจ้าชายได้มาจอดที่ลานโล่งกว้างข้างบ้านของเอื้องฟ้ามาพอดี

“รีบพาตัวเจ้าชายขึ้นเครื่องเถอะ พระองค์ถูกยิง ปล่อยมันไปก่อน” นีอานรีบร้องทักพลโทชิเยน ทั้งสองช่วยกันอุ้มร่างของเจ้าชายขึ้นเครื่องบิน โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งที่ร้องไห้ปานใจจะขาด พวกเขามีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าจะไปใส่ใจกับความรู้สึกของหญิงสาวต่างชาติผู้นี้! เครื่องบินบินขึ้นฟ้าและหายลับไป เอื้องฟ้าวิ่งตาม แต่ยิ่งวิ่งตามไปเท่าไร ดูเหมือนยิ่งเหินห่างกันมากขึ้นทุกทีและทุกที สุดท้าย เหลือแต่ความว่างเปล่า

“อย่าพาเค้าไป..ปล่อยเค้าเถอะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว อัคนี...ฮือๆๆ อย่าทิ้งเอื้องฟ้าไป อัคนี ฮือๆๆๆ”ร่างบางล้มลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น เรียกหาสามีอย่างน่าเวทนา

“เอื้องฟ้า!” เสียงอิงดาวเรียกดังมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนเอื้องฟ้าไม่รู้ตัวเลยสักนิด อิงดาว ภูดินและลุงคำมีมองดูกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มร่างของอัคนีขึ้นเครื่องบินลับฟ้าไป ข้าวของบริเวณบ้านกระจัดกระจาย ร่างของแม่แสงคำนอนจมกองเลือดแน่นิ่ง และเอื้องฟ้าร้องไห้ปริ่มใจจะขาด ทั้งสามสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่สงสารเอื้องฟ้าจับใจ

อิงดาวถลาเข้าไปกอดเพื่อนรักไว้แน่น ลุงคำมีและภูดินวิ่งไปที่ร่างของแม่แสงคำ “โธ่...แสงคำ นี่มันเกิดอะหยั๋งขึ้น...” ลุงคำมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นศพของน้องสาว ร่างบางของเอื้องฟ้ายังคงสั่นเทาและร้องไห้จนในที่สุดก็สลบอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อน ผู้หญิงตัวเล็กๆจิตใจดีเช่นเอื้องฟ้าทำไมต้องมาเจอเรื่องร้ายๆพร้อมกันเช่นนี้ เธอจะผ่านความทุกข์ทรมานนี้ไปได้อย่างไร อิงดาวได้แต่ปลอบโยนเพื่อนสาว น้ำตาหญิงสาวก็ไหลอาบแก้มด้วยความสงสารเพื่อนจับใจ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว