“ค่ะ”
มัทรียิ้มแหย่ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าจะตอบอะไรออกไป หัวใจก็ยังคงเต้นแรงขึ้น จนปากแทบไม่รู้รสชาติอาหารด้วยซ้ำ
“มัททำตำแหน่งอะไรครับ”
มัทรีมองชูชาติ เพราะคาดหวังว่าจะเป็นคนตอบแทนเหมือนครั้งก่อนๆ แต่คราวนี้ไม่
“ตอบคุณเกียร์สิมัท”
แถมยังโยนเผือกร้อนๆ มาใส่มือบางอีก เลยไม่รู้จะตอบอะไรออกไป ในเมื่อไม่เคยคาดคิด ว่าจะถูกทายาทอันดับหนึ่งของบริษัท นั่งถามตอนร่วมโต๊ะกันแบบนี้
“เอ่อ! มัทเป็น ผู้ช่วย ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมค่ะ”
“อ้อ! แล้วทำไมถึงมาทำงานกับเราล่ะครับ”
คำถามนี้ยิ่งทำให้หาคำตอบได้ยากยิ่ง ในเมื่อบอกไปตรงๆ ว่าเพราะหลงรักเขาและอยากเห็นหน้าเขาบ้างไม่ได้ หรือจะตอบว่ารายได้ดีกว่าที่อื่นก็ไม่ได้อีก
“เอ่อ! มัทคุ้นเคยกับที่นี่ตั้งแต่ตอนฝึกงานแล้วค่ะ เลยสมัครที่นี่ก่อนค่ะ”
“อ๋อ!”
จักรภัทรพยักหน้ารับอย่างเป็นทางการ แล้วตักอาหารใส่จานให้ชูชาติอีกครั้ง รวมทั้งตักให้พนักงานสาวสวยสะดุดตาด้วย และก็ต้องยกมือรับไหว้ตามด้วยอีกคำรบ เมื่อสองมือบางยกไหว้เขาในทุกครั้งที่ตักอะไรให้
“มัทเป็นเด็กเก่งครับ ฉลาด หัวไว ให้ทำอะไร ยากแค่ไหน นานแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น แถมยังขยันด้วยครับ ทำงานไปเรียนโทไป จนจบเมื่อปีที่แล้วครับ ไม่รู้อยากต่อด๊อกเตอร์อีกหรือเปล่า ผมถามก็บอกว่าค่าเรียนแพง”
ชูชาติเห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่พนักงานผู้ขยันขันแข็งได้ใกล้ชิดผู้บริหารระดับสูง เลยช่วยหนุนอีกแรง เผื่อจะมีตำแหน่งดีๆ เสนอให้บ้าง แม้จะเสียดายถ้าต้องโยกย้ายจากแผนกตัวเอง แต่ถ้าไปได้ดีกว่าตำแหน่งที่เขามีให้ เขาก็จะดีใจมากกว่า ด้วยรู้ดีว่าคนตรงหน้านิสัยเป็นยังไง
“เหรอครับ! ถ้าอยากเรียนจริงๆ เรามีทุนให้นะครับ แต่ก็ต้องทำงานใช้ทุนเหมือนที่เราให้ทุนเรียนโทนั่นล่ะครับ”
“แต่ตอนเรียนโท มัทไม่ได้ใช้ทุนบริษัทหรอกครับ”
ชูชาติส่งน้ำเสียงเบาลงกว่าปกติ
“อ้าว! ทำไมล่ะครับ เรามีทุนให้ ทำไมไม่ขอล่ะครับมัท”
ส่วนเจ้านายหนุ่มกลับส่งเสียงสูงกว่าปกติ เพราะไม่เข้าใจ ว่าทำไมสาวสวยตรงหน้า ถึงได้เมินกองทุนที่เขาอุตส่าห์เจียดเอาไว้ให้พนักงานรักดี
“เอ่อ! พอดีโคว้ต้าหมดค่ะ ต้องรอนานด้วย มัทเลยจ่ายเองค่ะ”
มัทรีตอบตามความจริงและด้วยท่าทีนอบน้อม
“อ๋อ! ผมเข้าใจแล้ว แต่ถ้าจะต่อด๊อกเตอร์จริงๆ ให้พี่ชาติมาคุยกับผมส่วนตัวได้นะครับ เดี๋ยวผมจะเจียดจากกองทุนอื่นมาให้ก่อน”
เขาหมายความอย่างที่ว่าไว้จริงๆ หรือต่อให้ไม่มีทุน เขาก็ยินดีจะควักให้เอง ในเมื่อเห็นคนรักดี รักเรียนแถมสวยสะดุดตาขนาดนี้ จะไม่สนับสนุนได้ยังไงกัน
“มัทรีบขอบคุณ คุณเกียร์เร็วเข้า ท่านอุตส่าห์กรุณาเป็นกรณีพิเศษขนาดนี้แล้ว”
ชูชาติมองไปยังพนักงานที่ตัวเองรักและเอ็นดูจากใจจริง
“ขอบพระคุณค่ะที่กรุณามัท”
มัทรีทำตามคำด้วยท่าทีนอบน้อม แม้ไม่มีแผนจะเรียนยังไง แต่ก็คงไม่ดีแน่ ถ้าจะอวดดีกับผู้ใหญ่ที่กรุณาขนาดนี้
“ด้วยความยินดีครับ”
จักรภัทรยกมือรับไหว้รอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้อีก เขาจ้องมองใบหน้าขาวหมดจด แล้วยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะหันไปหาชูชาติต่อ
“ว่าแต่ลูกๆ พี่ชาติเป็นยังไงบ้างครับ...”
มัทรีนั่งกินข้าวช้าๆ ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องเลย พออิ่มก็ช่วยเก็บจานเอามาวางซ้อนๆ กัน รอให้คนมายกออกไป เมื่อสบโอกาสเหมาะ จึงขออนุญาตกลับ ผู้ใหญ่จะได้คุยงานสักที
“เดี๋ยวผมจะให้คนรถไปส่งนะครับ มัทจะได้ถึงบ้านเร็วๆ แทนการขอโทษ ที่ผมใช้งานเกินเวลาครับ”
มัทรีอึ้งในน้ำคำของผู้บริหารหนุ่ม และคิดว่าคงเป็นการพูดไปตามมารยาทเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ มัทออกไปโบกแท็กซี่กลับก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ครับ ตอนนี้แดดแรงมาก กว่าจะเดินไปถึงประตูบ้าน แท็กซี่ก็ไม่ค่อยผ่านหรอกครับ อาจจะต้องเดินไปถึงปากซอยเลย มัทรอแป้บนะครับ”
เมื่อเห็นเขาส่งน้ำเสียงหนักแน่น ท่าทีว่าเอาจริง มัทรีไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่นั่งมองมือขาวๆ ของเขาคว้ามือถือมาโทรอีกคำรบ
“มวนอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่งคุณมัทที ให้ถึงประตูบ้านเลยนะ แล้วรายงานด้วย ได้ๆ”
เขาวางสายแล้วก็หันมาหา พร้อมกับยิ้มบางๆ
“เดี๋ยวมัทเดินออกไปหน้าบ้านนะครับ คนรถของผมรออยู่ ขอบคุณมากนะครับที่เอาเอกสารมาให้ เดินทางปลอดภัยครับ”
“ขอบพระคุณค่ะ งั้นมัทลานะคะ”
มัทรีไม่รู้จะปฏิเสธยังไงได้ ในเมื่อเขากรุณาขนาดนี้ เลยรีบยกมือไหว้ลาทั้งสอง แล้วเดินออกจากศาลาไป มีเจ้าสามตัววิ่งมาหา ราวกับจะถามว่า ‘กลับแล้วเหรอ’
เลยเอามือลูบหัวพวกมันเพื่อเป็นการกล่าวลา เจ้าของเจ้าสามตัวหันมามองแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปหาชูชาติต่อ พนักงานสาวก็เดินไปหน้าบ้าน เจ้าสามตัวก็ยังตามมา
เลยได้ชมบ้านของเขาควบคู่กับการมีน้องหมาห้อมล้อม ความใหญ่โตโอ่อ่าของสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า จนไม่กล้าเรียกว่าบ้านเหมือนเขา เรียกวังหรือคฤหาสน์ยังจะเหมาะสมกว่า
“คุณมัทเหรอครับ เชิญครับ”
เห็นเมอร์เซเดรส เบนซ์ป้ายแดงจอดรออยู่พร้อมคนขับ ก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว แถมยังถูกเรียกอย่างให้เกียรติและมีคนเปิดประตูรถรอขนาดนี้ เข่าทั้งสองข้างเกือบจะทรุดลงให้ได้ ถ้าตั้งสติไม่ดี มัทรีไม่เต็มใจจะนั่งเบาะหลังเลยสักนิด
“เดี๋ยวมัทนั่งหน้าก็ได้ค่ะ”
“อย่าเลยครับ แขกของคุณเกียร์ต้องนั่งเบาะหลังเท่านั้นครับ เชิญครับ”
เมื่อขัดไม่ได้เลยจำต้องเข้าไปนั่ง แล้วโบกมือลาเจ้าสามตัวที่มาส่งจนถึงรถ ประมวนปิดประตูเบาๆ ราวกับคนด้านในเป็นเจ้านายอีกคน ก่อนจะอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่ง ถามถึงจุดหมาย แล้วก็ออกรถไปช้าๆ
ส่วนสายตาแขกชั่วคราวนั้น ก็กำลังกวาดมองสภาพสะอาดสะอ้านในรถไป เดาไม่ถูกว่าราคาเท่าไหร่ มันช่างนั่งสบาย ไร้แรงกระแทก แอร์ก็เย็นฉ่ำจนแทบจะหลับให้ได้ แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะหลับแล้วฝันถึงเจ้าของรถ
กระนั้น ในยามค่ำคืน ก็ยังไม่วาย เก็บเอาเขาไปนอนฝันหวานถึงอยู่ดี ภาพความเมตตาต่างๆ ที่เขามีให้ ยังเด่นชัดในความทรงจำ จนต้องลุกขึ้นมาจดไว้ในบันทึก เพื่อตราตรึงเอาช่วงเวลาอันแสนวิเศษนี้ไว้ตราบนานเท่านาน
จักรภัทรออกจากห้องน้ำได้ ก็คว้าเสื้อผ้ามาใส่ นาฬิกาเข้ากับชุด พอๆ กับแว่น ก็ถูกคว้ามาครอบดวงตาคู่คมเอาไว้ ก่อนออกจากห้อง เขาควักธนบัตรสีเทาหนึ่งใบวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อเป็นค่าขนมให้เต้ยใช้ในอาทิตย์นี้ เพราะก่อนไปโรงเรียน คงจะเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในห้องให้เขา
ห้องอาหารมีพ่อกับแม่ พร้อมกับเจ้าสามตัวอยู่กับครบครัน พอมันเห็นเขาต่างก็วิ่งมาหา เขาต้องยกมือห้ามไม่ให้ทักทายด้วยการตะกุยเสื้อผ้า แล้วพวกมันก็เชื่อฟัง ต่างพากันไปนอนอยู่คนละมุมห้อง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ คุณแม่”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่นิดๆ ตาก็มองไปหาพ่อกำลังนั่งให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนทุกเช้า
“อ้าว! คุณชายใหญ่ของแม่มาแล้ว นั่งเร็วๆ เดี๋ยวจะทำน้ำผลไม้ให้ก่อน”
ส่วนแม่นั้นลุกขึ้นไปวุ่นวายกับเครื่องแยกกากผลไม้ แทนการใช้คนอื่น แถมแม่ยังให้ความสำคัญกับมื้อเช้าของทุกคนในบ้าน จนไม่มีทางยอมให้สามีหรือลูกๆ คนไหนไปทำงาน โดยไม่มีอะไรตกถึงท้องสักวัน ยกเว้นวันที่แม่ป่วย แต่ก็ยังกำชับให้มณฑาคอยดูแลแทนอยู่ดี
“แล้วนี่คุณชายเล็ก กับสองสาวของแม่ยังไม่ลงมาอีกเหรอ เมื่อวานไปเที่ยวเพลินจนลืมตื่นกันหรือไงจ๊ะ”
“ไม่รู้ครับ คุณแม่ต้องรอถามเอาเอง วันนี้ท่านซีอีโอจะเข้าออฟฟิศกี่โมงครับ”
เขาเย้าพ่อน้อยๆ ก่อนจะคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับที่พ่ออ่านจบแล้วมากางออก
“จะเข้าไปประชุมแค่นั้น แล้วก็จะไปออกรอบกับแขกยุโรปไงล่ะ หรือแกจะไปแทน”
จักรภพตอบลูกชาย แบบไม่ได้ละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยซ้ำ ส่วนลูกก็รับแก้วน้ำผลไม้จากมือแม่มาดื่ม แล้วยิ้มน้อยๆ ให้แทนการขอบคุณ
“งานผมล้นหัวเลยครับ หน้าที่ต้อนรับแขกนี่ ขอยกให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่เหงาไงครับ”
เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ ลำพังงานบริหาร ซึ่งมีบริษัทลูกถึงสิบสองบริษัท ก็แทบจะไม่มีเวลาว่างแล้ว ถ้าต้องคอยต้อนรับแขกอาวุโสรุ่นพ่อ รุ่นปู่อีก คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี
+++++
E-Book พร้อมโหลดแล้วค่ะ
สนใจโหลดตัวอย่างอ่านก่อนซื้อได้ค่ะ
ใต้ร่มสกุณี [Shadiness]กันเกราwww.mebmarket.com“ปล่อยฉันลงนะ ออกไปจากห้องฉัน!!! ออกไปให้ห่างจากตัวฉันนะ ฉันเกลียดคุณ!!! คนหลอกลวง!!! ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ!!!”
****** ขออนุญาตแจ้งอีกทีนะคะ ว่านิยายทุกเรื่องจะลงให้อ่านได้ราว 70% เท่านั้นค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าทำให้ค้างคา แต่กันเกราเชื่อว่านักอ่านที่น่ารักทุกท่านจะเป็นกำลังใจต่อให้ด้วยการตามหาหนังสือมาไว้ในครอบครองอยู่แล้วค่ะ ******
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
และหนึ่งคอมเม้นต์ของท่าน คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ แต่ก็ยินดีต้อนรับและขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยค่ะ
รู้งี้แล้วอย่าลืมเม้นท์ให้เค๊าหลังอ่านด้วยนะตะเอง
เข้าไปทักทาย พูดคุย หรือติชมผลงานได้
ตามเพจด้านล่างนี้เลยนะคะ
ยินดีต้อนรับทุกๆ ท่านค่ะ และยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามหยิบยก คัดลอก หรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ในรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น เว้นเสียแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ประพันธ์เป็นลายลักษณ์อักษร ยกเว้นเพื่อการประชาสัมพันธ์อันเป็นประโยชน์แก่หนังสือเล่มนี้เท่านั้น
วิมานสอยดาว [Heaven]กันเกราwww.mebmarket.comน้ำจิ้มพอแสบๆ คันๆ มันส์ๆ เสียวๆคุณไม่มีสิทธิ์จะไปไหนทั้งนั้นจนว่าผมจะอนุญาตหรือไม่ก็จนกว่าพี่ชายคุณจะหาเงินสี่สิบล้านมาให้ผม ระหว่างนี้คุณมีหน้าที่ปรนเปรอความสุขบนเตียงให้ผม และทำทุกอย่างที่ผมสั่งไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะเ
ใต้ร่มสกุณี [Shadiness]กันเกราwww.mebmarket.com“ปล่อยฉันลงนะ ออกไปจากห้องฉัน!!! ออกไปให้ห่างจากตัวฉันนะ ฉันเกลียดคุณ!!! คนหลอกลวง!!! ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ!!!”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว