ดวงเนตรสมบัติพลิกชะตา ข้าจะเป็นเศรษฐี-บทที่ 23 เหมาะสมกัน

โดย  Pinebook

ดวงเนตรสมบัติพลิกชะตา ข้าจะเป็นเศรษฐี

บทที่ 23 เหมาะสมกัน

ในที่สุดโหมวซือฉิงก็หลุดหัวเราะ ‘พรืด’ “ถือว่านายเป็นเด็กซื่อสัตย์ ถ้าต้องการขึ้นมาจริงๆ ละก็ คอยดูสิ มีหรือฉันจะไม่โผล่มาจับนาย!”

สวี่ตงตกใจจนขนที่หลังลุกเกรียว ที่แท้คนที่โทรมาก็คือโหมวซือฉิง มิน่าเล่าตนถึงรู้สึกว่าเสียงผู้หญิงฟังดูแปลกๆ โชคดีที่เขายังเด็ก ประสบการณ์น้อยจึงไม่ได้ชื่นชอบเรื่องพรรค์นั้น มิเช่นนั้นคงเผลอคล้อยตามเรียกมาจริง แม่เสือตัวนี้กำลังใช้ ‘แผนล่อเหยื่อ’ หากถูกเธอจับได้คาหนังคาเขา จะไม่แย่กันไปใหญ่เหรอ

และไม่รู้ทำไมตำรวจหญิงคนนี้ถึงสนใจเขานัก เขาไม่เคยทำอะไรให้เธอ แถมยังเพิ่งรู้จักกันแค่ครึ่งวันด้วยซ้ำ อีกอย่างตัวเขาก็นับว่ามีบุญคุณกับตระกูลโหมวไม่ใช่เหรอ ในงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันยังช่วยพวกเธอตามหาเสื้อหยกไหมทองกลับมาได้ ทำไมเธอถึงยังตามราวีเขาไม่เลิก

ดีที่เขาไม่เข้าใจคำว่า ‘หญิงบริการ’ จริงๆ มิเช่นนั้น เรื่องล้อเล่นคงนำหายนะมาสู่ตัวเขาเป็นแน่ เพราะโหมวซือฉิงจงใจ ‘วางกับดัก’ หากเขาเข้าใจความหมาย ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจจะทำจริง เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะแสร้งทำเป็นล้อเล่นได้หรือเปล่า!

โหมวซือฉิงเห็นสีหน้าระแวงของสวี่ตงก็พูดเสียงเรียบ “ยังจะขวางประตูอยู่ทำไม กลัวฉันจะเข้าไปกินหรือไงกัน หรือนายซ่อนอะไรไว้ในห้อง”

“งั้น…งั้นคุณเข้ามา!”

สวี่ตงรีบเชิญโหมวซือฉิงอย่างประดักประเดิด ก่อนจะรีบเปิดทางให้โหมวซือฉิงเข้าไป เขารู้ว่าในห้องไม่มีอะไร แต่หากไม่ให้ ‘ความร่วมมือ’ สักหน่อย เธออาจจะสาดโคลนใส่เขาอีกก็ได้!

หลังจากโหมวซือฉิงเข้าไปแล้วย่อมไม่เข้าไปค้นตามห้องน้ำหรือตู้เสื้อผ้า เธอเดินตรงไปทิ้งตัวนั่งที่ขอบเตียง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันใด ก่อนจะบอกสวี่ตงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามฉันมา!”

สวี่ตงตกตะลึง เขาอาบน้ำเตรียมจะเข้านอนแล้ว เดิมทีก็ไม่คิดจะเสวนาพาทีใดๆ กับโหมวซือฉิงอีก แต่เธอกลับมาหาถึงหน้าประตู แล้วยังจะให้ตนออกไปข้างนอกกับเธอดึกดื่นเช่นนี้อีกเพื่ออะไร

เงียบไปเพียงอึดใจ สวี่ตงก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ได้ครับ ผู้เฒ่าหลงกับอาหนิวเมากันหมด ผมต้องอยู่ที่โรงแรมเพื่อดูแลพวกเขา ดึกขนาดนี้คุณยังคิดจะทำอะไรอีก”

จากมุมมองของสวี่ตง เขาเดาไม่ออกเลยว่าโหมวซือฉิงคิดจะทำอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็กล้ายืนยันว่าโหมวซือฉิงไม่ได้ชอบเขานัก อยู่ดีๆ มาบังคับเขาออกไปกินข้าวสังสรรค์ หรือโหมวซือฉิงจะตกหลุมรักเขาเลยมาชวนออกไปกินข้าวดูหนังเดินเล่น คิดวนไปพักหนึ่งก็ยังเดาไม่ออกว่าแม่เสือนี่มีแผนอะไรกันแน่

โหมวซือฉิงหน้าดำทะมึนขึ้นเล็กน้อย “เหอะๆ ฉันจะให้โอกาสนายอีกสักครั้ง จะไปหรือไม่ไป”

สวี่ตงตอบเสียงหนักแน่น “ไม่ไป!”

เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องกลัวเธอ!

ทว่าพอสวี่ตงเห็นสีหน้าโหมวซือฉิงถมึงทึงก็เกิดใจสั่นวูบวาบ เธอจะสร้างเรื่องหาว่าเขา ‘ทำตัวหยาบคาย’ ใส่เธออีกหรือเปล่า

การคาดเดาครั้งนี้ผิดไป โหมวซือฉิงไม่เล่นละครฉากเดิมอีก มือหยิบกุญแจมือเงาวับออกมาจากด้านหลังเอว ก่อนจะ ‘คลิก’ ล็อกสองมือเขาไว้!

ตั้งแต่เด็กจนโต แม้ว่าสวี่ตงจะต้องเผชิญความยากลำบากมากมายหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตก็ยังไม่เคยถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือเลยสักครั้ง ความยากลำบากทั้งหมดมาจากครอบครัวของป้าเท่านั้น การถูกจับใส่กุญแจมือราวกับเป็นนักโทษแบบนี้เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก!

“คุณ…คุณ…คุณรังแกผมอีกทำไม” สวี่ตงเริ่มกังวลจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้โหมวซือฉิงเคยขู่ว่าเขา ‘ทำตัวหยาบคาย’ แต่นั่นยังเป็นแค่คำพูด หลังจากเขายอม ‘อ่อน’ ให้โหมวซือฉิงก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่เหมือนตอนนี้ที่พูดไม่ดีแค่คำเดียวก็ใช้กำลัง ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเลย!

เวลานี้โหมวซือฉิงล็อกตัวเขาด้วยสีหน้าถมึงทึง หรือว่าต้องการหลักฐาน ‘ภาพถ่าย’ อะไรทำนองนั้นเลยจะลากตัวเขาไปทุบตีให้ยอมจำนน

ว่ากันตามหลักการแล้วโหมวซือฉิงจะได้อะไรจากการลงโทษเด็กอย่างเขา เรื่องทุกอย่างล้วนต้องมี ‘ส่วนได้ส่วนเสีย’ แต่คิดไปคิดมาตัวเขาก็ยังไม่น่าถึงระดับที่มีอิทธิพลกับโหมวซือฉิงหรอกมั้ง

โหมวซือฉิงคว้าเสื้อคลุมที่สวี่ตงถอดโยนไว้บนโซฟาเดี่ยวมาคลุมข้อมือสวี่ตงที่ถูกใส่กุญแจมือ ก่อนจะพูดว่า “ตามฉันลงไปดีๆ ก็จะไม่เสียหน้า ถ้าคิดตุกติก ฉันไม่รับประกันว่านายจะยังเหลือหน้าให้รักษา!”

แม้สวี่ตงจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงตามเธอออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตำรวจหญิงที่ไม่ทำอะไรตามกฏเกณฑ์คนนี้ดี สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอจะพาเขาไปทำอะไร

ตั้งแต่ลิฟต์เคลื่อนตัวถึงชั้นล่างจนกระทั่งพวกเขาออกนอกโรงแรม สวี่ตงก็ยังไม่กล้าคิดหลบหนี เขาถูกใส่กุญแจมือไว้อย่างแน่นหนา แล้วเขาก็ไม่ใช่ช่างสะเดาะกุญแจมืออาชีพจึงไขออกไม่ได้ ต่อให้หนีพ้นเงื้อมมือโหมวซือฉิง คนที่พบเห็นก็อาจแจ้งความ ถึงเวลานั้นเขาคงตกลงส้วมเข้าจริงๆ แม้ไม่ใช่อึก็ต้องกลายเป็นอึจริงๆ แล้ว!

หลังออกจากโรงแรม โหมวซือฉิงก็ตรงไปยังเชฟโรเลตแคปติวาสีดำที่จอดอยู่ริมถนน ตอนที่สวี่ตงเข้าไปใกล้ๆ เขาเห็นใบสั่งเสียบอยู่ใต้ที่ปัดน้ำฝนด้วย แต่โหมวซือฉิงเห็นแล้วก็ไม่สนใจ ดึงประตูเปิดพร้อมหันมาสั่ง “ขึ้นรถ!”

แม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน บนถนนก็ยังมีคนเดินสัญจรไม่น้อย เมืองถงเฉิงเป็นเมืองขนาดกลาง มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน ผู้คนทั้งร่ำรวยยากจนออกมาท่องราตรี แสงสีละลานตาสุดคึกคัก

สวี่ตงเห็นผู้คนขวักไขว่ก็ตัดสินใจเทหมดหน้าตัก ขัดขืนอยู่ข้างประตู “ไม่ขึ้น คุณอยากรังแกผมยังไงก็เรื่องของคุณ หรือไม่ก็เอาปืนมายิงผมเลย!”

โหมวซือฉิงเห็นสวี่ตงจู่ๆ ก็ทำตัวเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนจึงตกใจ แล้วก็รู้สึกทั้งโมโหทั้งขำจึงยื่นเท้าเตะข้อพับเข่าสวี่ตงไปทีหนึ่ง

สวี่ตงร้อง ‘โอ๊ย’ เข่าทรุดฮวบลง โหมวซือฉิงผลักหลังเขาทีเดียวตัวเขาก็เข้ารถไป

โหมวซือฉิงปิดประตูรถดัง ‘ปัง’ ก่อนจะเดิมอ้อมหน้ารถไปขึ้นอีกฝั่ง บิดกุญแจสตาร์ทรถแล้วหันมาแค่นเสียงพูด “ฉันว่านายนี่มันวอนเท้านะ ไม่ใช้กำลังก็ไม่เชื่อฟังงั้นสิ”

สวี่ตงไม่เถียงสักคำ โหมวซือฉิงเวลานี้ดูดุร้ายและแข็งแกร่งมาก เขายังแอบโล่งใจนิดหนึ่ง หากเล่นละคร ‘ทำตัวหยาบคาย’ แบบก่อนหน้านี้คงอับอายน่าดู แต่เขายังคงไม่วางใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอฉุดเขาออกมากลางดึกเพื่ออะไรกันแน่!

โหมวซือฉิงตอนขับรถกลับดูคล่องแคล่วมาก อย่าเห็นว่าภายนอกบอบบางอ้อนแอ้น แต่เวลาขับแคปติวาคันค่อนข้างใหญ่นี้กลับไม่งุ่มง่ามเลยสักนิด ขณะรถพุ่งตัวฝ่าการจราจร สวี่ตงยังต้องคว้าที่จับเหนือหัวด้วยมือสองข้างอย่างห้ามไม่ได้ พยายามขยับซ้ายขวาเพื่อทำให้ร่างกายมั่นคง

โหมวซือฉิงไม่สนใจว่าสวี่ตงจะนั่งได้มั่นคงหรือไม่ เธอขับรถพุ่งทะยานอย่างดุเดือด ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงจุดหมาย รถจอดสนิทแล้วก็ดึงกุญแจ เปิดประตู กระโดดลง ก่อนจะหันมาสั่ง “ถึงแล้ว ลงมา!”

สวี่ตงหอบหายใจพลางเปิดประตูรถลงไป แต่กลับต้องเวียนหัวตาลายจนเกือบล้มลง

“อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงได้ไหม หรือว่านายเมารถ” โหมวซือฉิงเหน็บสวี่ตงอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเร่งเขาให้รีบเดิน

สวี่ตงยังเวียนหัวอยู่จึงนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อสติเริ่มกลับมาก็เงยหน้ามองสถานที่ตรงหน้า ลานจอดรูปรูปสี่เหลี่ยมมีรถยนต์จอดอยู่นับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นรถตำรวจ บนประตูอาคารขนาดใหญ่ห่างออกไปยี่สิบเมตรมีตัวอักษรสีทองแวววาว ‘สถานีตำรวจเมืองถงเฉิง’!

สวี่ตงตกใจวาบ “สถานีตำรวจ?”

แต่อีกใจก็ยินดี มาถึงสถานีตำรวจแล้ว โหมวซือฉิงคงไม่กล้าใช้อำนาจมั่วซั่วอีกแล้วมั้ง พอดีเลยจะได้หาโอกาสร้องเรียนกับหัวหน้าเธอด้วย

แต่โหมวซือฉิงเป็นผู้หญิงหัวรุนแรง หากยังไม่มั่นใจก็อย่ายั่วโมโหเธอดีกว่า มิเช่นนั้นก็มีแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งตกที่นั่งลำบาก!

มาถึง ‘ฐานทัพ’ ของโหมวซือฉิงแล้ว โหมวซือฉิงจึงไม่คิดจะซ่อนกุญแจมือบนข้อมือสวี่ตงเลยสักนิด เอาแต่เร่งให้สวี่ตงเดินเข้าไป

ตำรวจในเครื่องแบบหลายนายออกมาทักทายโหมวซือฉิงโดยไม่มีใครสนใจสวี่ตง ที่นี่มีคนถูกใส่กุญแจมือเข้าออกเป็นเรื่องปกติ ที่เข้ามาทักทายโหมวซือฉิงเหตุผลหลักเพราะโหมวซือฉิงสวยเกินไป ผู้หญิงสวยมักถูกรายล้อมด้วยหมู่ดาว

ที่ทางเข้าลิฟต์ของอาคาร โหมวซือฉิงกดปุ่มขึ้นลิฟต์ ทว่าจอแสดงหมายเลขยังคงค้างอยู่ที่ชั้นสิบสอง หลังจากกดซ้ำหลายครั้งโหมวซือฉิงก็พึมพำอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันมาทางสวี่ตงแล้วยกมือบอก “ขึ้นบันได!”

สวี่ตงก็ไม่ขัด ตอนนี้ให้ทำอะไรก็ยอมไปก่อนเพื่อให้โหมวซือฉิงตายใจ รอจนถึงตอนได้พบหัวหน้าเธอเมื่อไรจะฉวยโอกาสร้องทุกข์ให้เข็ด เธอบอกให้ขึ้นบันได้ก็ขึ้น แต่ไม่รู้ว่าต้องขึ้นไปถึงชั้นไหนนี่สิ

ตั้งแต่เริ่มขึ้นบันได โหมวซือฉิงก็ก้าวเร็วฉิวถึงชั้นห้าโดยไม่เหนื่อยหอบ สวี่ตงเริ่มหอบนิดๆ ยกสองมือปาดเหงื่อก่อนจะเอ่ยถาม “ต้องขึ้นไปถึงชั้นไหน”

“ชั้นเก้า” โหมวซือฉิงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างจึงไม่ปฏิเสธคำถามของสวี่ตง ยอมตอบง่ายๆ น้ำเสียงก็ปกติดี

“ผู้หญิงคนนี้นี่ชอบทรมานตัวเองจริงๆ !” สวี่ตงกัดฟันกรอด เริ่มมีน้ำโห ‘ชั้นเก้าเลยนะ ไม่ใช่แค่ชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง ไปถึงชั้นเก้าก็ไม่คิดจะใช้ลิฟต์ ลิฟต์ไม่ลงมารอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้!’

หากเป็นการเดินไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่เท่าไร แต่โหมวซือฉิงไม่คิดจะชะลอหรือหยุดพักเลยสักนิด เอาแต่เร่งให้เขารีบเดิน

สวี่ตงอดกลั้นเพลิงโทสะ พอถึงชั้นเก้าก็เตรียมจะพัก โหมวซือฉิงเข้ามาดันหลังของเขาพร้อมพูดอย่างกระตือรือร้น “รีบไปๆ !”

สวี่ตงเหลือบมองป้ายหน้าห้องที่เห็นอยู่เรียงรายสองข้างทาง ‘สำนักงานหัวหน้าแผนก xx’ ‘สำนักงานหัวหน้าส่วน xx’ เดินต่อไปก็เห็นป้าย ‘สำนักงานรองผู้อำนวยการ’ ก็แอบดีใจ โหมวซือฉิงไม่มีท่าทีจะหยุด ยิ่งเดินต่อไป ตำแหน่งงานบนป้ายก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เขากำลังคิดจะร้องเรียนกับหัวหน้าสูงสุดของโหมวซือฉิง ยิ่งตำแหน่งสูง บทลงโทษก็จะยิ่งหนัก!

สวี่ตงเดาถูกจริงๆ ด้วย โหมวซือฉิงเดินตรงมาถึงประตูที่ป้ายเขียนว่า ‘สำนักงานผู้อำนวยการ’ จึงหยุดฝีเท้าแล้วเคาะประตูโดยไม่ต้องคิด ผลักประตูเข้าไปพร้อมพูดว่า “ผู้กำกับหู ฉันพาผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว!”

สวี่ตงยังอยู่หน้าประตูก็ได้ยินเสียงทุ้มลึกของผู้ชายดังมาจากข้างใน “ยัยหนู ฉันบอกให้เธอเข้ามาหรือยัง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าในสายตาเธอฉันไม่เหมือนผู้กำกับเลย ฉันเป็นผู้ติดตามเธอสินะ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว